ความรักของอัลลอฮฺ


11,715 ผู้ชม

ความรักของอัลลอฮฺ มีสัญญาณและปัจจัยอะไรบ้าง...


ความรักของอัลลอฮฺ

ความรักของอัลลอฮฺ คือ ความรักที่แท้จริงและยิ่งใหญ่ ซึ่งไม่มีผู้ใดที่จะได้รับความรักนี้ เว้นแต่บ่าวผู้มีศีลธรรมเพียงไม่กี่คนเท่านั้น

ความรักของอัลลอฮฺ คือ “สิ่งหนึ่ง” ที่บรรดาผู้มีศีลธรรมต่างแข่งขันและเพียรพยายามอย่างหนักให้ได้มา “ความรักของพระองค์” คือ “เครื่องบำรุงหัวใจและจิตวิญญาณ” คือ “ความสุข” แห่งดวงตา  คือ “ชีวิต” ที่หากผู้ใดไม่ได้รับมันต้องตายลง คือ “แสงสว่าง”ที่หากผู้ใดสูญเสียมันไปต้องตกอยู่ในความมืดมิด  คือ “การเยียวยา” ที่หากผู้ใดไม่ได้รับมันต้องเจ็บป่ว คือ “ความสุข” ที่หากผู้ใดถูกเพิกถอนสิทธิจากการได้รับความรักนี้ต้องอยู่กับความเศร้าโศกและความเจ็บปวด

“ความรักของพระองค์” คือ จิตวิญญาณแห่งความศรัทธาและความดีงามทั้งหลายที่ทำให้บุคคลคนหนึ่งพยายามใกล้ชิดกับอัลลอฮฺให้มากยิ่งขึ้นด้วยหนทางต่างๆ .. คือ “ความรัก” ที่หากผู้ใดปราศจากมัน ร่างกายของเขาก็เปรียบดั่งร่างที่ไร้วิญญาณ”

โอ้ อัลลอฮฺ โปรดทำให้เราเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ที่พระองค์ทรงรัก ด้วยเถิด

ความรักของอัลลอฮฺ มีสัญญาณและปัจจัย เสมือนกับกุญแจที่ใช้ไขประตูอันจะนำเราไปสู่ความรักของพระองค์ ปัจจัยเหล่านั้น มีดังนี้

1. การปฏิบัติตามคำสอนของท่านเราะสูลศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม อัลลอฮฺตรัสไว้ในพระคัมภีร์ของพระองค์ว่า

“จงกล่าวเถิด (โอ้ มุหัมมัด ต่อบรรดามวลมนุษย์): หากท่านรักอัลลอฮฺอย่างแท้จริง จงปฏิบัติตามฉัน (การยอมรับการศรัทธาต่อพระเจ้าองค์เดียวแห่งอิสลาม การปฏิบัติตามสิ่งที่อยู่ในอัลกรุอานและสุนนะฮฺ) และอัลลอฮฺจะทรงรักท่านและจะทรงอภัยโทษแก่ท่านต่อความผิดบาปทั้งหลายของท่าน และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอภัยโทษ และทรงเมตตายิ่ง” (อาลิ อิมรอน 3.31)

2. การมีความนอบน้อมถ่อมตนต่อบรรดาผู้ศรัทธาและเข้มงวดต่อบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา (ต่ออัลลอฮฺและสาส์นของพระองค์) การเข้าร่วมญิฮาดเพื่อความพึงพอพระทัยของอัลลอฮฺ และไม่เกรงกลัวต่อผู้ใดหรือสิ่งใด เว้นแต่อัลลอฮฺ พระองค์ทรงแจ้งไว้เกี่ยวกับคุณสมบัติดังกล่าวไว้ในอายะฮฺหนึ่งว่า

“โอ้ บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย ผู้ใดก็ตามในหมู่พวกเจ้าที่ผินหลังให้กับศาสนา (อิสลาม) อัลลอฮฺจะทรงนำมาซึ่งชนกลุ่มหนึ่งที่พระองค์จะทรงรักพวกเขา และพวกเขาจะรักพระองค์ (พวกเขา) นอบน้อมถ่อมตนต่อบรรดาผู้ศรัทธา เข้มงวดต่อบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา ต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺ และไม่เกรงกลัวต่อการตำหนิของบรรดาผู้ตำหนิ” (อัล มาอิดะฮฺ 5.54)

ในอายะฮฺนี้ อัลลอฮฺทรงกล่าวถึงคุณลักษณะของบรรดาผู้ที่พระองค์ทรงรัก คุณสมบัติแรกคือ ความนอบน้อม และการไม่หยิ่งยโสต่อบรรดาพี่น้องมุสลิม และเข้มงวดต่อบรรดาผู้ปฏิเสธ และไม่ทำให้ตัวเองเสียเกียรติหรือหมิ่นเกียรติของตัวเองต่อหน้าบรรดาผู้ปฏิเสธ พวกเขาเหล่านั้น (บรรดาผู้ที่อัลลอฮฺทรงรัก) ต่อสู้กับบรรดาชัยฏอน บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา บรรดาผู้กลับกลอก และบรรดาผู้กระทำความชั่ว เพื่อความพึงพอพระทัยของอัลลอฮฺ และพวกเขาได้ต่อสู้กับอารมณ์ใคร่ใฝ่ต่ำของตัวเอง (ญิฮาด อัลนัฟซู) พวกเขาไม่กลัวการตำหนิของผู้ที่มาตำหนิ เพราะตราบใดที่พวกเขาดำเนินชีวิตตามคำสั่งใช้ของศาสนา พวกเขาย่อมไม่ใส่ใจต่อผู้ที่เย้ยหยันหรือตำหนิติเตียนเขา

3. การปฏิบัติอิบาดะฮฺที่เป็นนะฟิล (การกระทำอิบาดะฮฺโดยสมัครใจ เพิ่มมากขึ้น แต่ไม่ใช่สุนนะฮฺ) อัลลอฮฺตรัสไว้ในหะดีษกุดซียฺว่า “บ่าวของข้าหมั่นเพียรพยายามที่จะเข้าใกล้ชิดข้า ด้วยการกระทำอิบาดะฮฺโดยสมัครใจ (สิ่งที่เป็นที่รักยิ่งมากกว่า ณ ที่อัลลอฮฺ) จนกระทั่งข้ารักเขา” การกระทำอิบาดะฮฺโดยสมัครใจนี้นั้นรวมไปถึงการละหมาดนะฟิล การบริจาค การทำอุมเราะฮฺ การทำฮัจญฺ และการถือศีลอดด้วย

4. การมีความรักต่อกัน การเยี่ยมเยียนกัน การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน (ด้านการเงิน) และการให้คำแนะนำตักเตือนที่จริงใจต่อกัน เพื่ออัลลอฮฺ

คุณลักษณะดังกล่าวได้ถูกกล่าวไว้ในฮะดีษบทหนึ่งที่ท่านเราะสูล (ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม) รายงานว่าพระเจ้าของท่านตรัสว่า “ความรักของข้าจะถูกมอบให้กับคนสองคนที่รักกันเพื่อข้า ความรักของข้าจะถูกมอบให้กับคนสองคนที่เยี่ยมเยียนกันเพื่อข้า ความรักของข้าจะถูกมอบให้กับคนสองคนที่ช่วยเหลือกัน (ด้านการเงิน) เพื่อข้า ความรักของข้าจะถูกมอบให้กับคนสองคนที่รักษาความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเพื่อข้า” (รายงานโดย อะหมัด 4/236 และ 5/236; altanaasuh โดยอิบนุ หิบบาน, 3/338; ทั้งสองหะดีษนี้ได้ถูกจัดว่าเป็นหะดีษเศาะเหียะฮฺโดยชัยคฺ อัล อัลบานียฺ ในเศาะเหียะฮฺ อัต-ตัรฆีบ วะ อัต-ตัรฮีบ, 3019, 3020, 3021)

ความหมายของถ้อยคำที่ว่า “คนสองคนที่เยี่ยมเยียนกับเพื่อข้า” คือการที่พวกเขาเยี่ยมเยียนกันเพื่ออัลลอฮฺ การแสวงหาความพึงพอพระทัยจากอัลลอฮฺจากการมีความรักต่อกันเพื่อพระองค์และการทำอิบาดะฮฺร่วมกันเพื่อพระองค์

(จากอัลมุนตะกอ ชัรหุลมุวัฏเฏาะ หะดีษ 1779)

5. การได้รับบททดสอบ “เหตุการณ์เลวร้ายและภัยพิบัติ” คือ บททดสอบสำหรับบุคคลคนหนึ่ง อันเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าอัลลอฮฺทรงรักเขา เพราะบททดสอบนี้เปรียบเสมือนกับยารักษาโรค ถึงแม้ว่ามันจะมีรสชาติขมก็ตาม ดังเช่นที่ท่านเลือกที่จะนำยาไปให้คนที่ท่านรักทาน (เมื่อเขาป่วย) ทั้งที่ท่านทราบว่ามันมีความขม และแน่นอนว่า อัลลอฮฺทรงยิ่งใหญ่กว่านั้น ดังที่มีการกล่าวไว้ในหะดีษเศาะเหียะฮฺบทหนึ่งว่า “รางวัลที่ยิ่งใหญ่ มาพร้อมกับบททดสอบที่ยิ่งใหญ่ เมื่ออัลลอฮฺทรงรักมวลมนุษย์ อัลลอฮฺจะทรงทดสอบพวกเขา และผู้ใดก็ตามยอมรับมัน ย่อมได้รับความพึงพอพระทัยจากอัลลอฮฺ และผู้ใดก็ตามที่พร่ำบ่นต่อบททดสอบนั้นย่อมได้รับความโกรธกริ้วจากพระองค์”

(รายงานโดย อัตติรฺมิซียฺ 2396 อิบนุ มาญะฮฺ 4031 จัดระดับว่าเป็นหะดีษเศาะเหียะฮฺโดยชัยคฺ อัลอัลบานียฺ)

ภัยพิบัติที่ประสบต่อบรรดาผู้ศรัทธานั้นย่อมดีกว่าการลงโทษที่ถูกเตรียมไว้สำหรับเขาในวันอาคิเราะฮฺ มันจะเป็นสิ่งที่เลวร้ายได้อย่างไรเมื่อสถานะของเขาได้ถูกยกให้สูงขึ้นและการกระทำบาปของเขาได้ถูกลบออกไป? ท่านเราะสูล (ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม) กล่าวว่า “เมื่ออัลลอฮฺประสงค์ความดีงามต่อบ่าวของพระองค์ พระองค์จะทรงเร่งรีบการลงโทษแก่เขาในดุนยานี้ และเมื่ออัลลอฮฺทรงประสงค์ความเลวร้ายต่อบ่าวของพระองค์ พระองค์จะทรงยับยั้งบาปของเขาเอาไว้จนกระทั่งเขามาพร้อมกับความผิดบาปทั้งหลายของเขาในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ”

(รายงานโดย อัตติรฺมิซียฺ 2396 จัดว่าเป็นหะดีษเศาะเหียะฮฺ โดยชัยคฺ อัลอัลบานียฺ)

นักวิชาการได้ให้การอธิบายว่า ผู้ที่ “ภัยพิบัติ” และ “การทดสอบ” ของเขาถูกยับยั้งไว้นั้น คือบรรดาผู้กลับกลอก เพราะอัลลอฮฺทรงยับยั้ง (การลงโทษ) ของพระองค์ในโลกดุนยานี้ เพื่อที่พระองค์จะทรงนำเขาพร้อมด้วยบาปทั้งหลายของเขาไปแสดงให้เห็นในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ

โอ้ อัลลอฮฺ โปรดทำให้เราเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ที่พระองค์ทรงรักด้วยเถิด อามีน

หากอัลลอฮฺทรงรักท่านแล้ว ท่านไม่จำเป็นต้องถามถึงสิ่งดีงามและการสรรเสริญที่ท่านจะได้รับ เพราะมันเพียงพอสำหรับท่านแล้วที่ได้ทราบว่าท่านเป็นที่รักของอัลลอฮฺ ความยิ่งใหญ่แห่งความรักจากอัลลอฮฺที่มีต่อบ่าวของพระองค์มีดังนี้

1. ผู้คนทั้งหลายจะรักเขาและเขาจะเป็นที่ยอมรับบนผืนแผ่นดินนี้ ดังที่มีการกล่าวไว้ในหะดีษที่รายงานโดยอัลบุคอรียฺ (3209) ว่า “เมื่ออัลลอฮฺทรงรักบ่าวของพระองค์ พระองค์จะทรงกล่าวต่อญิบรีลว่า

“ข้ารักบ่าวคนนั้น และบ่าวคนนี้” และญิบรีลก็จะรักเขาและป่าวร้องต่อประชาชาติแห่งสวนสวรรค์ว่า “อัลลอฮฺทรงรักคนนั้น และคนนี้ พวกท่านจงรักเขาเถิด” และประชาชาติแห่งสวนสวรรค์ก็จะรักเขาและเขาก็จะเป็นที่ยอมรับบนผืนแผ่นดินเช่นกัน”

2. สิ่งที่อัลลอฮฺทรงกล่าวไว้ในหะดีษกุดซียฺถึงการอำนวยพรอันประเสริฐต่อบรรดาผู้ที่อัลลอฮฺทรงรัก มีการรายงานว่าท่านอบู ฮุร็อยเราะฮฺกล่าวว่า ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า อัลลอฮฺตรัสว่า “ ผู้ใดก็ตามที่แสดงความเป็นศัตรูต่อผู้ที่ข้ารัก ข้าจะประกาศสงครามกับเขา ไม่มีสิ่งใดที่บ่าวของข้าได้ปฏิบัติเพื่อให้ใกล้ชิดกับข้า ที่ข้าจะรักยิ่งกว่าสิ่งที่ข้าได้กำหนดเป็นศาสนบังคับ(ฟัรฎู)เหนือเขา และบ่าวของข้าจะยังคงปฏิบัติเพื่อให้ใกล้ชิดกับข้าด้วยกับสิ่งที่เป็นการงานที่เป็นการกระทำโดยสมัครใจ (สุนนะฮฺ นะฟิล) จนกระทั่งข้ารักเขา และเมื่อข้ารักเขา ข้าจะเป็นหูของเขาที่เขาใช้ฟัง เป็นดวงตาของเขาที่เขาใช้มอง เป็นมือของเขาที่เขาใช้หยิบจับ และเป็นเท้าของเขาที่เขาใช้เดิน และหากเขาวิงวอนขอต่อข้า แน่นอนข้าจะให้แก่เขา และหากเขาขอความคุ้มครองจากข้า ข้าย่อมให้ความคุ้มครองแก่เขา ข้าจะไม่ล่าช้าในสิ่งใดมากเท่ากับการที่ข้าล่าช้าในการฉุดวิญญาณบ่าวผู้ซื่อสัตย์ของข้า และหากเขาเกลียดความตาย ข้าย่อมเกลียดการสร้างความเจ็บปวดแก่เขา” (หะดีษบันทึกโดยอัล-บุคอรีย์ 6502)

อัพเดทล่าสุด