การสิ้นชีวิตของลูกชายท่านศาสดามูฮัมหมัด ประวัติศาสตร์อิสลามน่ารู้!!


13,238 ผู้ชม

ในวัย 60 ปีของท่านศาสนฑูตเป็นธรรมดาที่ท่านจะรักลูกชายวัยราว 2 ขวบคนสุดท้องคนเดียวของท่านเป็นอย่างมากมาย เพราะลูกชายและลูกสาวของท่านหลายคนก่อนหน้านี้ได้เสียชีวิตไปด้วยสาเหตุและวัยที่ต่างกัน....


ประวัติศาสตร์ การล้มป่วยและสิ้นชีวิตของลูกชายท่านศาสดามูฮัมหมัด

ในวัย 60 ปีของท่านศาสนฑูตเป็นธรรมดาที่ท่านจะรักลูกชาย มีนามว่า "อิบรอฮีม" วัยราว 2 ขวบคนสุดท้องคนเดียวของท่านเป็นอย่างมากมาย เพราะลูกชายและลูกสาวของท่านหลายคนก่อนหน้านี้ได้เสียชีวิตไปด้วยสาเหตุและวัยที่ต่างกัน มันเป็นความเศร้าอย่างสาหัสที่เข้าใจได้ในการที่ผู้เป็นพ่อต้องทำการฝังลูกของตัวเองถึงสี่คนทั้งชายหญิงที่จากไปทีละคน จนเหลือแต่ ฟาตีมะฮ์ ลูกสาวคนเดียวของท่านซึ่งเธอก็แต่งงานและมีบุตรไปแล้ว จนท่านมักจะกล่าวเสมอต่อลูกชายของท่าน จนเป็นสิ่งหนึ่งในการยึดถือว่าเป็นคุณสมบัติของนบีทุกท่าน ว่า

“เราพวกนบีของพระเจ้านั้น ไม่มีอะไรจะยกให้เป็นมรดกแก่ใครได้ เพราะทรัพย์สมบัติที่เราอาจทิ้งไว้เบื้องหลังนั้นจะต้องเป็นไปเพื่อการกุศลทั้งหมด

อิบรอฮีมคงนำความปิติภาคภูมิใจอย่างมากมายมาสู่ท่านนบี และท่านก็ย่อมมีความหวังว่าจะได้เห็นเขาเจริญเติบโต อย่างที่เด็กทั่วไปควรจะเป็น ลูกของท่านอยู่ในการดูแลของแม่นมที่ชื่อ อุมมุซัยม์ แต่ต่อมาอีกไม่นานอิบรอฮีมได้เริ่มป่วย และอาการไม่ดีขึ้น พ่อหนู่จึงถูกย้ายให้มาอยู่ที่บ้านสวนอินทผาลัม กับมารดา ซึ่งมีน้องสาวของเธอช่วยดูแล แต่เวลาผ่านไปอาการของเด็กน้อยก็ไม่ดีขึ้น ถึงขั้นทรุดหนัก จนน่ากังวลใจ และต้องบอกให้ท่านนบีมาดูลูกชายโดยด่วนเพราะดูเหมือนว่าเขาจะอยู่ได้อีกไม่นาน

เมื่อท่านนบีทราบข่าวท่านตกใจ จนไม่ไหว ต้องให้ อับดุรเราะฮมาน อิบนุเอาฟ์ พยุงท่านแล้วรีบเดินทางไปบ้านที่สวนทันที

เมื่อมาถึง เด็กน้อยอยู่ในตักของมารดา (ท่านหญิงมารียะฮฺ อัล-กิบฏียะฮฺ (ร.ฎ.)) กำลังจะสิ้นใจ เหลือเวลาเพียงเพื่อให้พ่อได้กล่าวคำอำลา ท่านกล่าวออกมาด้วยเสียงที่สั่นเครือและคอหอยตีบตันด้วยความเสียใจ

“โอ้ อิบรอฮีมเอ๋ย เราไม่สามารถจะช่วยเจ้าให้ขัดขืนคำตัดสินของพระผู้เป็นเจ้าได้”

ท่านนบีได้พูดกับร่างของลูกชายท่านว่า

“โอ้ อิบรอฮีม ถ้าไม่เป็นความจริงอย่างแน่นอนว่า คนสุดท้ายในหมู่ของเราจะต้องไปอยู่รวมกับคนแรกแล้ว เราก็จะต้องโศกเศร้าถึงเจ้ามากกว่าที่เราเป็นอยู่เดี๋ยวนี้เป็นแน่”

ท่านเงียบไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า : 

“ดวงตาหลั่งน้ำตาและหัวใจก็โศกเศร้า แต่เรามิได้กล่าวสิ่งใดนอกจากสิ่งที่เป็นที่พอใจของพระผู้อภิบาลของเรา จริงๆนะ โอ้อิบรอฮีม เราเป็นทุกข์เพราะการที่เจ้าจากเราไป”

ท่านได้พยามระงับความโศกเศร้า และกล่าวกับมารดาของเด็กน้อยว่า อิบรอฮีมจะมีพี่เลี้ยงของเขา รออยู่ในสรวงสวรรค์

สาวกที่เป็นเครือญาติของท่านได้นำร่างของพ่อหนูน้อยไปอาบน้ำเพื่อเตรียมไปฝัง แล้วถูกวางไปบนเตียงเล็กๆ ท่านนบีและอัลอับบาสผู้มีศักดิ์เป็นลุงของท่านเป็นผู้หาม และมีมุสลิมจำนวนหนึ่งร่วมไปด้วย เมื่อถึงสุสาน ท่านนบีเป็นผู้นำละหมาด(นมาซ) และร่างของเด็กน้อยก็ถูกวางลงในหลุม ท่านนบีสั่งให้กลบหลุม เมื่อกลบทรายเต็มแล้วท่านได้โปรยน้ำใส่หลุมและปักเครื่องหมายไว้ ท่านกล่าวว่า

“หินปักหลุมศพนั้นไม่ได้ทำให้ดีหรือร้าย แต่มันช่วยให้คนเป็นได้รู้ มนุษย์จะทำอะไรก็ตาม พระผู้เป็นเจ้าทรงปรารถนาให้เขาทำอย่างดี”

ในวันที่ อิบรอฮีม ลูกชายของท่านนบี(ศาสนทูต)มูฮัมหมัดเสียชีวิตนั้น ได้เกิดสุริยะคราสขึ้น มุสลิมหลายคนต่างคิดว่ามันคือ ปาฏิหาริย์ พวกเขาต่างพูดและตีความกันไปในทำนองที่ว่า ดวงอาทิตย์นั้นโศกเศร้าเสียใจไปกับการสิ้นลมของลูกชายของท่านนบี เมื่อท่านนบีได้ยินเข้า ถึงแม้มันจะเป็นคำพูดที่ฟังดูดีประหนึ่งให้ความสำคัญต่อลูกชายที่ท่านรักยิ่ง อาจจะดูเหมือนไม่ใช่เรื่องเสียหายใดๆก็ได้หากท่านแกล้งทำเป็นไม่ใส่ใจกับคำพูดในแง่ดีเช่นนี้ และปล่อยให้เป็นเรื่องคล้ายกับปาฏิหาริย์อันเพิ่มศรัทธาแก่มุสลิมก็น่าจะได้หากคิดกันแบบผิวเผิน แต่ท่านนบีมิได้ปล่อยให้ความเชื่ออย่างผิดๆนี้ผ่านไปโดยไม่ตักเตือน ท่านได้มองหน้าคนที่กล่าวเช่นนี้ และพูดว่า

“ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์คือเครื่องหมายของพระผู้เป็นเจ้า มันมืดไปมิใช่เพราะการเกิดการตายของใคร เพราะฉะนั้นเมื่อเห็นจันทรุปราคา หรือสุริยุปราคา ก็จงรำลึกถึงพระผู้เป็นเจ้า และหันมาหาพระองค์ด้วยการละหมาด(นมาซ)”

...............................................................................................................

บรรดาบุตรและบุตรีของท่านนบีมุฮัมมัด (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) นั้น ทั้งหมดถือกำเนิดจากภรรยาท่านแรกของท่านนบีมุฮัมมัด (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) คือ ท่านหญิงเคาะดีญะฮฺ บินตุ คุวัยลิด อัล-กุเราะชียะฮฺ อัล-อะสะดียะฮฺ มารดาแห่งศรัทธาชน (ร.ฎ.) ยกเว้นบุตรชายของท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ที่ชื่อ อิบรอฮีม เพียงคนเดียวที่ถือกำเนิดจากท่านหญิงมารียะฮฺ อัล-กิบฏียะฮฺ (ร.ฎ.)

ส่วนบุตรและบุตรีที่ถือกำเนิดจากท่านหญิงเคาะดีญะฮฺ (ร.ฎ.) ได้แก่ 1. อัล-กอสิม ซึ่งเสียชีวิตตั้งแต่ยังเล็ก 2. ซัยหนับ 3. รุก็อยยะฮฺ 4. อุมมุกุลโษม 5. ฟาฎิมะฮฺ 6. อับดุลลอฮฺ ซึ่งมีความเห็นต่างกันว่า คือ อัฏ-ฏอยยิบ , อัฏ-ฏอฮิร เป็นฉายาของอับดุลลอฮฺหรือว่ามีอีกสองคนที่เป็นคนละคนกับอับดุลลอฮฺ ทัศนะที่ถูกต้องระบุว่า อัฏ-ฏอยยิบและอัฏ-ฏอฮิร เป็นฉายานามของอับดุลลอฮฺ 

(จากหนังสือ ซาดุลมะอาดฟี ฮัดฺยิ ค็อยริล อิบ๊าด ; อิบนุ อัล-ก็อยยิม เล่มที่ 1 หน้า 40,41)

อัพเดทล่าสุด