ทำไมอิสลามห้ามเคาท์ดาวน์


10,669 ผู้ชม

ทำไมอิสลามห้ามเคาท์ดาวน์ งานเคาท์ดาวน์ มุสลิมต้องร่วมต้าน มันเป็นงานที่ทำให้เราห่างสวรรค์ มุสลิมต้องช่วย ตักเตือนกันเคาท์ดาวน์ ไม่ใช่ วันของเรา...


ทำไมอิสลามห้ามเคาท์ดาวน์

งานเคาท์ดาวน์ มุสลิมต้องร่วมต้าน มันเป็นงานที่ทำให้เราห่างสวรรค์ มุสลิมต้องช่วย ตักเตือนกันเคาท์ดาวน์ ไม่ใช่ วันของเรา

กิจกรรมหนึ่งของคนต่างศาสนิก ในช่วงวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ คือ การนับถ่อยหลัง หรือเคาท์ดาวน์ (Countdown) คือ การนับตัวเลขถอยหลัง ในหลักวินาที วัน หรือหน่วยเวลาอื่นเพื่อนับถอยหลังสู่วันปีใหม่

โดยมีวิธีการนับหลักวินาทีถอยหลังจนถึงศูนย์เมื่อเวลาศูนย์นาฬิกาของวันที่ 1 มกราคม (เที่ยงคืน)  ซึ่งถือเป็นการขึ้นวันปีใหม่ตามอย่างสากล  ผู้คนที่ร่วมเฉลิมฉลองในวันขึ้นปีใหม่นั้นต่างก็รู้เพียงว่านั่นคือ วันที่  1  ของปีใหม่ที่ควรจะยินดีและต้อนรับด้วยการเฉลิมฉลอง

และมีมุสลิมไม่น้อยที่เข้าร่วมกิจกรรมเคาท์ดาวน์ ร่วมเฉลิมฉลองสนุกสนานเฮฮากับเขา โดยไม่ทราบที่มาที่ไปของวันดังกล่าว และเป็นที่ต้องห้ามตามบทบัญญัติศาสนาหรือไม?

ทำไมอิสลามห้ามเคาท์ดาวน์

แท้ที่จริงการเฉลิมฉลองตอนรับวันปีใหม่ การเคาท์ดาวน์นั้น ไม่มีปรากฏให้ปฏิบัติตามบทบัญญัติอิสลาม และวันอีดสำหรับมุสลิมนั้นปีหนึ่งมีเพียง 2 อีดเท่านั้น คือ อิดิ้ลฟิฏริ และอีดิ้ลอัฎฮา หากรวมวันศุกร์ด้วยก็เป็น 3 อีด การเข้าร่วมเฉลิมฉลองวันปีใหม่ ถือเป็นการเลียนแบบพฤติกรรมของชนกลุ่มอื่น ซึ่งเป็นที่ต้องห้ามในหลักการอิสลาม

รายงานจากท่านอิบนิ อุมัร ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุมา กล่าวว่า ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

مَنْ تَشَبَّهَ بِقَوْمٍ فَهُوَ مِنْهُمْ

“บุคคลใดประพฤติตนเลียนแบบกลุ่มหนึ่ง เขาก็เป็นส่วนหนึ่งจากกลุ่มนั้น”

(บันทึกโดยอบูดาวุด : 4031 ดู เศาะเหี๊ยะหฺอัลญามิอฺอัลบานียฺ : 2831 ดู ญามิอุศเศาะฆีรสุญูตียฺ  : 8593) 

ที่น่าเศร้าใจไปกว่านี้ คือ การจัดเฉลิมฉลองวันปีใหม่ มันมีที่มาที่ไปทางประวัติศาสตร์ เป็นการตีหน้าชาวมุสลิม ในการเฉลิมฉลองของอาณาจักรคริสเตียนสเปนที่ประกาศชัยชนะต่อฝ่ายมุสลิม

ซึ่งในปี  คศ.1491  อาณาจักรฆอรนาเฏาะฮฺ  (Granada)  ดินแดนอัลอันดะลุส  (Andalucia)  ในสเปน ฝ่ายมุสลิมต้องยอมแพ้  และยอมทำข้อตกลงกับฝ่ายคริสเตียนในการส่งมอบเมืองเป็นจำนวนถึง  67 เมือง การลงนามในสนธิสัญญาระหว่างสองฝ่ายเสร็จสิ้นอย่างเป็นทางการในวันที่  2  ร่อบีอุลเอาวัล  ฮ.ศ.897  ตรงกับวันที่  2  มกราคม  ค.ศ.1492  เป็นการปิดฉากลงพร้อมกับชัยชนะของฝ่ายคริสเตียนที่ขับเคี่ยวต่อสู้กับชาวมุสลิมหรือ พวกมัวร์มาตลอดระยะเวลาร่วม  800  ปี

ทำไมอิสลามห้ามเคาท์ดาวน์ 

ความจริงชาวมุสลิมได้สูญเสียฆอรนาเฏาะฮฺมาตั้งแต่วันที่  1  มกราคมของปีนั้น  (1492)  แล้ว เพียงแต่การสูญเสียอย่างเป็นทางการนั้นเกิดขึ้นในวันถัดมา  คือ  วันที่  2  มกราคม  1492 

และ เพียง  7  ปีให้หลัง  (คศ.1499)  เงื่อนไขอันเป็นข้อตกลงในสนธิสัญญาส่งมอบเมืองนั้นก็ถูกละเมิดอย่างไม่แยแส จากฝ่ายคริสเตียน  บรรดามัสญิดถูกสั่งปิด  การประกอบพิธีกรรมถูกสั่งห้าม  การตั้งศาลพิเศษเพื่อตรวจสอบชาวมุสลิมที่ตกค้างอยู่ในฆอรนาเฏาะฮฺโดยฝ่าย ศาสนจักรก็มีขึ้น  มุสลิมถูกบังคับให้เข้ารีตในคริสต์ศาสนา  ตำรับตำราทางวิชาการถูกเผาทำลายไม่เว้นแม้แต่พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน  มีการสั่งห้ามชาวมุสลิมพูดภาษาอาหรับและห้ามอาบน้ำ นี้คือ สาเหตุที่พวกฝรั่งตะวันตกได้ถือเอาวันที่  1  มกราคมเป็นวันเฉลิมฉลองชัยชนะในสงครามครูเสดที่มีต่อพวกนอกศาสนาอันหมายถึง ชาวมุสลิมโดยรวม  ซึ่งช่างเหมาะเจาะกับช่วงเวลาก่อนหน้านั้นราว  1  สัปดาห์  ที่พวกเขาเฉลิมฉลองวันคริสต์มาสในวันที่  25  ธันวาคมต่อเนื่องจนถึงวันที่  1  มกราคม 

และในช่วงคริสต์มาสอีฟ  ทำไม ฝรั่งจึงมีธรรมเนียมกินไก่งวง  ในทุกปีทำเนียบขาวจะจัดประเพณีการกินไก่งวงเพื่อขอบคุณพระเจ้า  มีการปล่อยไก่งวงผู้โชคดีให้เป็นข่าวเกรียวกราวไปทั่วโลก ชะรอยไก่งวงที่ว่านี้ก็มีสัญลักษณ์แอบแฝงอยู่   พวกฝรั่งเรียกไก่งวงว่า  เทอคิ  (Turkey)  ซึ่งหมายถึง  ไก่แขกตุรกีและตุรกีในชั้นหลังก็หมายถึง  พวกมุสลิมที่ต่อสู้ขับเคี่ยวกับพวกฝรั่งชาวคริสเตียนในการทำสงครามศาสนา  (ครูเสด)  การฆ่าไก่งวงเพื่อรับประทาน เป็นอาหารในช่วงคริสต์มาสอีฟก็คือสัญลักษณ์ในการพิฆาตพวกเติร์กหรือพวกคน ต่างศาสนาที่หมายถึง "มุสลิม " นั่นเอง

นี้คือที่มาของการจัดเฉลิมฉลองของวันปีใหม่ ของชาวคริสต์เตียน เราชาวมุสลิมยังจะเสนอหน้าไปร่วมเฉลิมฉลองกับพวกเขาอีกหรือ? มันถือเป็นการสูญเสียจิตวิญญาณของชาวมุสลิมและความเป็นอัตลักษณ์ของตน และมันน่าช่างอัปยศและความปราชัยของมุสลิมอย่างที่สุด

والله أعلم بالصواب

https://islamhouse.muslimthaipost.com/

อัพเดทล่าสุด