คืนแรกในวันแต่งงาน อิสลามสอนว่าอย่างไร?


34,176 ผู้ชม

การคลุกคลีอย่างใกล้ชิด หรือมีความปรารถนาที่จะมีเพศสัมพันธ์กับภรรยานั้น เป็นอิบาดะฮ์อย่างหนึ่งที่ศาสนาเรียกร้องสนับสนุนยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากว่า ผู้เป็นสามีมองภรรยาของเขาด้วยความรักที่เต็มเปี่ยมจากใจ อัลลอฮ์ จะทรงประทานเราะห์มัดให้แก่เขา


คืนแรกอันงดงาม

การคลุกคลีอย่างใกล้ชิด หรือมีความปรารถนาที่จะมีเพศสัมพันธ์กับภรรยานั้น เป็นอิบาดะฮ์อย่างหนึ่งที่ศาสนาเรียกร้องสนับสนุนยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากว่า ผู้เป็นสามีมองภรรยาของเขาด้วยความรักที่เต็มเปี่ยมจากใจ อัลลอฮ์ จะทรงประทานเราะห์มัดให้แก่เขา

สำหรับผู้ที่มีอีหม่าน (ศรัทธา) แล้ว พวกเขาต้องรำลึกอยู่เสมอว่าอัลลอฮ์ ทรงติดตามดู ณ ทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าเขาจะอยู่ในอิริยาบทใด หรือแม้แต่เวลาที่เขามีเพศสัมพันธ์อยู่เขาจะไม่หลงลืมต่อผู้ทรงเอกะ ผู้ทรงอำนาจและพลานุภาพ

ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นการเข้าใจผิดที่ว่า ให้รำลึกถึงอัลลอฮ์ในขณะที่อยู่ในมัสยิด มือถือลูกตัสเบียะห์ และโยกศรีษะไปมาในขณะที่ซิเกรเท่านั้น

สำหรับคนที่มีอีหม่านต่ออัลลอฮ์ พวกเขาจะไม่เคยประสบกับความยากลำบากเลย และยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาจะรู้สึกปิติยินดีอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าจะมีลูกมากก็ตาม สำหรับพวกเขาแล้วไม่มีคำว่าท้อแท้ และเสียใจต่อชีวิตในโลกดุนยานี้ ทั้งนี้สิ่งที่ดีและสิ่งที่ไม่ดีล้วนมาจากอัลลอฮ์ ทั้งสิ้น

ฉะนั้น ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพใด คำว่า “อัลลอฮ์” ไม่เคยหลุดพ้นไปจากปากและหัวใจของพวกเขาเลย และในขณะที่มีเพศสัมพันธ์ก็เช่นเดียวกัน พวกเขาจะไม่ตรงไปหาภรรยาในทันที ยกเว้นเมื่อเขาได้อ่านดุอา และขอให้อัลลอฮ์คุ้มครองให้รอดพ้นจากชัยฎอนมารร้าย พวกเขาจึงจะไปหาภรรยาของเขาเพื่อรับรู้ที่จะมีเพศสัมพันธ์

หลังจากที่พวกเขาทั้งสองอยู่บนเตียง และมีความพร้อมที่จะสนองตอบซึ่งกันและกัน ผู้เป็นสามีจะกล่าวแก่ภรรยาว่า “ขอความสันติสุขจงมีแด่ท่าน โอ้ประตูแห่งผู้ทรงปราณียิ่ง” แล้วภรรยาจะตอบว่า “ขอความสันติสุขจงมีแด่ท่านเช่นกันโอ้นายผู้ที่ได้รับความไว้วางใจ”

คืนแรกในวันแต่งงาน อิสลามสอนว่าอย่างไร?

หลังจากนั้น เขาจะจับมือข้างขวาของภรรยา แล้วพานางมานั่งที่เก้าอี้ หรือเตียงนอน แล้วถือมือทั้งสองข้างของนาง พร้อมกับกล่าวคำต่อไปนี้อย่างช้า ๆ “ฉันขอยินยอมว่า อัลลอฮ์ คือพระผู้อภิบาลของฉัน”

ต่อจากนั้นเขาจึงเริ่มเปิดเสื้อของภรรยา หรือใช้ให้นางเปิดเสื้อผ้าของนาง และในช่วงนั้นมือทั้งสองข้างของเขาก็จะลูบไล้เรือนร่างของนาง ไปมาอย่างช้า ๆ และนิ่มนวล พร้อมกับอ่านซอลาวาตให้แก่นบี 3 ครั้ง “โอ้อัลลอฮ์ ขอได้โปรดประทานซอลาวาทให้แก่นบีมูฮำหมัด และเครือญาติของนบีมูฮำหมัด”

หลังจากนั้นให้เขาจุมพิตที่หน้าผากของภรรยาอย่างนุ่มนวล ซึ่งในช่วงนั้นนางจะรู้สึกหวาบหวามใจอย่างประหลาดจนไม่อาจกล่าวพรรณาได้

พึงตระหนักเถิดว่า แท้จริงภรรยาของพวกเรานั้นคือมัคลู๊กของอัลลอฮ์ และเมื่อนางได้แต่งงานแล้ว นั่นหมายความว่าเป็นกรรมสิทธิของสามี หมายความว่านางเป็นอะมานะฮ์(ของฝาก) อย่างหนึ่งที่อัลลอฮ์ ได้ทรงมอบให้แก่สามีของนาง

ครั้นเมื่อหน้าผากของนางถูกจุมพิตจากสามี นางจะต้องไม่ลืมอัลลอฮ์ ทั้งนี้ก็เพราะว่าทุก ๆ วินาที สามีของนางนั้นไม่เคยลืมอัลลอฮ์

หลังจากนั้นให้เขาจุมพิตที่หน้าผากของรรยาอีกครั้งพร้อมกับอ่านพระนาม ของอัลลอฮ์ดังต่อไปนี้ “โอ้ผู้ทรงอ่อนโยน อัลลอฮ์ผู้ทรงประทานรัศมีเหนือรัศมีทั้งมวล รัศมีนั้นได้ทอแสงเหนือบุคคลที่พระองค์ต้องการ”

ในการจุมพิตครั้งนี้ นางจะรู้สึกประหนึ่งว่าจมอยู่ในมหาสมุทรแห่งเนียะอ์มัต ซึ่งนางไม่เคยประสบพบพานมาก่อนหน้านี้เลยตลอดชีวิต และพร้อมที่จะต้องรับและสนองตอบต่อสามีของนางด้วยความเต็มใจ

ต่อจากนั้นตะแคงศรีษะของภรรยาไปทางซ้าย และทางขวา แล้วให้อ่านพระนามอัลลอฮ์ ต่อไปนี้ “ในการฟังของเจ้า อัลลอฮ์ทรงได้ยินยิ่ง” แล้วให้เขาจุมพิตที่หูข้างขวาของนาง ต่อจากนั้นให้นางตะแคงไปทางซ้าย และให้อ่านพระนามข้างบนอีกหนึ่งครั้ง พร้อมกับจุมพิตที่หูของนาง แล้วเป่าลงไปในใบหูของนาง การกระทำเช่นนี้ มีฮิกมะฮ์ซึ่งภรรยาเท่านั้น ที่จะรู้ และรู้สึกได้

คืนแรกในวันแต่งงาน อิสลามสอนว่าอย่างไร?

ต่อจากนั้นให้เขาอ่านดุอาต่อไปนี้ “โอ้ อัลลอฮ์ แท้จริงเราได้เปิดชัยชนะที่ชัดเจนให้แก่สูเจ้าแล้ว”

หลังจากนั้นให้เขาจุมพิตที่ตาข้างขวา พร้อมกับอ่านดุอาข้างต้นนั้นอีกครั้ง และจุมพิตที่ตาข้างซ้ายของนาง จากนั้นให้เขาอ่านพระนามของอัลลอฮ์ ดังต่อไปนี้ “โอ้ผู้ทรงการุณ โอ้ผู้ทรงเมตตา โอ้ผู้ทรงปราณี โอ้อัลลอฮ์” แล้วให้เขาจูบแก้มขวาของนาง โดยย้อนอ่านดุอานั้นอีกและจูบแก้มซ้ายของนาง ต่อจากนั้นให้อ่านอายะฮ์ต่อไปนี้ “แน่นอน เขาก็จะมีความสุข มีโชค และได้รับสวรรค์อันบรมสุข”

จากนั้นให้เขาจุมพิตจมูกของภรรยา การจุมพิตอันจะสามารถผูกมัดจิตวิญญาณระหว่างสามีภรรยา

การจุมพิตนั้นจะทำให้ภรรยารู้สึกถึงความรักที่แท้จริงจนไม่อาจลืมสามี ของนางได้ในทัศนะอื่น นางจะผูกพันแน่นแฟ้นต่อสามีตลอดไป ตราบเท่าที่สามีของนางยังมีชีวิตอยู่

ด้วยเหตุนี้ จึงไม่เป็นเรื่องแปลกเลย ที่เราจะเคยได้ยินว่ามีภรรยาบางคนถึงแม้จะแยกทางจากสามีของนางแล้ว เนื่องจากสามีตาย หรือหย่าร้างกัน พวกนางก็ยังคงไม่อยากแต่งงานใหม่ทั้งนี้เนื่องจากว่าในหัวใจของนางนั้น ไม่มีผู้ใดในโลกที่จะมาทดแทนอดีตสามีของนางได้เลย หลังจากนั้นให้เขาอ่านพระนามของอัลลอฮ์ ต่อไปนี้ “โอ้ผู้ทรงกรุณาในโลกดุนยา โอ้ผู้ทรงปราณีในโลกอาคิเราะฮ์”

แล้วให้เขาจุมพิตคางของภรรยา พร้อมกับอ่านพระนามของอัลลอฮ์ ต่อไปนี้ “อัลลอฮ์นั้นคือ (ผู้ประทาน) รัศมีแก่ฟากฟ้าและแผ่นดิน” และให้เขาจุมพิตคอของนาง และอ่านพระนามของอัลลอฮ์ นี้และให้จุมพิตที่ลำขอของนาง และอ่านโองการนี้ “อันจิต (ของมุฮำหมัด) ย่อมไม่มุสาในสิ่งที่ได้มองเห็น” แล้วให้เขาจุมพิตฝ่ามือข้างขวางของภรรยา และฝ่ามือข้างซ้ายต่อจากนั้นให้อ่านพระนามของอัลลอฮ์ ต่อไปนี้ “และข้าได้ให้ความรักจากข้าแก่เจ้า” ต่อจากนั้นให้เขาจุมพิตที่ทรวงอกทั้งสองข้างของนาง แล้วอ่านดุอาต่อไปนี้ “โอ้อัลลอฮ์ ผู้ทรงมีชีวิตอยู่โอ้ผู้ทรงดำรงอยู่ด้วยพระองค์เอง”

เช่นนี้แหละคือขั้นตอนที่ผู้มีศรัทธาควรจะต้องปฏิบัติ ก่อนที่จะมีเพศสัมพันธ์กับภรรยาของเขา รวมถึงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายภรรยาที่ควรจุมพิต ดังได้ชี้แจงมาแล้วข้างต้นนั้นเป็นสุนัตและอัลลอฮ์ ได้ทรงสัญญาต่อสามีที่หยอกล้อกับภรรยาของเขาก่อนการมีเพศสัมพันธ์ว่า เขาจะไม่เพียงแค่ได้รับความสุขหรรษาจากการมีเพศสัมพันธ์เท่านั้น เขายังจะได้รับความยินยอม และเราะห์มัตจากพระองค์อีกด้วย

ส่วนดุอาต่าง ๆ ที่กล่าวมาแล้วนั้น ล้วนเป็นกุญแจไปสู่การมีครอบครัวที่ผาสุก ผู้ใดที่สามารถปฏิบัติตามข้อชี้นำดังที่ได้อธิบายมาแล้ว อินชาอัลลอฮ์ เขาจะถูกเรียกว่าเป็นบุรุษที่สมบูรณ์

สภาพของเขาก็เหมือนกับชาวนา 2 คน ที่ทำนา โดยคนหนึ่งเป็นคนขี้เกียจ ไม่ถอนหญ้า, ใส่ปุ๋ย และอื่น ๆ ซึ่งแน่นอนผลผลิตที่เขาได้รับนั้นก็ย่อมน้อย และไม่เป็นที่พึงพอใจ ส่วนชาวนาอีกคนหนึ่งเป็นคนที่ขยันขันแข็ง เขาดูแล ถอนหญ้า, ใส่ปุ๋ย และใช้วิธีการที่ทันสมัยในการปลูกข้าว แน่นอนคนที่ขยันย่อมได้รับผลผลิตที่ทบทวีคูณ

สภาพของการมีชิวิตคู่ก็เช่นกัน อัลลอฮ์ ได้ทรงกำหนดไว้ว่า อะไรคือสิ่งที่เป็นสุนัตสมควรทำ และอะไรคือสิ่งที่มักรูห์ สมควรออกห่าง เราในฐานะที่เป็นบ่าวเพียงแค่ต้องคิดว่าจะเลือกอะไรดี ระหว่างเพชรกับแก้ว

สำหรับผู้ที่มีศรัทธาและเกรงกลัวอัลลอฮ์ เขาย่อมเลือกที่จะละทิ้งสิ่งที่เป็นมักรูห์ จากจุดนี้จึงไม่แปลกเลยที่ท่านศาสดา ถึงแม้ท่านจะมีภรรยาถึง 9 คน พวกนางต่างก็ไม่เคยทะเลาะเบาะแว้งกันเอง และไม่เคยทะเลาะกับท่านศาสดาเลย แต่ตรงกันกันข้าม ท่านอยู่กับบรรดาภริยาของท่านอย่างผาสุก และปิติยินดี จนกระทั่งท่านได้จากโลกนี้ไป

ดังนั้น บรรดาชายหนุ่มทั้งหลายที่ต้องการย่างเข้าสู่ชีวิตการแต่งงาน ทางที่ดีแล้วเขาสมควรรู้ถึงวิธีการมีเพศสัมพันธ์ที่ถูกต้องกับหลักการของอิส ลาม ถ้าไม่เช่นนั้นแล้ว การแต่งงานของเขาก็จะเป็นเพียงเพื่อความสนุกสนาน หรือเพื่อระบายความต้องการของนัฟซูด้วยวิธีที่ศาสนาอนุมัติเท่านั้น หรือไม่ก็เนื่องจากกลัวว่าจะเป็นโสด เขาก็เลยแต่งงาน เพราะเพื่อนๆ รุ่นเดียวกันได้แต่งงานกันไปหมดแล้ว การแต่งงานเช่นนี้ไม่เพียงจะไม่เกิดความผาสุกแล้ว ไม่นานมันก็ต้องลงท้ายด้วยการหย่าร้าง

หรือถ้าหากว่าพวกเขาได้ลูก ผลจากการแต่งงานที่ไม่ดำเนินไปตามแบบฉบับที่ศาสดา วางไว้ เมื่อลูก ๆ เติบใหญ่ พวกเขาไม่เพียงจะไม่เชื่อฟังคำพูดของบิดามารดาพวกเขายังอาจจะชอบที่จะทำสิ่ง ผิด ๆ ถ้าหากว่าลูก ๆ มีนิสัยเช่นนั้น ใครเล่าที่จะถูกกล่าวโทษได้ นอกจากตัวเราเอง 

มุฮัมมัด อิมรอน เขียน : ศิระ นวนมี แปล

อัพเดทล่าสุด