อาชูรอ วันแห่งการรอดพ้น


21,554 ผู้ชม

ความประเสริฐของวันอาชูรอกับการถือศีลอด ซึ่งได้รับการยืนยันจากวจนะของท่านศาสดามูฮัมหมัด (ศ็อลฯ) โดยที่เราจะยกมากล่าวบางฮาดีษ...


อาชูรอ วันแห่งการรอดพ้น

อาชูรอ วันแห่งการรอดพ้น

ส่วนหนึ่งจากพระเมตตาของอัลลอฮ์ (ซ.บ.) ที่มีต่อบ่าวของพระองค์ ก็คือการที่พระองค์จะนำเอาวันและเดือนต่าง ๆ อันเป็นสิริมงคลมาทัดจากพิธีกรรมอันแสนประเสริฐ (พิธีฮัจย์) เพื่อพระองค์จะทรงเพิ่มผลบุญและความประเสริฐให้แก่บ่าวของพระองค์ แน่นอนพิธีฮัจย์อันศักดิ์สิทธิ์จะไม่สิ้นสุดลง นอกจากจะต้องติดตามด้วยเดือนอันทรงเกียรติ นั้นก็คือเดือนมูฮัรรอม เพราะได้มีรายงานจากท่านอบีฮูรอยเราะฮฺในหนังสือซอเฮียะว่า
عن النبي أنه قال: أفضل الصيام بعد شهر رمضان شهر الله الذي تدعونه المحرم، وأفضل الصلاة بعد الفريضة قيام الليل

จากท่านนบีมูฮัมหมัด ซึ่งท่านนบีได้กล่าวว่า "การถือศีลอดที่ประเสริฐที่สุดหลังเดือนรอมาฎอน คือ(การถือศีลอดใน)เดือนของอัลลอฮ์ โดยที่พวกท่านจะเรียกเดือนนี้ว่า อัลมูฮัรรอม และการละหมาดที่ประเสริฐที่สุดหลังจากละหมาดฟัรดู นั้นก็คือ (การละหมาดใน) ยามค่ำคืน” (บันทึกโดยมุสลิม)

และการที่ท่านศาสดามูฮัมหมัด (ศ็อลฯ) เรียกเดือนมูฮัรรอมว่าเป็นเดือนของอัลลอฮ์นั้น ก็เพื่อเป็นการบงชี้ว่า เดือนมูฮัรรอมเป็นเดือนอันทรงเกียรติ เดือนอันประเสริฐ เพราะแท้จริงแล้วอัลลอฮ์ได้ทรงกำหนดให้สิ่งที่พระองค์ทรงสร้างให้มีความโดดเด่น และเหลื่อมล้ำต่อกัน เพื่อเป็นวิทยปัญญาแก่ปัญญาชน

ในเดือนมูฮัรรอมนี้ มีวันที่มีเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญเกิดขึ้นมากมาย เป็นวันแห่งชัยชนะ เป็นวันที่สัจธรรมได้เผยชัดเหนืออธรรม โดยการที่อัลลอฮ์ทรงให้นบีมูซา (อ.) และกลุ่มชนของเขารอดพ้นจากฟาโรห์ เป็นวันที่นบีนูฮฺ (อ.) สัมผัสกับพื้นดินหลังจากได้ประสบกับอุทกภัยท่วมโลก ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ตรงกับวันที่ 10 เดือนมูฮัรรอม หรือที่เราเรียกวันนี้ว่า วันอาชูรอ

ความประเสริฐของวันอาชูรอกับการถือศีลออด

ได้มีฮาดีษมากมายได้รายงานถึงความประเสริฐของวันอาชูรอกับการถือศีลอด ซึ่งได้รับการยืนยันจากวจนะของท่านศาสดามูฮัมหมัด (ศ็อลฯ) โดยที่เราจะยกมากล่าวบางฮาดีษ

ในหนังสือซอฮีฮัยน์ได้มีรายงานจากท่านอิบนิอับบาสว่า เขาได้ถูกถามถึงวันอาชูรอ ท่านอิบนิอับบาสจึงกล่าวไปว่า

ما رأيت رسول الله -صلى الله عليه وسلم - يوماً يتحرى فضله على الأيام إلا هذا اليوم - يعني يوم عاشوراء - وهذا الشهر يعني رمضان

ฉันไม่เคยเห็นท่านศาสดามูฮัมหมัด (ศ็อลฯ) ในวันหนึ่งที่จะให้ความประเสริฐกับวันต่าง ๆ นอกจากวันนี้ (หมายถึงวันอาชูรอ) และเดือนนี้ (เดือนร่อมาฎอน)

อย่างที่เราได้กล่าวมาก่อนนี้ว่า วันอาชูรอนั้นมีความประเสริฐยิ่ง และมีเกียรติยิ่งในอดีตกาล โดยที่ท่านนบีนูฮฺ (อ.) จะทำการถือศีลอดเพื่อเป็นการขอบพระทัยต่ออัลลอฮ์ และท่านนบีมูซา (อ.) ก็ได้ทำการถือศีลอด เพื่อเป็นการขอบพระทัยต่ออัลลอฮ์และให้เกียรติกับวันนี้ (อาชูรอ) ยิ่งไปกว่านั้นชาวคัมภีร์ (ยิวและคริสต์) ต่างก็ทำการถือศีลอดในวันนี้ด้วย และชาวกุเรชในยุคญาฮีลียะฮฺก็ได้ถือศีลอดในวันนี้เช่นกัน

ท่านศาสดามูฮัมหมัด (ศ็อลฯ) ได้ทำการถือศีลอดในวันอาชูรอที่มักกะฮฺ และก็มิได้สั่งใช้ให้ผู้ใดทำการถือศีลอด ครั้นเมื่อท่านศาสดา (ศ็อลฯ) ได้มายังมาดีนะฮฺ และได้เห็นว่าชาวคัมภีร์ได้ถือศีลอด และให้ความสำคัญกับวันอาชูรอ และท่านศาสดาจึงมีความต้องการให้มีความสอดคล้องกันกับชาวคัมภีร์ในสิ่งที่ท่านศาสดาไม่เคยสั่งใช้ (การถือศีลอดในวันอาชูรอ) ท่านศาสดาจึงได้ถือศีลอด และสั่งใช้ให้อัครสาวกในวันนี้ด้วย ซึ่งได้มีรายงานในหนังสืออัซซอฮีฮัยน์ ซึ่งรายงานมาจากท่านอิบนิอับบาสว่า

قدم رسول الله - صلى الله عليه وسلم - المدينة فوجد اليهود صياماً يوم عاشوراء ، فقال لهم رسول الله - صلى الله عليه وسلم - ما هذا اليوم الذي تصومونه ، قالوا: ( هذا يوم عظيم أنجى الله فيه موسى وقومه، وأغرق فرعون وقومه، فصامه موسى شكراً لله فنحن نصومه )، فقال - صلى الله عليه وسلم -: فنحن أحق وأولى بموسى منكم ، فصامه رسول الله - صلى الله عليه وسلم - وأمر بصيامه.

ท่านศาสดามูฮัมหมัด (ศ็อลฯ) ได้ย่างก้าวเข้าสู่มาดีนะฮฺ แล้วพบว่า ชาวยาฮูดีย์ (ยิว) ได้ถือศีลอดในวันอาชูรอ ท่านศาสดาจึงกล่าวกับพวกเขาว่า "วันนี้เป็นวันอะไรซึ่งพวกท่านได้ถือศีลอดกัน" พวกเขากล่าวว่า "วันนี้เป็นวันอันยิ่งใหญ่ที่อัลลอฮ์ได้ทรงให้ท่านนบีมูซาและกลุ่มชนของเขารอดพ้น (จากฟาโรห์) และเป็นวันที่อัลลอฮ์ได้ทรงทำให้ฟาโรห์และพรรคพวกจมน้ำ แล้วท่านนบีมูซาก็ได้ถือศีลอดในวันนี้ เพื่อเป็นการของพระทัยต่ออัลลอฮ์ พวกเราจึงได้ถือศีลอดกันในวันนี้ด้วย ท่านศาสดาจึงได้กล่าวต่อไปว่า "แน่นอนเรามีสิทธิ์และดีกว่าพวกท่านเนื่องด้วยนบีมูซา" และท่านศาสดาก็ได้ถือศีลอดและสั่งใช้ให้อัครสาวกถือศีลอดในวัน (อาชูรอ) นี้

ครั้งเมื่อการกำหนดฟัรดูการถือศีลอดในเดือนร่อมาฎอนถูกประทานลงมา ท่านศาสดาจึงได้ละทิ้งการสั่งใช้ให้อัครสาวกถือศีลอดในวันอาชูรอ และส่งเสริมให้ถือศีลอดในวันอาชูรอเท่านั้น ซึ่งไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่จำเป็นใด ๆ แต่เป็นเพียงสุนัตเท่านั้น เพราะได้มีฮาดีษในหนังสืออัซซอฮีฮัยน์ ซึ่งรายงานมาจากท่านอิบนิอุมัรว่า

صام النبي - صلى الله عليه وسلم - عاشوراء وأمر بصيامه فلما فرض رمضان ترك ذلك - أي ترك أمرهم بذلك وبقي على الاستحباب

ท่านนบีมูฮัมหมัด (ศ็อลฯ) เคยถือศีลอดในวันอาชูรอและสั่งใช้ให้ (อัครสาวก) ถือศีลอดในวันดังกล่าวด้วย ต่อมาเมื่อ (การถือศีลอด) ร่อมาฎอนถูกำหนดให้เป็นฟัรดู ท่านนบีก็ได้ละทิ้ง (การสั่งใช้ให้อัครสาวกถือศีลอดในวันอาชูรอ และคงการถือศีลอดในวันอาชูรอได้ให้เป็นเพียงสุนัตเท่านั้น)

และได้มีรายงานจากท่านมูอาวียะฮฺด้วยว่า

عن معاوية قال: سمعت رسول الله - صلى الله عليه وسلم - يقول : هذا يوم عاشوراء ولم يكتب الله عليكم صيامه وأنا صائم ، فمن شاء فليصم ومن شاء فليفطر.

รายงานจากท่านมูอาวียะฮฺ ซึ่งเขาได้กล่าวว่า ฉันได้ยินท่านศาสดามูฮัมหมัด (ศ็อลฯ) กล่าวว่า "วันนี้เป็นวันอาชูรอ โดยที่อัลลอฮ์มิได้ทรงกำหนดฟัรดูการถือศีลอดให้กับพวกท่าน ในสภาพที่ฉันก็เป็นผู้ถือศีลอด ดังนั้นผู้ใดที่ต้องการ (ถือศีลอด) ก็จงถือศีลอด และผู้ใดที่ต้องการ ละศีลอด) ก็จงละศีลอด".

ซึ่งนี่ก็เป็นหลักฐานหนึ่งของการยกเลิกสิ่งที่เป็นวายิบ (จำเป็น) และคงไว้เพียงสุนัต

ส่วนหนึ่งจากความประเสริฐของเดือนมูฮัรรอมก็คือ การถือศีลอดในวันอาชูรอจะเป็นการลบล้างความผิดในปีที่ผ่านมา

ในช่วงบั้นปลายชีวิตของท่านศาสดามูฮัมหมัด (ศ็อลฯ) ท่านมีความตั้งใจต่อการที่ท่านจะไม่ถือศีลอดในวันอาชูรอเพียงแค่วันเดียว แต่ท่านต้องการให้ผนวกวันอื่น ๆ เข้าไปด้วย เพื่อไม่ให้เหมือนกับการถือศีลอดของชาวคัมภีร์ในวันดังกล่าว เพราะได้มีฮาดีษในหนังสือ ซอเฮียะมุสลิม ซึ่งรายงานมาจากท่านอิบนิอับบาสว่า

حين صام رسول الله-صلى الله عليه وسلم-عاشوراء وأمر بصيامه ، قالوا: يا رسول الله إنه يوم تعظمه اليهود والنصارى ، فقال - صلى الله عليه وسلم - : فإذا كان العام المقبل إن شاء الله صمنا التاسع أي مع العاشر مخالفةً لأهل الكتاب- قال: فلم يأت العام المقبل حتى توفى رسول الله - صلى الله عليه وسلم -.

ในขณะที่ท่านศาสดามูฮัมหมัด (ศ็อลฯ) ถือศีลอดในวันอาชูรอและสั่งใช้ให้ (อัครสาวก) ถือศีลอดในวันนั้น พวกเขา (อัครสาวก) จึงกล่าวว่า "โอ้ท่านศาสดา ! แน่แท้มันคือวันที่ชาวยิวและคริสต์ให้การยกย่อง" ดังนั้นท่านศาสดาจึงกล่าวว่า "ดังนั้นเมื่อปีหน้ามาถึง -อินชาอัลลอฮ์- เราจะถือศีลอดในวันที่ 9 (พร้อมกับวันที่ 10เพื่อให้แตกต่างจากการกระทำของชาวคัมภีร์) ท่านอิบนิอับบาสได้กล่าวต่อไปว่า "ไม่ทันที่ปีกาลใหม่จะมาถึง ท่านศาสดาก็ได้เสียชีวิตไป

ท่านอิบนิกอยยิมได้กล่าวไว้ในหนังสือ زاد المعاد (76/2) ว่า ระดับการถือศีลอดมี 3 ระดับ

1.ระดับที่สมบูรณ์ที่สุด ให้ถือศีลอดก่อนและหลังวันอาชูรอ หมายถือให้ถือศีลอดในวันที่ 9 , 10 , 11 ของเดือนมูฮัรรอม

2. ระดับกลางให้ถือศีลอดวันอาชูรอและก่อนวันอาชูรอหนึ่งวัน หมายถึงวันที่ 9 และ 10 ของเดือนมูฮัรรอม

3. ระดับสุดท้ายให้ถือศีลอดในวันที่ 10 เดือนมูฮัรรอมเพียงวันเดียว

และแน่นอนท่านศาสดาได้ส่งเสริมให้ประชาชาติของท่านทำความดีให้มาก ๆ โดยเฉพาะวันที่สำคัญทางศาสนา เช่น วันอาชูรอ เป็นต้น ถึงแม้ว่าท่านศาสดาจะไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนนอกเหนือจากการถือศีลอดในวันอาชูรอแล้ว แต่นั่นก็เป็นสิ่งยืนยันได้ว่า ท่านศาสดาส่งเสริมให้ทำความดีในวันนั้น ไม่ว่าจะเป็นการขอพร การอ่านพระมหาคัมภีร์อัลกุรอ่าน การกล่าวซิเกร การกล่าวตักเตือนกัน การกล่าวถึงศาสดาต่าง ๆ ในวันนี้ก็ตาม สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ศาสนาอิสลามส่งเสริมให้ปฏิบัติทั้งนั้น

เรียบเรียงโดย อะห์หมัดมุสตอฟา โต๊ะลง

อัพเดทล่าสุด