ขั้นตอนอาบน้ำยกหะดัษใหญ่แบบท่านนบี(ซ.ล.)


15,920 ผู้ชม

อิสลามให้มีบัญญัติให้มีการอาบน้ำเพื่อชำระฮะดัสใหญ่ อันได้แก่ การมีญะนาบะฮฺ การมีประจำเดือน หลังคลอดบุตรหลังมีเพสสัมพันธ์ หลังมีอสุจิเคลื่อน หลังการคลอดบุตร


ขั้นตอนอาบน้ำยกหะดัษใหญ่แบบท่านนบี(ซ.ล.)

อิสลามให้มีบัญญัติให้มีการอาบน้ำเพื่อชำระฮะดัสใหญ่ อันได้แก่ การมีญะนาบะฮฺ การมีประจำเดือน หลังคลอดบุตรหลังมีเพสสัมพันธ์ หลังมีอสุจิเคลื่อน หลังการคลอดบุตร และเกี่ยวกับจะปฎิบัติศาสนกิจบางอย่าง เช่น อาบน้ำวันศุกร์ และก่อนจะครองเอี๊ยะรอมในพิธีฮัจญ์เป็นต้น 

ขั้นตอนดังนี้ 

1.  เริ่มด้วยการกล่าวบิสมิ้ลลาฮฺ 

2.  ล้างมือทั้งสองข้างพร้อมกัน

3.  ล้างทวารทั้งสองให้สะอาดด้วยมือซ้าย

4.  เริ่มทำการอาบน้ำละหมาด

5.  ล้างมือทั้งสองข้าง 3 ครั้ง 

6.  เอามือขวาวักน้ำใส่ปากครั้งหนึ่งเหลือไว้เล็กน้อยสูดเข้าจมูก ส่วนที่อยู่ในปากให้กลั้วปากและคอ บ้วนทิ้ง ทำเช่นนี้ 3 ครั้ง 

7.  ล้างใบหน้าให้ทั่ว 3 ครั้ง

8.  ล้างแขนขวาจรดข้อศอก 3 ครั้ง

9.  ล้างแขนซ้ายจรดข้อศอก 3 ครั้ง

10. เอามือทั้งสองจุ่มน้ำเช็ดศีรษะ 1 ครั้ง 

11. เอาน้ำราดศีรษะ และขยี้ผมให้เปียกชุ่ม ให้ทั่วถึงหนังศีรษะ

12. เอาน้ำรดศีรษะ 3 ครั้ง 

13. เอาน้ำรดร่างกายด้านขวา พร้อมใช้มือถามผิวหนังเพื่อขจัดถูสิ่งสกปรกต่าง ๆ

14. เอาน้ำรดร่างกายด้านซ้าย พร้อมใช้มือถามผิวหนังเพื่อขจัดถูสิ่งสกปรกต่าง ๆ

15. ล้างเท้าขวา 3 ครั้ง

16. ล้างเท้าซ้าย 3 ครั้ง

หลังจากอาบน้ำยกฮะดัสแล้วก็สามารถละหมาดได้ ไม่จำเป็นต้องอาบน้ำละหมาดอีก 

"ท่านร่อซูล ศอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม มิได้อาบน้ำละหมาดอีกครั้งหลังจากอาบน้ำยกฮะดัสแล้ว"

บันทึกโดยนักบันทึกฮะดีษทั้งห้า (อัตติรฺซีย์ ,อันนะซาอีย์,อิบนุมาญะฮฺ อบูดาวูด, อะหมัด)

เพิ่มเติม มุสลิมะฮฺที่เกล้าหมวยผมไว้ ไม่จำเป็นต้องคลายผมก็ได้ค่ะ 

**การอาบน้ำญะนาบะฮฺ จากหนังสือ วิธีละหมาดตามบัญญัติอิสลาม ของ อัล-อิศลาหฺสมาคมบางกอกน้อย หน้า93-94

การอาบน้ำญะนาบะฮ์ ( อัลฆุสลู่ ) คือ การอาบน้ำเพื่อชำระฮะดัษใหญ่อันเกิดจากการมีอสุจิเคลื่อนออกมาทั้งเพศหญิงและชาย ไม่ว่าจะด้วยกรณีหรือสาเหตุใดก็ตาม เช่น การฝัน,การร่วมเพศ,การสำเร็จความใคร่ ฯลฯ

ฮู่กุมการอาบน้ำญะนาบะฮ์

การอาบน้ำญะนาบะฮ์ (ยกฮะดัษ) เป็นวาญิบ (กรณีจำเป็น) อัลลอฮ์ทรงมีพระดำรัสว่า 

ความหมาย  “ และหากพวกเจ้าเป็นผู้มีญะนาบะฮ์ ( ฮะดัษ ) พวกเจ้าจงชำระ ( อาบน้ำ ) ทำความสะอาดเถิด  ”    จากบทอัลมาอิดะฮ์ โองการที่ 6

และอัลลอฮ์ทรงมีพระดำรัสอีกตอนหนึ่งว่า

ความหมาย “  และขณะที่พวกเจ้ามีญะนาบะฮ์  ( ญู่นุบ )  ยกเว้นกรณีของผู้สัญจรผ่านไปเท่านั้น  ทั้งนี้จนกว่าพวกเจ้าจะอาบน้ำ ( ชำระร่างกายให้สะอาด) เสียก่อน ”  จากบทอันนิซาอ์  โองการที่ 43

ข้อห้ามสำหรับผู้มีญะณาบะฮ์

 ศาสนาอิสลามมีบัญญัติห้ามมิให้ผู้มีญะนาบะฮ์ปฎิบัติประการต่อไปนี้

 1.ห้ามทำละหมาดทุกประเภท สุหนัตและฟัรฎู  ( รวมทั้งละหมาดญะนาซะฮ์ด้วย )

ความหมาย “ แท้จริงอัลลอฮ์จะไม่ทรงตอบรับการละหมาดของคนใดในหมู่พวกท่านเมื่อเขามีฮะดัษ  จนกว่าเขาจะอาบน้ำละหมาดเสียก่อน”

เมื่อการมีฮะดัษเล็กเป็นอุปสรรคและข้อห้ามสำหรับการละหมาด การมีฮะดัษใหญ่ย่อมต้องถือเป็นกรณีสำคัญและจำเป็นมากกว่าสำหรับการห้ามละหมาด

ความหมาย  “ แท้จริงอัลลอฮ์จะไม่ทรงตอบรับการละหมาดที่ปราศจากความสะอาด ” จากบันทึกของมุสลิมและอัดติรมิซีย์

ความสะอาดในฮะดิษหมายถึงความสะอาดตามศาสนบัญญัติ ผู้ละหมาดจะต้องเป็นผู้สะอาดปราศจากฮะดัษเล็กและใหญ่ ( ดูหลักฐานจากบทอันนิซาอ์ โองการที่ 43 ที่ผ่านมาประกอบด้วย )

2.ห้ามทำพิธีฏอว้าฟทั้งฟัรฎูและสุหนัต  ( คือ การเดินเวียนรอบอาคารบัยตุลลอฮ์ )

ความหมาย  ”  การฏอวาฟ  ( เดินเวียนรอบ ) อาคารบัยตุลลอฮ์นั้น ถือเป็นการละหมาดหากแต่อัลลอฮ์ทรงอนุญาตให้พูดจา ในขณะฏอว้าฟได้  “   จากบันทึกของอัดติรมิซีย์

และอาคารบัยตุลลอฮ์นั้นอยู่ในมัสยิดอัลหะรอม  ผู้มีญะนาบะฮ์จึงไม่สามารถเข้าไปในมัสยิดได้

3.ห้ามเข้าไปหยุดพักในมัสยิด  ( โดยปราศจากความจำเป็น )

ความหมาย   ”  ข้าพเจ้าไม่อนุญาตให้สตรีมีเฮด  ( รอบเดือน )   และผู้มีญะนาบะฮ์เข้ามัสยิดโดยเด็ดขาด “  จากบันทึกของอาบูดาวู๊ด( โปรดดูหลักฐานจากบทอันนิซาอ์ โองการที่ 43 ที่ผ่านมาประกอบด้วย )

4.ห้ามจับและสัมผัสอัลกุรอาน   ( โดยปราศจากความจำเป็น )

ความหมาย   “  เฉพาะผู้ที่สะอาด ( สะอาดปราศจากฮะดัษเล็กและใหญ่ )  เท่านั้นที่จะสัมผัสอัลกุรอานได้  “  จากบันทึกของอัดฏ็อบรอนีย์,อัดดารุกุฏนีย์และอัลฮาเก็ม ท่านคอลีฟะฮ์อาลีกล่าวว่า  “ และไม่เคยมีกรณ๊ใดที่จะยับยั้งท่านรอซูลไม่ให้อ่านอัลกุรอานได้  นอกจากกรณีที่ท่านมีญะนาบะฮ์เท่านั้น  “  และสาวกของรอซูลบางท่านเล่าว่า  “ ท่านรอซูลจะสอน อัลกุรอานพวกเราเสมอ ตลอดเวลาที่ท่านไม่มีญะนาบะฮ์ “    จากบันทึกของอัดติรมิซีย์

อนึ่ง อนุญาตให้ผู้มีญะนาบะฮ์จับหรือสัมผัสอัลกุรอานได้เมื่อมีเหตุผลความจำเป็น  พบกุรอานตกหล่นอยู่ในที่สกปรกหรือเกรงว่าจะถูกทำลายหรือเผาใหม้   และอนุญาตอ่านกุรอานได้เฉพาะโองการที่เป็นบทรำลึกหรือดุอาอ์ และเมื่อมีความจำเป็นเท่านั้น เช่น เพื่อการสอบ
   

วิธีการอาบน้ำญะนาบะฮ์   ( ตามศาสนบัญญัติ )

ท่านหญิงอาอิชะฮ์ภรรยาของท่านรอซูล ได้รายงานลักษณะวิธีการอาบน้ำญะนาบะฮ์ของท่านรอซูลอย่างคร่าวๆ ไว้ว่า

“ แท้จริงเมื่อท่านรอซูลอาบน้ำญะนาบะฮ์ ท่านจะเริ่มด้วยการล้างมือทั้งสองข้างก่อน  จากนั้นท่านจะใช้มือขวาวักน้ำใส่มือซ้ายเพื่อใช้ชำระล้างทวารหน้า ( อวัยวะเพศ ) จากนั้นท่านจึงอาบน้ำละหมาดเช่นเดียวกับที่ท่านอาบไปละหมาด  เสร็จแล้วนำน้ำมาราดลงบนเส้นผม ( ศรีษะ ) และใช้มือเสยสอดและขยี้โคนผมให้เปียกน้ำทั่ว จนกระทั่งมั่นใจว่าน้ำเปียกทั่วหนังศรีษะหมดแล้ว  ท่านวักน้ำมาราดลงบนศรีษะอีก 3 ครั้ง  จากนั้นราดน้ำจนทั่วร่างกาย เสร็จแล้วจึงล้างเท้าทั้งสองข้างของท่าน )   จาก

บันทึกของอัลบุคอรีย์และมุสลิม

วิธีการอาบน้ำญะนาบะฮ์อย่างละเอียดต่อไปนี้  ได้คัดลอกและรวบรวมจากบรรดารายงานที่สาวกของรอซูลถ่ายทอดไว้   สรุปได้โดยสังเขปดังนี้

1.ล้างมือทั้งสองข้าง 3 ครั้ง พร้อมกล่าวบิสมิลลาฮ

2.ใช้มือซ้ายชำระล้างอวัยวะเพศให้เกลี้ยง

3.บ้วนปากและถูฟันให้สะอาด

4.อาบน้ำละหมาดเหมือนปกติ ( ทำตามขั้นตอนการอาบน้ำละหมาดทุกประการยกเว้นล้างเท้า )

5.เมื่อเช็ดศรีษะเรียบร้อยแล้ว ให้นำน้ำมาราดศรีษะให้ทั่ว พร้อมใช้นิ้วมือขยี้เส้นผม,โคนผมให้น้ำเปียกทั่วหนังศรีษะ  จำนวน 3 ครั้ง

6.เสร็จแล้วให้นำน้ำมาราดรดร่างกายด้านขวา พร้อมใช้มือขัดถูตามผิวหนัง,ซอกพับต่างๆ ซอกนิ้วมือและนิ้วเท้า  จำนวน 3 ครั้ง  จากนั้นให้ปฏิบัติด้านซ้ายเช่นเดียวกัน จำนวน 3 ครั้ง

7.เมื่อเสร็จแล้วให้ย้ายหรือเปลี่ยนสถานที่เล็กน้อย แล้วจึงล้างเท้าขวา 3 ครั้ง จากนั้นล้างเท้าซ้ายอีก  3 ครั้ง

ข้อควรระวังในการอาบน้ำญะนาบะฮ์

เมื่อผู้มีฮะดัษต้องการอาบน้ำ ให้คำนึงถึงประการต่อไปนี้

1.เมื่อแน่ใจว่าเกิดฮะดัษหรือมีญะนาบะฮ์ขึ้นแล้วให้รีบอาบน้ำชำระร่างกาย ( อัล-ฆุสลฺ )เพื่อยกฮะดัษโดยเร่งด่วน หากไม่สะดวกก็เป็นการสมควรอย่างยิ่งที่จะอาบน้ำละหมาดเสียก่อน

2.ต้องให้น้ำเปียกทั่วร่างกาย ตรวจสอบตามรอยพับต่างๆ เช่น รักแร้,ขาพับ,ซอกขาและใต้คาง มือลูบให้ทั่ว เพื่อให้มั่นใจว่าน้ำเปียกทั่วถึงร่างกายทั้งหมดแล้ว 

3.ต้องให้น้ำเปียกทั่วทุกขุมขน ด้วยการราดน้ำลงบนเส้นผมแล้วจึงขยี้ตามโคนผม เพื่อให้น้ำได้เปียกทั่วทั้งเส้นผมและหนังศรีษะ ตลอดจนขนตามบริเวณหรือส่วนต่างๆของร่างกาย เช่น ขนรักแร้,ขนหน้าอกและขนใต้ร่มผ้า

4.ต้องใช้น้ำอย่างประหยัดที่สุด ท่านรอซูลทรงใช้น้ำเพื่อการอาบน้ำละหมาดเพียง 1 มุด และทรงใช้น้ำในการอาบน้ำญะนาบะฮ์เพียง 1 ซอฮ์เท่านั้น

5.เมื่อต้องการล้างเท้าเสร็จพิธีอาบน้ำให้เลื่อนที่เจากบริเวณเดิมเล็กน้อย

6.ต้องปกปิดเอาเราะฮ์   อวัยวะพึงสงวนขณะอาบน้ำญะนาบะฮ

อัพเดทล่าสุด