ศาสนาอนุญาตให้สามีภรรยา เปลือยกายขณะร่วมประเวณีหรือไม่?


24,688 ผู้ชม

จำเป็นอย่างยิ่งไม่ว่าผู้ชายหรือผู้หญิงที่จะต้องปกปิดเอาเราะฮฺ (สิ่งพึงสงวนที่จะต้องปกปิดตาม หลักการของศาสนา ผู้ชายจะต้องปกปิดระหว่างสะดือถึงหัวเข่า และหญิงเปิดได้เฉพาะใบหน้ากับฝ่ามือ) ต่อบุคคลอื่น ยกเว้นสามีภรรยา เท่านั้น ฉะนั้นสามีภรรยาจะเปิดเผยเอาเราะฮฺซึ่งกันและกันจึงเป็นที่อนุญาต


ศาสนาอนุญาตให้สามีภรรยา เปลือยกายขณะร่วมประเวณีหรือไม่?

ตอบโดย:  อ. มุรีด ทิมะเสน

จำเป็นอย่างยิ่งไม่ว่าผู้ชายหรือผู้หญิงที่จะต้องปกปิดเอาเราะฮฺ (สิ่งพึงสงวนที่จะต้องปกปิดตาม หลักการของศาสนา ผู้ชายจะต้องปกปิดระหว่างสะดือถึงหัวเข่า และหญิงเปิดได้เฉพาะใบหน้ากับฝ่ามือ) ต่อบุคคลอื่น ยกเว้นสามีภรรยา เท่านั้น

ฉะนั้น สามีภรรยาจะเปิดเผยเอาเราะฮฺซึ่งกันและกันจึง เป็นที่อนุญาต ดังหลักฐานที่ท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) เคยถูกถามว่า :

“โอ้ท่านรสูลของอัลลอฮฺ เอาเราะฮฺของพวกเราเวลาใดที่ต้องปกปิด และเวลาใดที่จะต้องเปิดเผย ท่านรสูล (ซ.ล.) กล่าวว่า ท่านจงรักษาเอาเราะฮฺของท่านเถิด (ระหว่างสะดือถึงหัวเข่า) ยกเว้นภรรยาของท่าน หรือสิ่งที่มือขวาของท่านครอบครอง (หมายถึงทาสี ปัจจุบันระบบทาสีถูกยกเลิกไปแล้ว) เขา (ปู่ของบะฮฺซุน) กล่าวว่า หากปรากฏว่าผู้ชายเห็น (เอาเราะฮฺ) ผู้ชายด้วยกันล่ะ ท่านรสูล (ซ.ล.) หากท่านสามารถไม่ให้บุคคลหนึ่งเห็นเอาเราะฮฺก็จงกระทำเถิดฉัน กล่าวว่า ถ้าผู้ชายอยู่ตามลำพังล่ะ ท่านรสูล (ซ.ล.) ตอบว่า ดังนั้น พระองค์อัลลอฮฺทรงมีสิทธิที่จะถูกละอายมากกว่า” 

(บันทึกโดยอบูดาวูด, ติรฺมิซีย์, อิบนุ มาญะฮฺ และอะหมัด)

สิ่งที่ได้รับจากหะดีษข้างต้น

1. ศาสนาไม่อนุญาตให้เปิดเผยเอาเราะฮฺแก่บุคคลอื่นได้ และเห็นยกเว้นระหว่างสามีภรรยาที่อนุญาตให้เปิดเผยเอาเราะฮฺซึ่งกันและกันได้ตราบที่ทั้งสองเกิดความพึงพอใจซึ่งกันและกัน

อนึ่งอาจจะมีผู้ซักค้านโดยหยิบยกหะดีษบทหนึ่งจากท่านหญิง อาอิชะฮฺที่เล่าว่า

“ฉันไม่เคยเห็นเอาเราะฮฺของท่านรสูลุลลอฮฺ ครั้งเดียว” (บันทึกโดยฏ็อบรอนีย์)

เมื่อหะดีษข้างต้นกล่าวว่าท่านหญิงอาอิชะฮฺ ไม่เคยเห็น เอาเราะฮฺของท่านรสูล (ซ.ล.) ไฉนเลยจึงกล่าวอ้างว่าอนุญาตให้สามีภรรยาต่างเห็นเอาเราะฮฺซึ่งกันและกันได้ ผู้เขียนขอตอบว่า หะดีษข้างต้นไม่สามารถนำมาเป็นหลักฐานอ้างอิงได้เพราะเป็นหะดีษเฎาะอีฟ เนื่องจากสายสืบของหะดีษข้างต้นมีนักรายงานคนหนึ่งที่ชื่อ บะเราะกะฮฺ บุตรของมุหัมมัด อัลหะบะลีย์ เป็นจอมโกหก ท่านอิบนุ หะญร กล่าวว่าหะดีษข้างต้นเป็นส่วนหนึ่งของการโกหก (ดูหนังสือ “อาดาบุซซิฟาฟ” หน้า 34)

อีกหะดีษบทหนึ่งที่กล่าวว่า “เมื่อบุคคลหนึ่งในหมู่พวกท่าน ร่วมประเวณีกับภรรยาของเขา ดังนั้น ทั้งสองจงอย่าเปลือยกาย ดังเช่นการเปลือยกายของลาสองตัว (ตัวผู้กับตัวเมีย)” (บันทึกโดยอิบนุ มาญะฮฺ)

หะดีษบทนี้เป็นหะดีษเฎาะอีฟเช่นกัน เพราะนักรายงานหะดีษ คนหนึ่งที่ชื่อ อัลอะหฺวัศ บุตรของหะกีมเป็นบุคคลที่เฎาะอีฟ (ดูหนังสือ “อาดาบุชซิฟาฟ" หน้า 34)

ส่วนหะดีษอีกบทหนึ่งที่กล่าวว่า “เมื่อบุคคลหนึ่งร่วมประเวณี กับภรรยาของเขาหรือทาสีของเขา (ปัจจุบันระบบทาสีถูกยกเลิกแล้ว) เช่นนั้นเขาอย่าได้มองอวัยวะเพศของนาง แท้จริงการกระทำดังกล่าว เป็นสาเหตุทำให้ตาบอด” หะดีษนี้เป็นหะดีษเมาฎูอฺ(หมายถึงหะดีษ ทีถูกกขึ้นมาแล้วอ้างว่าท่านนบีมุหัมมัด(ซ.ล.)เป็นผู้ที่พูด)

อิบนุ อุรวะฮฺ อัลหัมบะลีย์ กล่าวในหนังสือของเขาที่ชื่อ “อัลกะวากิบ” ไว้ว่า “อนุญาตให้ระหว่างสามีภรรยาทุกคู่มองทุกส่วนต่างๆ ของร่างกาย และอนุญาตให้สัมผัสแม้กระทั่งอวัยวะเพศ อนุญาตให้แสวงหาความสุขได้ ดังนั้นจึงอนุญาตให้มองและสัมผัส เฉกเช่นอวัยวะส่วนอื่นของร่างกาย” (หนังสือเล่มเดียวกัน หน้า 35)

2. ส่วนกรณีที่อยู่ตามลำพัง การเปิดเผยเอาเราะฮฺของตนเองย่อมกระทำได้ แต่ถ้าเกิดความละอาย การปกปิดเอาเราะฮฺย่อมดีกว่า ดังที่ท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) แจกแจงหะดีษข้างต้นว่า สมควรปกปิดเอาเราะฮฺขณะอยู่ตามลําพัง” (ดูหนังสือ “อิชเราะตุนนิสาอฺ” หน้า 7)

https://islamhouse.muslimthaipost.com/

อัพเดทล่าสุด