ชีวประวัติท่านนบียะห์ยา (ยอห์นแบบติศ)


11,440 ผู้ชม

ส่วนท่านนบี(ศาสนทูตของพระเจ้า) ซะการียานั้นรักใคร่ในตัวบุตรของท่านเป็นอย่างมาก ท่านเป็นผู้สมถะ อดทนและทำหน้าที่นบีอย่างเที่ยงธรรม ในยามนั้นท่านได้ชรามากแล้ว


ชีวประวัติท่านนบียะห์ยา (ยอห์นแบบติศ)

ภาพไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา


ชีวประวัติท่านนบียะห์ยา

นบียะฮ์ยา เป็นบุตรของนบีซะกะรียา มีชีวิตอยู่ในสมัยพระเจ้าเฮโรด (HEROD THE GREAT) โดยมารดาของ ยะฮ์ยา และมารดาของมัรยัม เป็นพี่น้องกัน (มัรยัม ในคติของคริสต์คือนางมารีย์ เป็นมารดาของนบีอีซา ซึ่งในคติของคริสต์คือ พระเยซู)

ท่านมีชีวิตอยู่ในประเทศอิสราเอล ในสมัยของกษัตริย์เฮโรด (HEROD THE GREAT) และลูกชายของกษัตริย์เฮโรด คือ เฮโรด อันทีพาส ตลอดชีวิตของท่านได้ออกสั่งสอนคนให้กลับใจใหม่ ท่านคือ "เสียงร้องในถิ่นทุรกันดาร" ที่ถูกกล่าวถึงในพยากรณ์ของหนังสืออิสยาห์ บทที่ 40

อย่างไรก็ตาม การสั่งสอนของท่าน ทำให้เฮโรด อันทีพาส ขุ่นเคืองพระทัย เนื่องจาก พระองค์ได้รับเอา นางเฮโรเดียส ภรรยาของฟีลิป น้องชายของตนมาเป็นภรรยา ซึ่งผิดต่อพระธรรมบัญญัติ จึงจับท่านขังคุก และสังหารด้วยการตัดศีรษะในเวลาต่อมา

ยะฮ์ยา ในคติของศาสนาอิสลาม เป็นนบีของอัลลอห์ ปรากฏในอัลกุรอาน โดยตรงกับยอห์นผู้ให้บัพติศมาในพันธสัญญาใหม่ (อาจเรียกว่า จอห์น, โยฮันเนส หรือโยฮัน)

ชีวิตของนบียะห์ยา

“ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่าท่านนบียะห์ยานั้นแตกต่างจากเด็กคนอื่นในวัยเดียวกันที่จะไม่วิ่งเล่นอย่างเด็กทั่วไปในวัยเดียวกัน แต่ท่านจะมีความเมตตาและมักจะคลุกคลีอยู่กับสัตว์เป็นส่วนใหญ่ มารดาของท่านเคยถามว่าทำไมท่านจึงไม่ไปเล่นกับเพื่อนบ้างเล่า ท่านตอบว่า

“ท่านไม่ได้เกิดมาเพื่อความสนุกสนาน หรือกระทำสิ่งใดที่ไร้แก่นสารในโลกนี้แต่ท่านเกิดมาเพื่อการตั้งมั่นอยู่ในแก่นสารและคุณธรรมเพื่ออัลเลาะฮ์เท่านั้น”

ส่วนท่านนบี(ศาสนทูตของพระเจ้า) ซะการียานั้นรักใคร่ในตัวบุตรของท่านเป็นอย่างมาก ท่านเป็นผู้สมถะ อดทนและทำหน้าที่นบีอย่างเที่ยงธรรม ในยามนั้นท่านได้ชรามากแล้ว แม้ท่านจะเป็นที่นับถือในหมู่ชาวยิวที่ทรงคุณธรรมแต่กับบรรดาผู้อธรรมแล้วพวกเขาไม่ชอบท่าน

ท่านได้เห็นสภาพสังคมของชาวอิสรออิล (อิสราเอล)เหินห่างจากบทบัญญัติของพระเจ้าอย่างมากท่านได้เฝ้าตักเตือนอยู่เสมอ วันหนึ่งท่านได้แนะนำหลักธรรมกับคนพาลคนหนึ่งที่ เขาทำความชั่วมากมายขัดต่อหลักธรรมและเขาเป็นนักปล้นสดมภ์สร้างความเดือดร้อนอย่างมากแก่ผู้อื่น ท่านให้เขากลับตัวกลับใจและขออภัยต่อพระเจ้า แต่ชายคนนั้นไม่เชื่อฟัง บรรดาพวกพ้องของเขาต่างพากันโกรธแค้นท่านนบีซะกะรียาเป็นอย่างมากและอาฆาตว่าจะฆ่าท่าน

หลังจากนั้น ไม่นานท่านนบีซะกะรียาได้ออกจาก วิหาร คนกลุ่มนั้นก็สะกดรอยตามท่านไป และเมื่อได้โอกาสเหมาะพวกนั้นก็ได้รุมกันฆ่าท่านอย่างทารุณ

เมื่อท่านนบียะห์ยาโตขึ้น พระเจ้าได้แต่งตั้งท่านให้เป็นนบี (ศาสนทูตของอัลเลาะฮฺ) ต่อจากนบีซะกะรียาและพระเจ้าให้ใด้ให้ความรู้ในด้านต่างๆมากมายแก่ท่าน ชาวอิสรออีล(อิสราเอล)ต่างร่ำลือถึงท่านในความเมตตาปราณีของท่านต่อมนุษย์และสัตว์ โดยเฉพาะความรู้ในด้านศาสนาและความเที่ยงธรรมและท่านเป็นผู้ที่แตกฉานและเคร่งครัดในคัมภีร์เตารอต(โตราห์)ของท่านนบีมูซา(โมเสส)ยิ่ง

นบีอีซา(พระเยซู)อยู่ร่วมสมัยกับท่าน กิติศัพท์ของท่านขจรไปไกลจนวันหนึ่งท่านนบีอีซาได้เดินทางมาหาท่านที่แม่น้ำ จอร์แดน ท่านนบีอีซากล่าวว่า

“โอ้ยะห์ยา ท่านจงขออภัยจากพระเจ้าให้แก่ฉันด้วยเถิด เพราะท่านมีคุณงามความดีและกิติคุณเหนือกว่าฉัน”

“โอ้ อีซาเอ๋ย ท่านนั่นแหละ จงอภัยโทษจากพระเจ้าให้แก่ฉันด้วยเถิด เพราะท่านนั้นเป็นคุณงามความดีและเกียรติคุณเหนือกว่าฉัน”

“หามิได้ โอ้ ยะห์ยาเอ๋ย ท่านนั้นแหละดีกว่าฉัน และประเสริฐกว่า”

บางครั้งท่านก็ออกไปใช้ชีวิตในกลางทะเลทรายย่างโดดเดี่ยวเพื่อปฎิบัติกิจอย่างสงบเพื่อพระเจ้า แม้จะเต็มไปด้วยอันตรายและขาดแคลน ทุกครั้งที่ท่านกลับมาจะมีประชาชนมารอฟังการเทศนาของท่านอย่างเนืองแน่น ท่านย้ำเสมอในเรื่องการเทิดเอกภาพของพระเจ้าองค์เดียวโดยบริสุทธิ์และปราศจากภาคีใดๆทั้งสิ้น ซึ่งเป็นหลักธรรมที่สำคัญนับแต่บรรพกาล แล้วท่านก็จะกลับสู่ทะเลทรายอีก เพื่อใช้ชีวิตที่สันโดด”

ท่านบี(ศาสนทูตของพระเจ้า)ยะห์ยา(ยอห์นแบบติศ)

ท่านไม่ได้ใช้ชีวิตของท่านร่วมกับมวลชนอยู่เป็นประจำท่านมักจะหลบไปอยู่คนเดียวเสมอ แต่ประชาชนต่างร่ำลือในกิติคุณของท่านและเฝ้ารอการตัดสินในปัญหาต่างๆทางด้านศาสนา เป็นข้อคิดข้อชี้แนะซึ่งประชาชนต่างยอมรับในการตัดสินของท่านอย่างจริงใจ

เมื่อรู้ว่าท่านอยู่ที่ใดในเวลาที่ท่านกลับมาก็จะมาหาเพื่อไต่ถามปัญหา แล้วท่านก็ปลีกตัวไปใช้ชีวิตแบบสันโดษอีก การที่ท่านไม่ได้อยู่กับที่แต่เมื่อกลับมาสู่สังคม ก็จะมีสาวกรายล้อมท่านจนกลายเป็นกลุ่มชนใหญ่ในยามเคลื่อนไหวหรือถกเถียงปัญหาที่ขัดแย้งกันกับนักบวชที่ไม่มีคุณธรรมแต่มีอำนาจในการเมืองหรือการแสดงความคิดเห็นที่ต่อต้านการปกครองที่อยุติธรรมนั้นอันเป็นส่วนในข้อสนทนาธรรมจากพระคัมภีร์เดิมซึ่งมีข้อกฏหมายมาตั้งแต่สมัยนบีมูซา(โมเสส)แต่โบราณนั้น ทำให้ไม่ท่านรอดพ้นจากการถูกเพ่งเล็งจากบรรดาผู้ที่อธรรม ซึ่งชนชั้นปกครองและนักบวชที่ไม่มีคุณธรรมต่างก็รู้ดีว่า คำพูดและข้อชี้ขาดอันใดของท่านนบียะห์ยา(ยอห์นแบบติศ) เป็นข้อสุดสิ้นที่ประชาชนยอมรับโดยปราศจากข้อโต้แย้งใดๆ

วาระสุดท้ายของท่านนบียะห์ยา(ยอห์นแบบติศ)

“แล้วข่าวคราวกิติศัพท์ของยะห์ยาก็ได้แพร่กระจายไปเข้าหูกษัตริย์ผู้ปกครองปาเลสไตน์ในขณะนั้น เขารู้สึกได้ว่าประชาชนต่างกล่าวขวัญถึงท่านนบียะห์ยาเป็นอย่างยิ่งแต่ตัวของเขากลับไม่เป็นที่กล่าวถึงของประชาชนทั้งที่เขาเป็นกษัตริย์ที่มีอำนาจอยู่ ณ แผ่นดินนี้

กษัตริย์ต้องการที่แต่งงานกับหลานสาวที่เกิดจากพี่ชายของตนเอง ซึ่งเธอเป็นสาวที่สวยงามมากและอีกประการหนึ่งตัวนางและมารดาของนางก็เห็นชอบด้วย แต่การกระทำเช่นนี้ไม่เป็นที่ยอมรับของประชาชนตามกฎที่มีอยู่จากพระคัมภีร์เดิมซึ่งประชาชนที่เขาปกครองอยู่ยึดมั่น ซึ่งจะเป็นข้อด่างพร้อยที่ประชาชนจะตำหนิและไม่ยอมรับในตัวเขา ถึงแม้เขาจะมีอำนาจทำอะไรก็ได้แค่ก็รู้สึกลำบากใจอยู่ดีต่อมหาชน

ดังนั้น จึงตรัสให้ไปตามตัวท่าน นบี(ศาสนทูตของพระเจ้า)ยะห์ยา(ยอห์นแบบติศ)มาตัดสินชี้ขาด แน่นอนท่านนบียะห์ยาก็ยืนยันตามหลักการ คือ “ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามไม่สามารถที่จะแต่งงานกับหลานสาวแท้ๆของตัวเองๆได้” คือคำตอบที่ทำให้ทั้งสามคนรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก จึงรับสั่งให้เอาตัวท่านนบียะห์ยาไปขังไว้ เพราะการกระทำอะไรที่รุนแรงกว่านี้นั้น การส่งผลกระทบต่อมวลชนที่ชื่นชอบนบียะห์ยา

แต่เรื่องไม่จบแค่นั้แม่ของหญิงสาวโกรธแค้นท่านนบียะห์ยาแล้ววางแผนให้ลูกสาวเข้าไปยั่วยวนและมอมเหล้ากษัตริย์จนถึงที่สุดกษัตริย์ได้ตรัสว่า “เธอต้องการอะไรขอให้บอกฉันจะจัดให้”เธอกล่าวว่า

“ฉันต้องการศรีษะของ ยะห์ยา” แล้วกษัตริย์ก็บัญชาให้ไปตัดศรีษะของท่านนบียะห์ยามาให้นาง เพื่อแลกกับความมึนเมาและความสุขสำราญที่จะได้

ที่มา:   ดาบแห่งอัลเลาะห์ แอนตี้ไซออนิสต์ 
islamhouse.muslimthaipost.com

อัพเดทล่าสุด