การกำเนิดขึ้นของจักรวาลที่กล่าวไว้ในอัลกุรอาน


3,420 ผู้ชม

อิสลาม เป็นหนึ่งในวัฒนธรรมของมนุษยชาติ ได้ให้คำตอบกับคำถามพื้นฐานนี้ผ่านคำวิวรณ์ของคัมภีร์อัลกุรอ่าน


เมื่อ ประมาณ 15,000 ล้านปีมาแล้ว จักรวาลพลันอุบัติขึ้นจากการระเบิดที่รุนแรงมหาศาล ซึ่งเรียกว่า “บิกแบง” มีแก๊สพุ่งออกมาหลังการระเบิดครั้งนั้นและสุดท้ายก็กลายเป็นกาแล็กซี ดาวฤกษ์ ดาวเคราะห์ รวมทั้งดวงอาทิตย์และโลกของเรา

มนุษย์ได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับชีวิตและโลกมาตั้งแต่อดีตกาล คำถามพื้นฐานที่ผู้คนทุกเผ่าพันธุ์ได้สงสัยกันคือ โลกและจักรวาลที่มนุษย์อาศัยอยู่มีจุดกำเนิดหรือไม่? หากมีแล้วการกำเนิดที่เกิดขึ้นมีลักษณะอย่างไร? และใครเป็นผู้สร้าง?

ในแต่ละช่วงเวลาตามยุคสมัย คำถามพื้นฐานนี้ได้ถูกค้นหาโดยนักปรัชญา นักคิด นักวิทยาศาสตร์ รวมทั้งนักการศาสนา ได้ให้คำตอบและอธิบายแตกต่างกันไปตามความรู้ ความเชื่อ ความศรัทธา โดยได้รับอิทธิพลมาจากวัฒนธรรมของการดำเนินชีวิตของกลุ่มคนในสังคมหนึ่งๆ ในแต่ละช่วงเวลานั่นเอง

อิสลาม เป็นหนึ่งในวัฒนธรรมของมนุษยชาติ ได้ให้คำตอบกับคำถามพื้นฐานนี้ผ่านคำวิวรณ์ของคัมภีร์อัลกุรอ่านได้ให้ความกระจ่างไว้


﴿َدِيْعُ السَّمَاوَاتِ والأَرْضِ أَنَّى يَكُونُ لَهُ وَلَدٌ وَلَمْ تَكُن

لَّهُ صَاحِبَةٌ وَخَلَقَ كُلَّ شَيْءٍ وَهُوَ بِكُلِّ شَيْءٍ عَلِيْمٌ﴾

ความว่า: “พระองค์ผู้ทรงสร้าง บรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดิน อย่างไรเล่าที่พระองค์จะทรงมีพระบุตรโดยที่พระองค์มิได้ทรงมีคู่ครอง? และพระองค์นั้นทรงบังเกิดทุกสิ่งทุกอย่าง และพระองค์ก็ทรงรู้ในทุกสิ่งทุกอย่างด้วย” (ซูเราะฮฺ อัล-อันอาม : 101)


นี่เป็นข้อมูลจากอัลกุรอ่านเพื่อเป็นการยืนยันต่อการค้นหาคำตอบของนักวิทยาศาสตร์ร่วมสมัย นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าจักรวาลมีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด สิ่งที่เป็นจุดเริ่มต้นนี้เป็นวัตถุที่หลักการทางวิทยาศาสตร์ไม่สามารถอธิบายได้และกฎต่างๆ ทางวิทยาศาสตร์ไม่สามารถจะใช้ได้ กับสิ่งแรกๆ นี้ นักวิทยาศาสตร์เรียกมันว่า สาเหตุเริ่มแรก (First cause) หรือเรียกว่า หนึ่งเดียว (Singularity) ภายในสิ่งแรกนี้มีพลังงานมหาศาลและแปรปรวนมาก มันไม่เสถียร เมื่อสิ่งเริ่มแรก (หนึ่งเดียว: Singularity) ระเบิดออกมาหรือแยกออกมา นักวิทยาศาสตร์เรียกปรากฏการณ์นี้ว่า การระเบิดครั้งใหญ่ (BIG BANG) การเกิดบิกแบงทำให้จักรวาลเริ่มต้น โดยเริ่มต้นจากศูนย์ตามทัศนะของวิทยาศาสตร์

จนกระทั่งเมื่อ ปี ค.ศ. 1965 โดย นักวิทยาศาสตร์สองคนแห่ง Bell Lab ที่รัฐนิวเจอร์ซี ประเทศสหรัฐอเมริกา คือ Penzia และ Wilson ทั้งสองได้ค้นพบคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่กระจัดกระจายอยู่ในเอกภพ เป็นพลังงานที่ปลดปล่อยออกมาตั้งแต่เอกภพ พึ่งกำเนิดขึ้นมาไม่นานจากการระเบิดครั้งใหญ่ ซึ่งเรียกกันว่า Cosmic Microwave Blackground Radiation การค้นพบ Cosmic Microwave Blackground Radiation นั้นนอกจากจะเป็นการยืนยันความถูกต้องของทฤษฎีบิกแบงแล้ว

การที่คลื่นไมโครเวฟนี้มีลักษณะเหมือนกันหมดจากทุกทิศทางที่ทำการตรวจวัด ยังเป็นการยืนยันว่าเอกภพเมื่อแรกเกิดนั้นมีลักษณะที่เกือบจะเป็นเป็นเนื้อเดียวกัน ซึ่งสอดคล้องกับหลักจักรวาล ที่กล่าวว่า เอกภพของเรามีลักษณะที่เหมือนกันหมดทุกๆ ตำแหน่งเสมือนเป็นเนื้อเดียวกัน ไม่ว่าเราจะมองไปยังทิศทางไหนก็ไม่เห็นความแตกต่าง


﴿أَوَلَمْ يَرَ الَّذِيْنَ كَفَرُوْا أَنَّ السَّمَاوَاتِ والأَرْضَ كَانَتَا رَتْقاً

فَفَتَقْـنَاهُمَا وَجَعَلْنَا مِنَ المَاءِ كُلَّ شَيْءٍ حَيٍّ أَفَلاَ يُؤْمِنُوْنَ﴾


ความว่า: “และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาเหล่านั้นไม่เห็นดอกหรือว่า แท้จริงชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินนั้นแต่ก่อนนี้ รวมติดเป็นอันเดียวกัน แล้วเราได้แยกมันทั้งสองออกจากกัน และเราได้ทำให้ทุกสิ่งมีชีวิตมาจากน้ำ ดังนั้นพวกเขาจะยังไม่ศรัทธาอีกหรือ” (ซูเราะฮฺ อัล-อัมบิยาอฺ : 30)


เมื่อเราเปรียบเทียบข้อความในโองการที่ผ่านมาเข้ากับทฤษฎี Big Bang เราเห็นว่ามันสอดคล้องกันอย่างสมบูรณ์ที่สุด เพียงแต่ทฤษฎี Big Bang ได้รับการนำเสนอในฐานะทฤษฎีที่ถูกต้องทางวิทยาศาสตร์ในศตวรรษที่ 20 นี้เอง


﴿ثُمَّ اسْتَوَى إِلَى السَّمَاءِ وَهِيَ دُخَانٌ فَقَالَ لَهَا

وَلِلأَرْضِ ائْتِيَا طَوْعاً أَوْكَرْهاً قَالَتَا أَتَيْنَا طَائِعِيْنَ﴾


ความว่า: “หลังจากนั้นพระองค์ทรงบันดาลฟากฟ้า ในขณะที่มันเป็นหมอกเพลิง (อัดดุคอน) อยู่ และตรัสแก่มันทั้งสองว่าจงเกิดตามคำสั่งเถิด จะโดยสมัครใจหรือฝืนใจก็ตาม มันทั้งสอง กล่าวว่าเราทั้งสองเกิดโดยสมัครใจ” (ซูเราะฮฺ ฟุศศิลัต : 11)


ณ วันนี้มีความชัดแจ้งแล้วว่า ทฤษฎีบิกแบง ได้ล้มล้างความเชื่อเก่า ๆ และได้พิสูจน์แล้วว่า “จักรวาลเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นจากความไม่มี” หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า “มันถูกสร้างโดยพระเจ้านั่นเอง”


﴿وَهُوَ الَّذِى خَلَقَ السَّمَاوَاتِ وَالأَرْضَ بِالْحَقِّ وَيَوْمَ

يَقُوْلُ كُنْ فَيَكُوْنُ قَوْلُهُ الْحَقُّ وَلَهُ الْمُلْكُ يَوْمَ يُنْفَخُ فِي

الصُّوْرِ عَالِمُ الْغَيْبِ وَالشَّهَادَةِ وَهُوَ الحَكِيْمُ الْخَبِيْرُ﴾


ความว่า: “และพระองค์คือ ผู้ที่ทรงสร้างบรรดาชั้นฟ้า และแผ่นดินด้วยความจริง และวันที่ พระองค์ตรัสว่า เจ้าจงเป็นขึ้น แล้วมันก็จะเป็นขึ้น พระดำรัสของพระองค์คือความจริง และอำนาจทั้งหลายนั้นเป็นของพระองค์ ในวันที่จะถูกเป่าเข้าไปในแตร พระผู้ทรงรอบรู้ในสิ่งเร้นลับ และในสิ่งเปิดเผย และพระองค์คือผู้ทรงปรีชาญาณ ผู้ทรงรอบรู้อย่างละเอียดถี่ถ้วน” (ซูเราะฮฺ อัล-อันอาม : 73)


และพระองค์ได้กล่าวเตือนแก่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา ว่า


﴿وَجَحَدُوْا بِهَا وَاسْـتَيْقَنَتْهَا أَنْفُسُهُمْ ظُلْماً

وَعُلُوّاً فَانْظُرْ كَيْفَ كَانَ عَاقِبَةُ الْمُفْسِدِيْنَ﴾


ความว่า: “และพวกเขาได้ปฏิเสธมันอย่างอยุติธรรมและเย่อหยิ่ง ทั้งๆ ที่จิตใจของพวกเขาเชื่อมั่นมัน ดังนั้นจงดูเถิดว่า บั้นปลายของบรรดาผู้บ่อนทำลายนั้นจะเป็นเช่นไร ?” (ซูเราะฮฺ อัน-นัมลฺ : 14)


เรียบเรียงข้อมูลเพิ่มเติมโดย menmen

อัพเดทล่าสุด