ประวัติ นบีซะกะรียา อะลัยฮิสสลาม


140,047 ผู้ชม

นบีซะกะรียา สืบเชื้อสายมาจากนบียะกู๊บ นักประวัติศาตร์มีความเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับสายตระกูลของนบีซะกะรียา...


ประวัติ นบีซะกะรียา อะลัยฮิสสลาม

ประวัติ นบีซะกะรียา อะลัยฮิสสลาม
นบีซะกะรียา สืบเชื้อสายมาจากนบียะกู๊บ  

นักประวัติศาตร์มีความเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับสายตระกูลของนบีซะกะรียา บางคนกล่าวว่า นบีซะกะรียา บุตร อาซัน บุตร บัรกียา บางคนกล่าวว่า นบีซะกะรียา บุตร บัสวี ที่สืบเชื้อสายมาจากลูกหลานของยะฮูซา บุตร นบียะกู๊บ
นบีซะกะรียา ได้อุทิศตนเพียรบำเพ็ญภาวนา รำลึกถึงอัลลอฮฺอยู่สม่ำเสมอ ท่านเป็นผู้ที่อดทน มีความมั่นคงในการศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้า นบีซะกะรียา มีภรรยาชื่อ อีชาอฺบุตรี ฟากูด
ขณะที่นบีซะกะรียามีอายุ 120 ปี และภรรยาของท่านมีอายุ 98 ปี ทั้งสองอยู่ในวัยชราภาพ แต่ทั้งสองก็ยังไม่มีบุตร นบีซะการียาวิงวอนต่ออัลลอฮฺให้ประทานลูกกับเขาสักคนหนึ่งก่อนที่พวกเขาจะตาย อัลลอฮฺทรงตอบรับคำวิงวอนของท่าน
พระองค์อัลลอฮฺทรงส่งมลาอิกะฮฺมาแจ้งแก่นบีซะกะรียาว่า
มลาอิกะฮฺ : โอ้ ซะกะรียา เราจะแจ้งข่าวดีกับเจ้าว่า เจ้าจะมีบุตรชื่อยะฮฺยา
นบีซะกะรียา : ข้าจะมีบุตรได้อย่างไร ในเมื่อภรรยาของข้าพระองค์ก็เป็นหมัน ส่วนข้าพระองค์ก็แก่ชราภาพมากแล้ว
มลาอิกะฮฺ : มันง่ายสำหรับพระเจ้าของท่าน ถ้าพระองค์ทรงประสงค์ แท้จริงอัลลอฮฺได้ให้บังเกิดเจ้ามาก่อน ทั้งๆที่เจ้ายังไม่ได้มีอะไรเลย
นบีซะกะรียา : แล้วข้าควรจะทำอย่างไรบ้างกับสัญญาณดังกล่าว
มลาอิกะฮฺ : เจ้าจงอย่าพูดกับผู้คนเป็นเวลา 3 วัน แต่เจ้าสามารถอ่านคัมภีร์และกล่าวสดุดีต่อพระเจ้าได้ตลอดเวลา
นบีซะกะรียา ไม่ได้พูดเป็นเวลา 3 วัน 
ช่วงชีวิตของท่านในเวลานั้นมุ่งสู่การกล่าวสดุดีพระเจ้าทั้งยามเช้าและยามเย็นเพียงอย่างเดียว หลังจากนั้นไม่นานภรรยาของท่านก็ให้กำเนิดบุตรชายน่ารัก เฉลียวฉลาด ท่านตั้งชื่อให้เด็กคนนั้นว่ายะฮฺยา ยะฮฺยาเป็นเด็กน่ารัก เขามักจะละหมาดและขอดุอาอฺร่วมกับพ่อแม่ของเขาเสมอ สามคน พ่อ แม่ และลูก ล้วนเป็นคนดีทั้งสิ้น


นบีซะกะรียา ได้เรียกร้องเชิญชวนให้ชาวบะนีอิสรออีลเคารพภักดีต่ออัลลอฮฺ ถึงแม้ว่าท่านจะตักเตือนพวกเขาอยู่ตลอด แต่ชาวบะนีอิสรออีลไม่เชื่อฟังท่าน พวกเขายังโกรธต่อนบีซะกะรียาอีกด้วย 
วันหนึ่ง นบีซะกะรียาได้ตักเตือนคนพาลคนหนึ่ง ให้กลับตัวกลับใจเลิกล้มการกระทำความชั่วแล้วกลับมากระทำความดี แต่เขาไม่ยอมเชื่อฟังและตั้งตนเป็นศัตรูต่อนบีซะกะรียาอีกด้วย
หลังจากนั้นไม่นาน นบีซะกะรียาก็ถูกพวกอันธพาลเหล่านั้นสังหารอย่างโหดร้ายทารุณ
นบีซะกะรียาเป็นผู้ที่มีความอดทน รำลึกถึงอัลลอฮฺอยู่เสมอ ท่านเป็นคนดี พระองค์อัลลอฮฺทรงกล่าวไว้ในซูเราะฮฺ อัล อันอาม 6 : 85 มีใจความว่า และซะกะรียา ยะฮฺยา อีซา และอิลยาส ทุกคนนั้นอยู่ในหมู่คนดี
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนบีซะกะรียา
- อีชาอฺ ภรรยาของนบีซะกะรียา เป็นพี่สาวของฮันนะฮฺ ซึ่งเป็นแม่ของนางมัรยัม มารดาของนบีอีซา
- นบีซะกะรียา ได้ช่วยเลี้ยงดูมัรยัมตั้งแต่เล็ก ทุกครั้งที่นบีซะกะรียานำผลไม้ไปให้มัรยัม ท่านก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นผลไม้เป็นจำนวนมากวางเรียงรายอยู่ ท่านจึงถามนางว่า ผลไม้เหล่านี้ได้มาจากไหน ? มัรยัมตอบว่า ผลไม้เหล่านี้มลาอิกะฮฺได้นำมาจากพระผู้อภิบาล พระองค์องค์อัลลอฮฺทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ โดยไม่มีการคำนวณ จากคำตอบของมัรยัม ทำให้นบีซะกะรียาฉุกคิดขึ้นมาว่า ท่านมีความปรารถนาที่จะมีบุตรไว้สืบทอด ท่านจึงหมั่นเพียรขอดุอาอฺ พระองค์อัลลอฮฺได้ตอบรับดุอาอ์ของเขา โดยให้บังเกิดบุตรชื่อนบียะฮฺยา
พระองค์อัลลอฮฺทรงกล่าวถึงนบีซะกะรียา ในคัมภีร์อัลกุรอาน ดังต่อไปนี้
“ และจงรำลึกถึงเรื่องราวของซะกะรียา เมื่อเขาได้ร้องเรียนพระเจ้าของเขาว่า ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอพระองค์ทรงอย่าปล่อยให้ข้าพระองค์อยู่อย่างเดียวดาย และพระองค์เท่านั้นเป็นผู้สืบมรดกอันดียิ่ง ดังนั้น เราได้ตอบรับการร้องเรียนแก่เขา และเราได้ประทานบุตรแก่เขาคือ ยะฮฺยา และเราได้ปรับปรุงแก้ไขภริยาของเขาให้เป็นปกติแก่เขา แท้จริงพวกเขาแข่งขันกันในการทำความดีและพวกเขาวิงวอนเราด้วยความหวังในความเมตตาของเรา และด้วยความกลัวต่อการลงโทษของเรา และพวกเขาเป็นผู้ถ่อมตัวเกรงกลัวต่อเรา” 
( ซูเราะฮฺ อัล อัมบิยาอฺ 21 : 89 – 90 )
{3:37} แล้วพระเจ้าของนางก็ทรงรับมัรยัมไว้อย่างดี และทรงให้นางเจริญวัยอย่างดี และได้ทรงให้ซะกะรียาอุปการะนาง คราใดที่ซะกะรียาเข้าไปหานางที่ห้องสักการะ เขาก็พบปัจจัยยังชีพอยู่กับนาง เขากล่าวว่า "โอ้ มัรยัมเอ๋ย! เธอได้สิ่งนี้มาอย่างใด?" นางกล่าวว่า "มันมาจากที่อัลลอฮฺ แท้จริงอัลลอฮฺนั้นจะทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์โดยไม่จำกัด"
{3:38} ณ ที่นั่น
ซะกะรียาได้วิงวอนต่อพระเจ้าของตนโดยกล่าวว่า "พระเจ้าของข้าฯ! โปรดประทานบุตรที่ดีสักคนแก่ข้าฯ มาจากพระองค์ แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงได้ยินคําวิงวอน"
{3:39} และมะลาอิกะฮฺได้เรียกเขาขณะที่เขากําลังยืนนมาซอยู่ในห้องสักการะว่า "แท้จริงอัลลอหฺทรงแจ้งข่าวดีแก่ท่าน ถึงยะหฺยา โดยที่จะเป็นผู้ยืนยันพจมานหนึ่งจากอัลลอฮฺ และจะเป็นผู้นำ และผู้รักษาไว้ซึ่งความบริสุทธิ์ และเป็นนบีคนหนึ่งจากหมู่ชนที่เป็นคนดี"
{3:40} (ซะกะรียา)กล่าวว่า "พระเจ้าของข้าฯ! ข้าฯจะมีบุตรได้อย่างใด ขณะความชราภาพได้มาถึงข้าฯแล้ว และภรรยาของข้าฯก็เป็นหมันด้วย" พระองค์ตรัสว่า "กระนั้นก็ตามอัลลอฮฺจะทรงกระทำตามที่พระองค์ทรงประสงค์"
{3:41} เขากล่าวว่า "พระเจ้าของข้าฯ! โปรดบันดาลให้มีอภินิหารสัญญาณหนึ่งให้แก่ข้าฯด้วยเถิดพระองค์ตรัสว่า "อภินิหารสัญญาณของเธอนั้น คือเธอไม่อาจจะพูดกับผู้คนเป็นเวลาสามวัน นอกจากด้วยการแสดงท่าทางเท่านั้น และจงรำลึกถึงพระเจ้าของเธอให้มาก และจงกล่าวสดุดีพระพิสุทธิคุณทั้งในยามเย็นและยามเช้า"
ในขณะที่ซะกะรียามีอายุ 120 และภริยามีอายุ 98 ปี ซะกะรียาได้วิงวอนขอจากอัลลอฮฺให้พระองค์ได้ทรงประทานทายาท ในซูเราะหฺมัรยัม มีรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้
{19:2} (นี่คือ) การกล่าวถึงเมตตาธรรมแห่งพระเจ้าของเธอ ที่มีต่อซะกะรียาบ่าวของพระองค์
{19:3}เมื่อเขาวิงวอนต่อพระเจ้าของตนด้วยการวิงวอนอย่างแผ่วเบา
{19:4} เขากล่าวว่า "พระเจ้าของข้าฯ! แท้จริง กระดูกของข้าฯอ่อนลง และศีรษะนั้นมีหงอกออกประกาย และไม่เคยปรากฏเลยว่า การวิงวอนของข้าฯต่อพระองค์นั้นไร้ผล พระเจ้าของข้าฯ!"
{19:5} และแท้จริงข้าฯกลัวลูกหลานของข้าฯภายหลังข้าฯ และภริยาของข้าฯก็เป็นหมัน ดังนั้น โปรดประทานทายาทที่ดีจากพระองค์ให้แก่ข้าฯด้วยเทอญ"
{19:6}ผู้ซึ่งจะเป็นทายาทสืบแทนข้าฯและสืบแทนจากตระกูลของยะอฺกูบ และโปรดให้เขาเป็นที่โปรดปรานด้วยเถิด พระเจ้าของข้าฯ!"
{19:7} "ดูกร ซะกะรียา! แท้จริงเราจะแจ้งข่าวดีแก่เธอซึ่งลูกคนหนึ่ง ชื่อของเขาคือยะฮฺยา เราไม่เคยตั้งชื่อนี่แก่ผู้ใดมาก่อนเลย"
{19:8} เขากล่าวว่า "พระเจ้าของข้าฯ! ข้าฯจะมีบุตรได้อย่างใด? ในเมื่อภริยาของข้าฯก็เป็นหมัน และข้าฯได้บรรลุสู่ความแก่ชราแล้ว!"
{19:9} เขากล่าวว่า กระนั้นก็ดี พระเจ้าของเธอได้ตรัสว่า "มันง่ายสำหรับฉัน เพราะฉันได้บังเกิดเธอมาก่อน ทั้ง ๆ ที่เธอยังไม่ได้เป็นสิ่งใด"
{19:10} เขากล่าวว่า "พระเจ้าของข้าฯ! โปรดบันดาลให้มีสัญญาณแก่ข้าฯด้วย" พระองค์ตรัสว่า "สัญญาณของเธอคือ เธอไม่อาจจะพูดกับผู้คนเป็นเวลาสามราตรีติดต่อกัน"
{19:11} แล้วเขาได้ออกจากมิหฺรอบมายังหมู่ชนของตน และเขาได้ชี้ใบ้แก่พวกของเขาว่า พวกเธอจงกล่าวสดุดีในยามเช้าและยามเย็น
ที่มา: ดาบแห่งอัลเลาะห์ แอนตี้ไซออนิสต์

อัพเดทล่าสุด