โรคที่แม้ “น้ำผึ้ง” ก็ยังรักษาไม่ได้


1,940 ผู้ชม

ในตอนเป็นเด็ก ผมรู้จากหนังสือประวัติศาสตร์บางเล่มว่าสมัยโบราณ เมื่อมีการตัดหัวนักโทษหรือกบฏ


ในตอนเป็นเด็ก ผมรู้จากหนังสือประวัติศาสตร์บางเล่มว่าสมัยโบราณ เมื่อมีการตัดหัวนักโทษหรือกบฏส่งไปให้เจ้าเมือง

หัวของนักโทษจะถูกดองในน้ำผึ้งก่อนจะส่งไปเพราะหากไม่ดองไว้ในน้ำผึ้ง เนื้อหนังก็จะเน่าจนจำไม่ได้ว่าเป็นหัวของใคร แต่หัวที่ถูกดองในน้ำผึ้งจะไม่เน่า

ผมอ่านเรื่องราวดังกล่าวแล้วก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะในสมัยก่อนไม่มีน้ำยาดองศพเหมือนปัจจุบัน ดังนั้น คนสมัยก่อนจึงอาศัยภูมิปัญญาพื้นบ้านที่ได้มาจากการสังเกตและการปฏิบัติครั้งแล้วครั้งเล่าของบรรพบุรุษ

ครั้งหนึ่ง ผมเกิดอาการท้องเสียอย่างแรงระหว่างขับรถเดินทางไปต่างจังหวัด ต้องแวะเข้าส้วมตามปั๊มน้ำมันตลอดทาง การถ่ายอุจจาระบ่อยๆทำให้เกิดอาการอ่อนเพลียเพราะร่างกายเสียน้ำมาก

ผมจึงแวะไปที่บ้านเพื่อน เมื่อไปถึงและเล่าอาการให้เพื่อนฟัง เพื่อนของผมจึงเอาน้ำผึ้งมาให้กิน หลังจากกินเข้าไปสองช้อน สักพักหนึ่งอาการท้องเสียของผมก็หายเป็นปลิดทิ้ง

ตอนกินน้ำผึ้งทีแรกนั้น ผมกินเพื่อต้องการชดเชยพลังงานที่เสียไป ผมรู้มาจากประสบการณ์ว่าเวลาอ่อนเพลียหรือสูญเสียพลังงาน ถ้าได้กินของหวานๆเข้าไปก็จะช่วยให้หายเพลียได้ เพราะของหวานนั้นมาจากน้ำตาลซึ่งเป็นสารที่ให้พลังงาน

น้ำผึ้งก็มีน้ำตาลอยู่ มันจึงช่วยได้เช่นกัน แต่ที่น้ำผึ้งมีมากกว่าน้ำตาลทั่วไปก็คือน้ำผึ้งมีน้ำตาลฟรักโตสที่สามารถซึมเข้าสู่กระเพาะได้เลยโดยไม่ต้องย่อย ซึ่งทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่าได้เร็วขึ้น

หลังจากนั้น ผมก็มารู้จากสารคดีทางโทรทัศน์ว่าการที่น้ำผึ้งมีส่วนช่วยในการรักษาโรคท้องเสียนั้นก็เพราะโรคท้องเสียเกิดจากเชื้อแบกทีเรียบางชนิดที่เข้าไปแพร่ขยายในกระเพาะอาหารของมนุษย์

แต่เมื่อกินน้ำผึ้งเข้าไป ความเข้มข้นของน้ำผึ้งจะไปดึงน้ำออกจากตัวแบกทีเรียและทำให้แบกทีเรียตาย ผมจึงมาถึงบางอ้อทันทีว่าทำไมคนสมัยก่อนถึงดองหัวนักโทษไว้ในน้ำผึ้ง เพราะถ้าปราศจากแบกทีเรีย

การเน่าเสียก็จะช้าลงนั่นเอง มิน่าเล่า ผลไม้ที่แช่น้ำผึ้งจึงเก็บไว้ได้นาน

ผมยังมารู้เอาทีหลังอีกว่าหากมีบาดแผลเกิดขึ้น ถ้าล้างบาดแผลให้สะอาดแล้วใช้น้ำผึ้งทาที่บาดแผล น้ำผึ้งจะช่วยฆ่าเชื้อแบกทีเรียและทำให้แผลไม่เกิดอาการอักเสบ

เมื่อเกิดอาการไอเพราะระคายคอหรือคอแห้ง แม่ของผมจะเทน้ำผึ้งใส่ช้อนแล้วเอายาหอมห้าเจดีย์ที่กินแก้เป็นลมผสมลงไปแล้วใช้นิ้วคนผสมให้เข้ากัน

หลังจากนั้นก็ส่งและสั่งให้ผมกินเข้าไป ที่แม่ต้องสั่งให้ผมกินน้ำผึ้งผสมยาหอมก็เพราะผมอิดเอื้อนที่จะกินเพราะไม่แน่ใจในสูตรยาของแม่ แต่เมื่อรู้ว่าแม่คือผู้ที่รักและปรารถนาดีที่สุดต่อเรามากกว่าใครในโลกนี้

ผมจึงกลืนสูตรยาโบราณที่มีส่วนผสมน้ำผึ้งของแม่เข้าไปตามคำสั่ง ปรากฏว่าชุ่มคอดีและบรรเทาอาการไอได้ไม่แพ้ยาแก้ไอชวนป๋วยเป่าปี่กัน (จริงๆแล้วยานี้มีชื่อว่าชวนป๋วยปี่แป่กอ)

หรือถ้าใครไม่ชอบกลิ่นยาลม ลองชงน้ำมะนาวอุ่นๆแล้วเติมน้ำผึ้งลงไปสักช้อน คนให้เข้ากันแล้วจิบขณะที่ยังอุ่นๆก็ช่วยบรรเทาอาการคอแห้งหรือระคายคอได้ไม่เลวทีเดียว

คนแก่บางคนคุยถึงสรรพคุณกล้วยน้ำว้าดองน้ำผึ้งให้ผมฟังว่าถ้ากินก่อนนอนจะทำให้แข็งแรงปึ๋งปั๋งคิกคาปู้อะไรทำนองนั้น

ผมก็ฟังไว้ ไม่ขัดคอหรือขัดใจคนแก่แต่ประการใด แต่ตอนนั้นผมยังหนุ่มอยู่ จึงไม่จำเป็นต้องลอง แต่ที่แน่ๆก็คือหากก่อนนอนได้กินกล้วยน้ำว้าสักลูกสองลูกและกินน้ำผึ้งสักหนึ่งช้อนโต๊ะ

ตื่นเช้ามาเข้าห้องส้วมขับถ่ายสะดวกสบายเหมือนเลี้ยวซ้ายผ่านตลอดเลย อาการนี้หรือเปล่าที่คนแก่คนเฒ่าเรียกว่าปึ๋งปั๋งคิกคาปู้

ผึ้งและน้ำผึ้งเป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างหนึ่ง ถ้าน้ำผึ้งเป็นยา ผึ้งก็เป็นเภสัชกรตามธรรมชาติ มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อยืนยันคำพูดของท่านนบีมุฮัมมัดที่ว่า“ทุกโรคนั้นมียารักษา” ในอดีต

ขณะที่มนุษย์ยังไม่รู้จักวิชาเคมีที่เป็นพื้นฐานของการปรุงยา ผึ้งได้ทำหน้าที่เป็นเภสัชกรผลิตยาให้แก่มนุษย์ ดังนั้น ผึ้งจึงเป็นหลักฐานอย่างหนึ่งที่แสดงถึงความเมตตาของอัลลอฮฺที่ทรงมีต่อมวลมนุษย์

คัมภีร์กุรอานได้กล่าวถึงผึ้งและน้ำผึ้งไว้ว่า :-

“พระผู้อภิบาลของสูเจ้าได้ทรงบัญชาแก่ผึ้งว่า “จงสร้างรังของพวกเจ้าตามภูเขา ต้นไม้และร้านที่ก่อขึ้น แล้วจงดื่มน้ำหวานจากพืชผลทุกชนิดและปฏิบัติตามทางที่พระผู้อภิบาลของพวกเจ้าได้ทำไว้ให้ราบรื่น”

จากท้องของมันจะมีของเหลวหลากกลิ่นสีออกมาซึ่งในนั้นเป็นสิ่งบำบัดโรคสำหรับมนุษย์ แท้จริงแล้ว นี่เป็นสัญญาณสำหรับหมู่ชนที่ไตร่ตรอง” (อัลกุรอาน 16:68-69)

ความหมายจากคัมภีร์กุรอานดังกล่าวต้องการที่จะบอกให้มนุษย์ได้รู้ว่าผึ้งและน้ำผึ้งเป็นสัญญาณและหลักฐานที่แสดงถึงการมีอยู่ของพระเจ้า พระองค์ไม่ทรงแต่เพียงสร้างผึ้งขึ้นมาเท่านั้น แต่ยังได้สอนมันให้รู้จักทำรัง

ทุกวันนี้ ผึ้งจึงสร้างรังอย่างมหัศจรรย์โดยที่ปากทางเข้ารังของมันมีลักษณะเป็นหกเหลี่ยมที่แต่ละด้านมีความยาวเท่ากันโดยที่มันไม่เคยเรียนวิชาสถาปัตย์

นอกจากนี้แล้ว พระองค์ยังสั่งให้มันดื่มน้ำหวานจากเกสรดอกไม้ของพืชผลทุกชนิดซึ่งทำให้น้ำผึ้งมีกลิ่นและสรรพคุณทางยาต่างกัน

ใครที่กินน้ำผึ้งแล้วไม่นึกถึงความเมตตาของพระเจ้าก็เท่ากับคนผู้นั้นไม่มีสติปัญญาแม้จะมีสมองก็ตาม อาการเช่นนี้เรียกว่า “โง่” ซึ่งน้ำผึ้งไม่สามารถรักษาได้


เขียนโดย : บรรจง บินกาซัน

บทความที่น่าสนใจ

อัพเดทล่าสุด