ขั้นตอนอาบน้ำยกหะดัษใหญ่แบบท่านนบี(ซ.ล.)

ขั้นตอนอาบน้ำยกหะดัษใหญ่แบบท่านนบี(ซ.ล.)
อิสลามให้มีบัญญัติให้มีการอาบน้ำเพื่อชำระฮะดัสใหญ่ อันได้แก่ การมีญะนาบะฮฺ การมีประจำเดือน หลังคลอดบุตรหลังมีเพสสัมพันธ์ หลังมีอสุจิเคลื่อน หลังการคลอดบุตร

ขั้นตอนอาบน้ำยกหะดัษใหญ่แบบท่านนบี(ซ.ล.)

อิสลามให้มีบัญญัติให้มีการอาบน้ำเพื่อชำระฮะดัสใหญ่ อันได้แก่ การมีญะนาบะฮฺ การมีประจำเดือน หลังคลอดบุตรหลังมีเพสสัมพันธ์ หลังมีอสุจิเคลื่อน หลังการคลอดบุตร และเกี่ยวกับจะปฎิบัติศาสนกิจบางอย่าง เช่น อาบน้ำวันศุกร์ และก่อนจะครองเอี๊ยะรอมในพิธีฮัจญ์เป็นต้น 

ขั้นตอนดังนี้ 

1.  เริ่มด้วยการกล่าวบิสมิ้ลลาฮฺ 

2.  ล้างมือทั้งสองข้างพร้อมกัน

3.  ล้างทวารทั้งสองให้สะอาดด้วยมือซ้าย

4.  เริ่มทำการอาบน้ำละหมาด

5.  ล้างมือทั้งสองข้าง 3 ครั้ง 

6.  เอามือขวาวักน้ำใส่ปากครั้งหนึ่งเหลือไว้เล็กน้อยสูดเข้าจมูก ส่วนที่อยู่ในปากให้กลั้วปากและคอ บ้วนทิ้ง ทำเช่นนี้ 3 ครั้ง 

7.  ล้างใบหน้าให้ทั่ว 3 ครั้ง

8.  ล้างแขนขวาจรดข้อศอก 3 ครั้ง

9.  ล้างแขนซ้ายจรดข้อศอก 3 ครั้ง

10. เอามือทั้งสองจุ่มน้ำเช็ดศีรษะ 1 ครั้ง 

11. เอาน้ำราดศีรษะ และขยี้ผมให้เปียกชุ่ม ให้ทั่วถึงหนังศีรษะ

12. เอาน้ำรดศีรษะ 3 ครั้ง 

13. เอาน้ำรดร่างกายด้านขวา พร้อมใช้มือถามผิวหนังเพื่อขจัดถูสิ่งสกปรกต่าง ๆ

14. เอาน้ำรดร่างกายด้านซ้าย พร้อมใช้มือถามผิวหนังเพื่อขจัดถูสิ่งสกปรกต่าง ๆ

15. ล้างเท้าขวา 3 ครั้ง

16. ล้างเท้าซ้าย 3 ครั้ง

หลังจากอาบน้ำยกฮะดัสแล้วก็สามารถละหมาดได้ ไม่จำเป็นต้องอาบน้ำละหมาดอีก 

"ท่านร่อซูล ศอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม มิได้อาบน้ำละหมาดอีกครั้งหลังจากอาบน้ำยกฮะดัสแล้ว"

บันทึกโดยนักบันทึกฮะดีษทั้งห้า (อัตติรฺซีย์ ,อันนะซาอีย์,อิบนุมาญะฮฺ อบูดาวูด, อะหมัด)

เพิ่มเติม มุสลิมะฮฺที่เกล้าหมวยผมไว้ ไม่จำเป็นต้องคลายผมก็ได้ค่ะ 

**การอาบน้ำญะนาบะฮฺ จากหนังสือ วิธีละหมาดตามบัญญัติอิสลาม ของ อัล-อิศลาหฺสมาคมบางกอกน้อย หน้า93-94

การอาบน้ำญะนาบะฮ์ ( อัลฆุสลู่ ) คือ การอาบน้ำเพื่อชำระฮะดัษใหญ่อันเกิดจากการมีอสุจิเคลื่อนออกมาทั้งเพศหญิงและชาย ไม่ว่าจะด้วยกรณีหรือสาเหตุใดก็ตาม เช่น การฝัน,การร่วมเพศ,การสำเร็จความใคร่ ฯลฯ

ฮู่กุมการอาบน้ำญะนาบะฮ์

การอาบน้ำญะนาบะฮ์ (ยกฮะดัษ) เป็นวาญิบ (กรณีจำเป็น) อัลลอฮ์ทรงมีพระดำรัสว่า 

ความหมาย  “ และหากพวกเจ้าเป็นผู้มีญะนาบะฮ์ ( ฮะดัษ ) พวกเจ้าจงชำระ ( อาบน้ำ ) ทำความสะอาดเถิด  ”    จากบทอัลมาอิดะฮ์ โองการที่ 6

และอัลลอฮ์ทรงมีพระดำรัสอีกตอนหนึ่งว่า

ความหมาย “  และขณะที่พวกเจ้ามีญะนาบะฮ์  ( ญู่นุบ )  ยกเว้นกรณีของผู้สัญจรผ่านไปเท่านั้น  ทั้งนี้จนกว่าพวกเจ้าจะอาบน้ำ ( ชำระร่างกายให้สะอาด) เสียก่อน ”  จากบทอันนิซาอ์  โองการที่ 43

ข้อห้ามสำหรับผู้มีญะณาบะฮ์

 ศาสนาอิสลามมีบัญญัติห้ามมิให้ผู้มีญะนาบะฮ์ปฎิบัติประการต่อไปนี้

 1.ห้ามทำละหมาดทุกประเภท สุหนัตและฟัรฎู  ( รวมทั้งละหมาดญะนาซะฮ์ด้วย )

ความหมาย “ แท้จริงอัลลอฮ์จะไม่ทรงตอบรับการละหมาดของคนใดในหมู่พวกท่านเมื่อเขามีฮะดัษ  จนกว่าเขาจะอาบน้ำละหมาดเสียก่อน”

เมื่อการมีฮะดัษเล็กเป็นอุปสรรคและข้อห้ามสำหรับการละหมาด การมีฮะดัษใหญ่ย่อมต้องถือเป็นกรณีสำคัญและจำเป็นมากกว่าสำหรับการห้ามละหมาด

ความหมาย  “ แท้จริงอัลลอฮ์จะไม่ทรงตอบรับการละหมาดที่ปราศจากความสะอาด ” จากบันทึกของมุสลิมและอัดติรมิซีย์

ความสะอาดในฮะดิษหมายถึงความสะอาดตามศาสนบัญญัติ ผู้ละหมาดจะต้องเป็นผู้สะอาดปราศจากฮะดัษเล็กและใหญ่ ( ดูหลักฐานจากบทอันนิซาอ์ โองการที่ 43 ที่ผ่านมาประกอบด้วย )

2.ห้ามทำพิธีฏอว้าฟทั้งฟัรฎูและสุหนัต  ( คือ การเดินเวียนรอบอาคารบัยตุลลอฮ์ )

ความหมาย  ”  การฏอวาฟ  ( เดินเวียนรอบ ) อาคารบัยตุลลอฮ์นั้น ถือเป็นการละหมาดหากแต่อัลลอฮ์ทรงอนุญาตให้พูดจา ในขณะฏอว้าฟได้  “   จากบันทึกของอัดติรมิซีย์

และอาคารบัยตุลลอฮ์นั้นอยู่ในมัสยิดอัลหะรอม  ผู้มีญะนาบะฮ์จึงไม่สามารถเข้าไปในมัสยิดได้

3.ห้ามเข้าไปหยุดพักในมัสยิด  ( โดยปราศจากความจำเป็น )

ความหมาย   ”  ข้าพเจ้าไม่อนุญาตให้สตรีมีเฮด  ( รอบเดือน )   และผู้มีญะนาบะฮ์เข้ามัสยิดโดยเด็ดขาด “  จากบันทึกของอาบูดาวู๊ด( โปรดดูหลักฐานจากบทอันนิซาอ์ โองการที่ 43 ที่ผ่านมาประกอบด้วย )

4.ห้ามจับและสัมผัสอัลกุรอาน   ( โดยปราศจากความจำเป็น )

ความหมาย   “  เฉพาะผู้ที่สะอาด ( สะอาดปราศจากฮะดัษเล็กและใหญ่ )  เท่านั้นที่จะสัมผัสอัลกุรอานได้  “  จากบันทึกของอัดฏ็อบรอนีย์,อัดดารุกุฏนีย์และอัลฮาเก็ม ท่านคอลีฟะฮ์อาลีกล่าวว่า  “ และไม่เคยมีกรณ๊ใดที่จะยับยั้งท่านรอซูลไม่ให้อ่านอัลกุรอานได้  นอกจากกรณีที่ท่านมีญะนาบะฮ์เท่านั้น  “  และสาวกของรอซูลบางท่านเล่าว่า  “ ท่านรอซูลจะสอน อัลกุรอานพวกเราเสมอ ตลอดเวลาที่ท่านไม่มีญะนาบะฮ์ “    จากบันทึกของอัดติรมิซีย์

อนึ่ง อนุญาตให้ผู้มีญะนาบะฮ์จับหรือสัมผัสอัลกุรอานได้เมื่อมีเหตุผลความจำเป็น  พบกุรอานตกหล่นอยู่ในที่สกปรกหรือเกรงว่าจะถูกทำลายหรือเผาใหม้   และอนุญาตอ่านกุรอานได้เฉพาะโองการที่เป็นบทรำลึกหรือดุอาอ์ และเมื่อมีความจำเป็นเท่านั้น เช่น เพื่อการสอบ
   

วิธีการอาบน้ำญะนาบะฮ์   ( ตามศาสนบัญญัติ )

ท่านหญิงอาอิชะฮ์ภรรยาของท่านรอซูล ได้รายงานลักษณะวิธีการอาบน้ำญะนาบะฮ์ของท่านรอซูลอย่างคร่าวๆ ไว้ว่า

“ แท้จริงเมื่อท่านรอซูลอาบน้ำญะนาบะฮ์ ท่านจะเริ่มด้วยการล้างมือทั้งสองข้างก่อน  จากนั้นท่านจะใช้มือขวาวักน้ำใส่มือซ้ายเพื่อใช้ชำระล้างทวารหน้า ( อวัยวะเพศ ) จากนั้นท่านจึงอาบน้ำละหมาดเช่นเดียวกับที่ท่านอาบไปละหมาด  เสร็จแล้วนำน้ำมาราดลงบนเส้นผม ( ศรีษะ ) และใช้มือเสยสอดและขยี้โคนผมให้เปียกน้ำทั่ว จนกระทั่งมั่นใจว่าน้ำเปียกทั่วหนังศรีษะหมดแล้ว  ท่านวักน้ำมาราดลงบนศรีษะอีก 3 ครั้ง  จากนั้นราดน้ำจนทั่วร่างกาย เสร็จแล้วจึงล้างเท้าทั้งสองข้างของท่าน )   จาก

บันทึกของอัลบุคอรีย์และมุสลิม

วิธีการอาบน้ำญะนาบะฮ์อย่างละเอียดต่อไปนี้  ได้คัดลอกและรวบรวมจากบรรดารายงานที่สาวกของรอซูลถ่ายทอดไว้   สรุปได้โดยสังเขปดังนี้

1.ล้างมือทั้งสองข้าง 3 ครั้ง พร้อมกล่าวบิสมิลลาฮ

2.ใช้มือซ้ายชำระล้างอวัยวะเพศให้เกลี้ยง

3.บ้วนปากและถูฟันให้สะอาด

4.อาบน้ำละหมาดเหมือนปกติ ( ทำตามขั้นตอนการอาบน้ำละหมาดทุกประการยกเว้นล้างเท้า )

5.เมื่อเช็ดศรีษะเรียบร้อยแล้ว ให้นำน้ำมาราดศรีษะให้ทั่ว พร้อมใช้นิ้วมือขยี้เส้นผม,โคนผมให้น้ำเปียกทั่วหนังศรีษะ  จำนวน 3 ครั้ง

6.เสร็จแล้วให้นำน้ำมาราดรดร่างกายด้านขวา พร้อมใช้มือขัดถูตามผิวหนัง,ซอกพับต่างๆ ซอกนิ้วมือและนิ้วเท้า  จำนวน 3 ครั้ง  จากนั้นให้ปฏิบัติด้านซ้ายเช่นเดียวกัน จำนวน 3 ครั้ง

7.เมื่อเสร็จแล้วให้ย้ายหรือเปลี่ยนสถานที่เล็กน้อย แล้วจึงล้างเท้าขวา 3 ครั้ง จากนั้นล้างเท้าซ้ายอีก  3 ครั้ง

ข้อควรระวังในการอาบน้ำญะนาบะฮ์

เมื่อผู้มีฮะดัษต้องการอาบน้ำ ให้คำนึงถึงประการต่อไปนี้

1.เมื่อแน่ใจว่าเกิดฮะดัษหรือมีญะนาบะฮ์ขึ้นแล้วให้รีบอาบน้ำชำระร่างกาย ( อัล-ฆุสลฺ )เพื่อยกฮะดัษโดยเร่งด่วน หากไม่สะดวกก็เป็นการสมควรอย่างยิ่งที่จะอาบน้ำละหมาดเสียก่อน

2.ต้องให้น้ำเปียกทั่วร่างกาย ตรวจสอบตามรอยพับต่างๆ เช่น รักแร้,ขาพับ,ซอกขาและใต้คาง มือลูบให้ทั่ว เพื่อให้มั่นใจว่าน้ำเปียกทั่วถึงร่างกายทั้งหมดแล้ว 

3.ต้องให้น้ำเปียกทั่วทุกขุมขน ด้วยการราดน้ำลงบนเส้นผมแล้วจึงขยี้ตามโคนผม เพื่อให้น้ำได้เปียกทั่วทั้งเส้นผมและหนังศรีษะ ตลอดจนขนตามบริเวณหรือส่วนต่างๆของร่างกาย เช่น ขนรักแร้,ขนหน้าอกและขนใต้ร่มผ้า

4.ต้องใช้น้ำอย่างประหยัดที่สุด ท่านรอซูลทรงใช้น้ำเพื่อการอาบน้ำละหมาดเพียง 1 มุด และทรงใช้น้ำในการอาบน้ำญะนาบะฮ์เพียง 1 ซอฮ์เท่านั้น

5.เมื่อต้องการล้างเท้าเสร็จพิธีอาบน้ำให้เลื่อนที่เจากบริเวณเดิมเล็กน้อย

6.ต้องปกปิดเอาเราะฮ์   อวัยวะพึงสงวนขณะอาบน้ำญะนาบะฮ