อิสลามกับการใส่ร้ายผู้อื่น ยุแหย่ นินทา นี่คือโทษ(รุนแรง)ที่คุณจะได้รับ


26,993 ผู้ชม

ท่านนบีมุฮัมมัด (ซ.ล.) ได้บอกถึงโทษของผู้ที่ทำการยุแหย่ใส่ร้ายว่า เป็นโทษที่รุนแรงมาก โทษของเขาที่จะได้รับนั้น เริ่มต้นตั้งแต่เมื่อเขาถูกฝังลงในกุโบร์(หลุมฝังศพ)เลยทีเดียว


อิสลามกับการใส่ร้ายผู้อื่น ยุแหย่ นินทา นี่คือโทษ(รุนแรง)ที่คุณจะได้รับ

อิสลามกับการใส่ร้ายผู้อื่น ยุแหย่ นินทา นี่คือโทษ(รุนแรง)ที่คุณจะได้รับ

"และเจ้าอย่าได้ปฏิบัติตามทุกๆคน ที่ชอบสาบาน(เป็นนักสาบาน) ซึ่งต่ำทราม เลวทราม และผู้นินทา และเที่ยวตระเวนใส่ร้ายผู้อื่น"

(อัลก้อลัม / 10-11)

อันดับแรกที่นับว่าเป็นสิ่งเลวร้าย และก่อให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อสังคมมุสลิม ไม่ว่าจะเป็นทั้งในอดีตและปัจจุบัน คือ การยุแหย่ใส่ร้ายกัน ซึ่งทำให้สังคมมุสลิมนั้น อ่อนแอ ขาดซึ่งเอกภาพ อิสลามถือว่า การกระทำดังกล่าว เป็นกลอุบายและเล่ห์เหลี่ยมของชัยฏอน ที่มีความพยายามผลักดันเพื่อให้มุสลิมผู้ศรัทธาเข้าสู่การเข่นฆ่า และนองเลือดกันในที่สุด

ดังนั้น อิสลามจึงมีความชิงชังอย่างยิ่ง ต่อผู้ที่ชอบยุแหย่ ใส่ร้าย และผู้ที่ชอบใส่ไคล้ผู้อื่น เพื่อทำให้เกิดความเสื่อมเสีย ทำให้สังคมต้องเกิดความวุ่นวายนานัปการ ซึ่งเห็นได้จากสิงที่เกิดขึ้นในสังคมของเราปัจจุบันนี้ จึงเป็นการดีอย่างยิ่งที่ผู้ศรัทธาทั้งหลายจะต้องออกห่างจากการกระทำดังกล่าว(การยุแหย่ใส่ร้าย) และต้องพยายามช่วยกันกำจัดมันให้สิ้นซากไปจากสังคม เพราะถ้าปล่อยให้มันแพร่หลายและงอกเงยอยู่ในสังคมของเรา อย่างโตวันโตคืนแล้ว จะทำให้สังคมสับสนวุ่นวายอย่างไม่มีวันจบสิ้น แล้วสังคมของเราจะมีความสงบสุขได้อย่างไร 

ท่านเราะซูล (ซ.ล.) ได้ประณามผู้ที่ชอบทำตัวยุแหย่ ใส่ร้ายผู้อื่นว่า เป็นบุคคลที่เลวทราม และเป็นผู้น่ารังเกียจยิ่ง

"บ่าวของอัลลอฮ์ ที่เลวร้ายที่สุดคือ พวกที่ตระเวนใสร้ายผู้อื่น พวกที่สร้างความแตกแยกระหว่างผู้ที่รักใคร่กัน และพวกที่ชอบจับผิดบรรดาคนดี"

 (รายงานโดย อะหมัด)

และอีกฮะดิษหนึ่ง ความว่า

"บรรดาผู้ที่ยุแหย่ ใส่ร้ายผู้อื่นนั้น จะไม่ได้เข้าสวรรค์"

(รายงานโดย บุครีย์ และมุสลิม)

จากฮะดิษดังกล่าวข้างต้นจะเห็นว่า ผู้ที่ยุแหย่ใส่ร้ายผู้อื่น คือผู้ที่เลวร้ายที่สุดในทัศนะของอัลอิสลาม เหตุผลก็คือ ผู้ที่ยุแหย่ใส่ร้าย เป็นผู้ทีประกอบความผิดที่ร้ายแรงหลายประการในคราวเดียวกัน คือ

1. เป็นผู้โกหกมดเท็จ ซึ่งนั่นคือ คุณสมบัติและลักษณะ อันเลวร้ายของ "พวกมุนาฟิก"

2. เป็นผู้อธรรมต่อผู้อื่นอย่างร้ายกาจที่สุด

3. เป็นผู้มีความอิจฉาริษยา

4. เป็นผู้ที่พยายามก่อความเสียหายให้เกิดขึ้นในสังคม และแผ่นดิน

5. เป็นผู้ทำลายเกียรติยศของผู้อื่น อย่างน่าละอายที่สุด

 

เห็นได้จากการยุแหย่ใส่ร้ายนั้นคือ โรคร้ายชนิดหนึ่งซึ่งถ้าได้เกิดขึ้นแก่บุคคลใดแล้ว เมื่อเขาได้ยุแหย่ผู้อื่นให้ทะเลาะวิวาทกัน เขาจะสบายอกสบายใจ หรือทำให้คนบาดหมางกัน และจะสบายอกสบายใจ ที่ได้ใส่ร้ายผู้อื่นให้ชอกช้ำใจ ในทางตรงกันข้ามกันเขาจะมีชีวิตที่ปวดร้าว เมื่อได้เห็นผู้อื่นอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข มีความรักใคร่สมัครสมานสามัคคีกัน เขาจะรู้สึกกระวนกระวายใจและอึดอัดใจ

  

โรคร้ายแรงชนิดนี้มิได้ก่อตัวขึ้นจากเชื้อโรคชนิดใดชนิดหนึ่ง แต่มันก่อตัวขึ้นจากเล่ห์เหลี่ยมของชัยฏอน ที่คอยปลูกฝังความอิจฉาริษยา ความโกหกมดเท็จ ความอาฆาตพยาบาทให้เกิดขึ้นในหัวใจ เมื่อสิ่งต่างๆเหล่านี้เกิดขึ้นอย่างมากมายแล้ว ก็จะรู้สึกเป็นทุกข์ขึ้นมาทันทีที่เขาได้เห็นผู้อื่นมีความสุข และจะรู้สึกมีความสบายใจอย่างมากที่ได้เห็นผู้อื่นบาดหมางกัน ทะเลาะวิวาทกัน และโกรธกัน ดังนั้นเขาจะพยายามยุแหย่ ใส่ร้าย และสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายให้เกิดขึ้นในสังคม เพื่อที่จะทำให้ตัวเขามีความสุข เมื่อเขาได้พบเห็นสังคมมีความแตกแยกและระส่ำระสาย

เมื่อได้พิจารณาจากพฤติกรรมของพวกที่ชอบยุแหย่ใส่ร้ายโดยละเอียดแล้ว ก็จะทราบคำตอบได้เป็นอย่างดีว่า ทำไมท่านเราะซูล (ซ.ล.) จึงประกาศชัดเจนว่า ผู้ที่ชอบยุแหย่ใส่ร้ายผู้อื่นนั้น จะไม่ได้เข้าสวรรค์ ซึ่งเป็นสิ่งที่สมควรแล้วสำหรับคนพวกนั้น ที่จะได้รับนรกเป็นสิ่งตอบแทน และถูกทรมานอยู่ในนั้นอย่างแสนสาหัส ดังนั้นผู้ศรัทธาทั้งหลาย จำเป็นต้องออกห่างจากการยุแหย่ใส่ร้ายให้ได้ และจะต้องพยายามขจัดสิ่งเหล่านี้ออกไปให้สิ้นซากจากสังคมแบบถอนรากถอนโคน เพื่อที่จะทำให้สังคมพบแต่ความสงบสุข

ท่านนบีมุฮัมมัด (ซ.ล.) ได้บอกถึงโทษของผู้ที่ทำการยุแหย่ใส่ร้ายว่า เป็นโทษที่รุนแรงมาก โทษของเขาที่จะได้รับนั้น เริ่มต้นตั้งแต่เมื่อเขาถูกฝังลงในกุโบร์(หลุมฝังศพ)เลยทีเดียว

ท่านอิบนุ อับบาส รายงานว่า

"แท้จริงท่านเราะซูล (ซ.ล.) ได้ผ่านมาที่หลุมฝังศพสองหลุม แล้วท่านจึงกล่าวว่า แท้จริงเขาทั้งสองกำลังถูกลงโทษ และเขาไม่ได้ถูกลงโทษในความผิดที่ใหญ่หลวง(ตามความคิดของคนทั่วไป) แต่หาใช่เช่นนั้นไม่ นับเป็นความผิดที่ใหญ่หลวง(ในทัศนะของอัลลอฮ์) นั่นคือคนหนึ่งได้ตระเวนยุแหย่ใส่ร้ายผู้อื่น และอีกคนหนึ่งมิได้ชำระให้เรียบร้อยขณะปัสสาวะ"

(รายงานโดย บุครีย์ และมุสลิม)

ผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงระมัดระวังในเรื่องการยุแหย่ใส่ร้ายให้ดี อย่าให้มันมาอยู่ในหัวใจของเรา แม้เพียงเล็กน้อย โดยจะต้องตรวจสอบคำพูดของเราให้ดีว่า ขณะที่เราพูดพาดพิงถึงคนอื่นนั้น ทำให้เขาได้รับความเดือดร้อน และให้ชื่อเสียงของเขาเสื่อมเสียหรือไม่ ? และควรเช็คหัวใจของเราอยู่ตลอดเวลาว่า ขณะที่เราเห็นพี่น้องของเราได้ดี เรามีความรู้สึกปลาบปลื้มปิติ และดีใจกับเขาหรือไม่ ? และขณะที่เราเห็นเขาล้มละลาย หรือสิ้นเนื้อประดาตัว เรารู้สึกโศกเศร้าไปกับเขาหรือไม่ ?

ถ้าพบว่าตัวเรามีความสุขเมื่อได้เห็นเขาทุกข์ และเป็นทุกข์เมื่อได้เห็นผู้อื่นมีความสุข และถ้าพบอย่างนี้แล้วก็พึงทราบเถิดว่า โรคอิจฉาริษยากำลังครอบงำหัวใจของเรา และมันจะเป็นบ่อเกิดแห่งการยุแหย่ใส่ร้าย ที่จะเป็นผลให้เรากลายมาเป็นผู้อัปยศที่สุดในทัศนะของอิสลาม

www.islammore.com

อัพเดทล่าสุด