หินดำ คือสิ่งที่มีคนอยากจุมพิตมากที่สุด มุสลิมจูบหินดำทำไม?


39,027 ผู้ชม

หินดำ คือสิ่งที่มีคนอยากจุมพิตมากที่สุด มุสลิมจูบหินดำทำไม? การจูบหินดำมิใช่อื่นอื่นใด เป็นเพียงการปฏิบัติตามแบบอย่างของท่านนบีฯ


หินดำ คือสิ่งที่มีคนอยากจุมพิตมากที่สุด มุสลิมจูบหินดำทำไม?

หินดำ คือสิ่งที่มีคนอยากจุมพิตมากที่สุด มุสลิมจูบหินดำทำไม?

การจูบหินดำนั้น ท่านศาสดามูฮัมหมัด(ซ.ล.)ได้เคยกล่าวเอาไว้ว่า :

ความว่า “หินดำคือการสาบานของอัลลอฮ์ผู้ทรงสูงส่งและทรงเกียรติในพื้นพิภพนี้ ซึ่งสิ่งถูกสร้างของพระองค์ (มนุษย์) สามารถจับสัมผัสมันได้ เสมือนกับการที่ชายได้จับสัมผัสมือของพี่น้องของเขา” ด้วยเหตุนี้เอง ท่านศาสดาจึงได้จูบหินดำ 

โดยได้มีรายงานจากท่านอุมัรบินค็อตต๊อบว่า ตัวท่านอุมัรเองก็ได้จูบหินดำ ซึ่งในขณะท่านอุมัรจูบหินดำนั้น ท่านอุมัรได้กล่าวกับหินดำว่า “ฉันรู้ว่า ท่านก็คือหินก้อนหนึ่งที่ไม่มีอันตราย ไม่มีประโยชน์ และหากแม้นว่าฉันไม่เห็นท่านศาสดามูฮัหมัดจูบท่านล่ะก็ ฉันก็จะไม่จูบท่าน” หลังจากนั้นท่านอุมัรก็ร้องไห้ และหันหลังไปพบท่านอาลีบินอบีตอเล็บ (ก่าร่อมาฮู้ลลอฮ์) ท่านอุมัรจึงได้กล่าวขึ้นว่า “โอ้บิดาแห่งฮูเซนเอ๋ย ที่นี่ใช่ไหม ที่ท่านได้หลั่งน้ำตาและขอพร” ท่านอาลีจึงกล่าวว่า “อะมีรุ้ลมุมินีนเอ๋ย ! ทว่าหินก้อนนั้นมีโทษและประโยชน์” ท่านอุมัรกล่าวต่อไปว่า “แล้วอย่างไรล่ะที่มันมีโทษและประโยชน์” ท่านอาลีกล่าวว่า “แน่นอน เมื่ออัลลอฮ์ทรงสัญญาแก่บรรดาดวงวิญญาณในขณะที่อยู่ในโลกแห่งวิญญาณ พระองค์จะทรงบันทึกให้แก่พวกเขาโดยเป็นลายลักษณ์อักษร หลังจากนั้นหินก้อนนี้ก็ได้กลืนการบันทึกนี้ เพื่อเป็นพยานแก่ผู้ศรัทธาถึงการรักษาสัญญา และเป็นพยานแก่ผู้ทรยศ (กาเฟร) ถึงการทรยศ” เมื่อท่านผู้อ่านทั้งหลายรู้เรื่องนี้ ท่านก็จะเข้าใจถึงเหตุผลว่าทำไมผู้ประกอบพิธีฮัจย์ถึงได้ของพรต่ออัลลอฮ์ในขณะจูบหินดำว่า 


ความว่า “โอ้อัลลอฮ์ (ขอพระองค์ทรงทำให้ฉันศรัทธา) โดยศรัทธาต่อท่าน และ(ขอพระองค์ทรงทำให้ฉันเชื่อมั่น) ด้วยการเชื่อมันต่อการบันทึกของท่าน และ(ขอพระองค์ทรงทำให้ฉันรักษาสัญญา) ด้วยการรักษาสัญญาของท่าน”
ได้มีรายงานว่า “เมื่อท่านศาสดาอิบรอฮีม (อะลัยฮิสสลาม) สิ้นสุดการสร้างกะบะห์ด้วยกับการนำเอาหินดำมาวาง โดยได้กล่าวกับท่านศาสดาอิสมาแอลผู้เป็นบุตรชายว่า “ท่านจงนำเอาหินก้อนหนึ่งมาให้ฉัน เพื่อที่ฉันจะได้นำมาเป็นสัญลักษณ์ของกการเริ่มตอวาฟ” แล้วท่านศาสดาอิสมาแอลก็ได้ออกไปเอาหินก้อนหนึ่งมา ท่านศาสดาอิบรอฮีมจึงกล่าวว่า “ท่านจงไปเอาหินก้อนอื่นที่มิใช่หินก้อนนี้มา” แล้วท่านศาสดาอิสมาแอลก็ออกไปเอาหินมาอีกก้อน ท่านศาสดาอิบรอฮีมจึงกล่าวเป็นครั้งที่สามว่า “ท่านจงไปเอาหินก้อนอื่นที่มิใช่หินก้อนนี้มา” แล้วท่านศาสดาอิสมาแอลก็ออกไปเอาหินมาเป็นก้อนที่สาม และท่านศาสดาอิบรอฮีมก็ได้กล่าวว่า “ได้มาหาแก่ฉันซึ่งบุคคลที่ทำให้ฉันไม่ต้องการหินของท่าน แล้วท่านศาสดาอิบรอฮีมก็ได้มองหินดำในตำแหน่งของมัน


หินดำ คือสิ่งที่มีคนอยากจุมพิตมากที่สุด มุสลิมจูบหินดำทำไม?


ปรากฏว่าในยุคก่อนอิสลาม หินก้อนนี้ถูกวางไว้ใกล้ๆกะบะห์ ต่อมาก็ถูกทำเอาออกไปไกลจากกะบะห์หลังจากเปิดเมืองมักกะห์ให้เป็นเมืองอิสลาม และได้ถูกนำมาวางไว้ในตำแหน่งของมันในปัจจุบันนี้ ชาวอาหรับกล่าวกันว่า ภายใต้หินก้อนนี้ มีอุปกรณ์ก่อสร้างที่ท่านศาสดาอิบรอฮีมใช้ในการก่อสร้างกะบะห์ และอาหรับทั้งก่อนอิสลามและในยุคอิสลามก็เชื่อกันว่า หินก้อนนี้มีความศักดิ์สิทธิ์
ท่านร่อซู้ลฯได้กล่าวว่า “หินดำได้ถูกประทานลงมาจากสวรรค์ ในสภาพที่มีความขาวจัดประดุจน้ำนม ต่อมาความชั่วของมนุษย์ได้ทำให้มันเปลี่ยนสีเป็นสีดำ” แน่นอนสีดำนั้นมีอยู่เฉพาะหัวของหินดำเท่านั้น แต่ส่วนที่เหลือเป็นสีขาว ซึ่งบอกเล่าโดยมูฮัมมัด อิบนุ นาเฟียะอฺ อัลคอซาอีย์ เพราะเขาเห็นด้วยกับตาของเขาโดยเขากล่าวว่า “ฉันได้สังเกตหินดำในขณะที่มันแตกเป็นชิ้นๆ เห็นว่าความดำนั้นมีอยู่บนหัวของหินดำเท่านั้น และส่วนที่เหลือของมันเป็นสีขาว” 
จากเหตุผลข้างต้นนี้เอง ทำให้เราได้รู้ว่า สิ่งต่างๆที่อัลลอฮ์ (ซุบฮาฯ) ทรงสร้างขึ้นมานั้น มีโทษและประโยชน์ และมีคุณลักษณ์ความพิเศษที่ต่างกันออกไป ดังนั้นหินดำก็คือวัตถุชิ้นหนึ่งที่อัลลอฮ์ให้ความพิเศษแก่มัน ให้ความสามารถแก่มัน เช่นเดียวกัน พระอาทิตย์และดวงจันทร์ก็คือวัตถุหนึ่งที่อัลลอฮ์ทรงสร้างขึ้น โดยพระองค์จะให้ความสามารถแก่มันทั้งสอง เพื่อเป็นประโยชน์ต่อสิ่งต่างๆ โดยเฉพาะมนุษย์

หินดำ คือสิ่งที่มีคนอยากจุมพิตมากที่สุด มุสลิมจูบหินดำทำไม?

จากต่างศาสนิก ได้กล่าวไว้ว่า หินดำคือวัตถุบูชาในศาสนาอิสลาม เพียงเพราะเห็นว่า มุสลิมนับล้านคน ก้มกราบ หรือไปร่วมพิธีฮัจญ์ แล้วมีการเวียนรอบวิหารกะบะห์นั้น นั่นคือความเข้าใจที่ "ผิด"

หินดำ กับ กะอ์บะฮ์ ไม่ใช่ อันเดี่ยวกันนะ

หินดำ

หินดำ หรือในภาษาอาหรับ คือ อัลฮฺยา อัล อัสวัต นั้นเป็นศิลาที่มีสัณฐาน เป็นรูปครึ่งวงกลม กว้างประมาณ 10 นิ้ว สูง 12 นิ้ว ในอดีตเป็นหินก้อนหนึ่งที่รวมเป็นเนื้อเดียวกัน แต่ปัจจุบันแตกเป็น 8 ชิ้น ส่วนที่แตกออกมีขนาดประมาณผลอินทผลัม โดยวางอยู่ในหินขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบด้วยโลหะเงิน ถูกวางไว้มุมผนัง อยู่เหนือพื้นดินประมาณ 1.10 เมตร

การจูบหินดำมิใช่อื่นอื่นใด เป็นเพียงการปฏิบัติตามแบบอย่างของท่านนบีฯ ทั้งนี้หินดำไม่ได้ให้คุณและให้โทษ ในเรื่องศาสนานั้นเราจะต้องรับเอาหลักการและแบบอย่างจากท่านร่อซูลฯ แม้จะไม่รู้วิทยปัญญา(ฮิกมะฮฺ)ที่ซ่อนอยู่ในนั้นก็ตาม

ท่านอุมัร เราะฎิยันลอฮุอันฮา เมื่อมาถึงหินดำ ท่านจูบมันแล้วกล่าวว่า "แท้จริง ฉันรู้ว่า เจ้าเป็นเพียงหินที่ไม่ให้คุณและโทษใดๆหากฉันไม่เห็นท่านร่อซูล(ซลง)จูบเจ้า ฉันก็จะไม่จูบเจ้าเป็นอันขาด" (เศาะฮีฮฺ บุคคอรี,อัลฮัจย์ 1597)
การที่ท่านอุมัรพูดในลักษณะดังกล่าว เนื่องจากขณะนั้น ผู้คนทั้งหลายเพิ่งหยุดจากการบูชารูปเคารพ

กะบะห์

เป็นคำภาษาอาหรับ แปลว่า ลูกบาศก์ กะอ์บะฮ์ตั้งอยู่ในใจกลางมัสยิดฮะรอม ในนครมักกะฮ์ เป็น กิบลัต (ชุมทิศ, จุดหมายในการผินหน้าไป) มันก็คือจุดที่พระผู้เป็นเจ้ากำหนดให้เป็นทิศทางในการผินหน้าสำหรับมุสลิมในขณะละหมาดหรือขอดุอาร์(วิงวอน)

จาก อัล-กรุอ่าน: อัล-บ่าก่อเราะฮฺ :144 กล่าวไว้ว่า " แท้จริงเราเห็นใบหน้าของเจ้าแหงนไปในฟากฟ้าบ่อยครั้ง แน่นอนเราให้เจ้าผินไปยังทิศ ที่เจ้าพึงใจ ดังนั้นเจ้าจงผินใบหน้าของเจ้าไปทางมัสยิดิลฮะรอมเถิด และที่ใดก็ตามที่พวกเจ้าปรากฏอยู่ ก็จงผินใบหน้าของพวกเจ้าไปทางทิศนั้น และแท้จริงบรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์ นั้นย่อมรู้ดีว่ามัน คือความจริงที่มาจากพระเจ้าของพวกเขา และอัลลอฮ์นั้นไม่ทรงเผลอในสิ่งที่พวกเขากระทำกัน "

หินดำ คือสิ่งที่มีคนอยากจุมพิตมากที่สุด มุสลิมจูบหินดำทำไม?

หินดำ เป็นหินที่ถูกตั้งอยู่มุมของกะบะฮ์ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ถูกคลุมรอบด้วยกับเงิน หินดำเป็นจุดเริ่มของการตอวาฟ หินดำถูกยกเหนือพื้นดินประมาณ 1.5 เมตร เป็นหินที่มีความหนัก เป็นรูปทรงวงรี มีสีดำแดง 
หินดำเป็นหินที่ถูกประทานลงมาจากสวรรค์ โดยลงมาในสภาพที่เป็นชิ้นเดียว แต่ปัจจุบันนี้แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยจำนวน 8 ชิ้น ถูกเคลือบด้วยกับปูนน้ำมันที่สามารถมองผ่านได้ ซึ่งผสมด้วยขี้ผึ้ง ชะมดเชียง และอัมบัร (ไขจากลำไส้ปลาวาฬนำมาใช้ทำเครื่องสำอางพวกน้ำหอม) ซึ่งถูกวางไว้บนหัวของหินดำ
ความสำคัญของหินดำ

ผู้ที่นำเอาหินดำมาวางไว้ ณ กะบะฮ์คือท่านนะบีอิบรอฮีม เพื่อให้ผู้ตอวาฟเริ่มตอวาฟ ณ จุดเริ่มที่หินดำ เพื่อไม่ให้เกิดการสับสน
และคนแรกที่นำเอาเงินมาล้อมหินดำคือท่านอับดุลลอฮ์ อิบนุ ซุเบร และคนรุ้นหลังก็ได้ปฏิบัติตามกันมา และคนสุดท้ายที่ดำเนินรอยตามแนวทางนี้ก็คือสุลต่านอุสมานีย์ นามว่า มูฮัมหมัด ร่อชาด คาน (ฮ.ศ.1331 / ค.ศ.1913) ด้วยกับเงินบริสุทธิ์ ต่อมากษัตริย์อับดุลอาซีซราชวงค์ซาอุดก็ได้เข้ามาปรับปรุงเพิ่มเติม และได้เปลี่ยนเป็นเงินใหม่ในปี ฮ.ศ.1375 / ค.ศ.1956
ในเทศกาลฮัจย์ปี ฮ.ศ.317 กลุ่มผู้มาทำฮัจย์ได้ถูกปล้นสะดมและถูกสังหารอย่างเหี้ยมโหด หนึ่งในสิ่งของที่ถูกปล้นก็คือหินดำ การบุกปล้นและสังหารอย่างนองเลือดในครั้งนี้นำโดยอบีฏอเฮร จากเผ่าอัลก็อรมาฏีย์  ในการปล้นครั้งนี้มีคนตายไปจำนวนมาก เผ่าอัลก็อรมาฏีย์ได้อ้างว่าฮัจย์ได้ถูกเปลี่ยนมายังมัสญิดกูฟะห์แล้ว เนื่องจากพวกเขาต้องการกอบโกยทรัพย์สินในช่วงฮัจย์ หินดำยังคงอยู่กับนายฏอเฮร จนกระทั้งอบูอัลกอเซ็มมาขอซื้อด้วยราคาสามหมื่นดินาร และเขาก็ได้นำกลับมาไว้ที่เดิมของมันในปี ฮ.ศ.339
สีของหินดำ

ได้มีรายงานจากท่านอิบนุอับบาสว่า แท้จริงท่านร่อซู้ลฯ (ศ็อลฯ) ได้กล่าวว่า ?หินดำได้ถูกประทานลงมาจากสวรรค์ ในสภาพที่มีความขาวจัดประดุจน้ำนม ต่อมาความชั่วของมนุษย์ได้ทำให้มันเปลี่ยนสีเป็นสีดำ? บางรายงานบอกว่า ?ขาวจัดประดุจดังหิมะ? บางรายงานบอกว่า ?ขาวจัดประดุจดังเงิน?
เพราะอะไรถึงถูกเรียกว่า ?หินดำ?

ท่านร่อซู้ลฯได้กล่าวว่า ?หินดำได้ถูกประทานลงมาจากสวรรค์ ในสภาพที่มีความขาวจัดประดุจน้ำนม ต่อมาความชั่วของมนุษย์ได้ทำให้มันเปลี่ยนสีเป็นสีดำ? แน่นอนสีดำนั้นมีอยู่เฉพาะหัวของหินดำเท่านั้น แต่ส่วนที่เหลือเป็นสีขาว ซึ่งบอกเล่าโดยมูฮัมมัด อิบนุ นาเฟียะอฺ อัลคอซาอีย์ เพราะเขาเห็นด้วยกับตาของเขาโดยเขากล่าวว่า ?ฉันได้สังเกตหินดำในขณะที่มันแตกเป็นชิ้นๆ เห็นว่าความดำนั้นมีอยู่บนหัวของหินดำเท่านั้น และส่วนที่เหลือของมันเป็นสีขาว

หินดำ คือสิ่งที่มีคนอยากจุมพิตมากที่สุด มุสลิมจูบหินดำทำไม? 
ความประเสริฐของหินดำ

1. ท่านร่อซู้ลฯ ใช้มืออันมีเกียรติของท่านยกหินดำขึ้น ในขณะที่ชาวกุเรชบูรณะกะบะฮ์เสร็จสิ้น พวกเขามีความขัดแย้งกันว่าใครจะเป็นผู้นำเอาหินดำไปวางไว้ในที่ของมัน เหตุการณ์นี้เกือบสร้างฟิตนะห์ (ความวุ่นวาย) ระหว่างลูกหลานชาวกุเรช แล้วท่านอบูอุมัยยะห์ อิบนุ อัลมุเฆเราะห์ได้ยืนขึ้น แล้วกล่าวว่า โอ้ชาวกุเรชเอ๋ย ! พวกท่านจงให้บุคคลแรกที่เข้ามาทางประตูมัสญิดนี้เป็นผู้ตัดสินความขัดแย้งระหว่างพวกท่านเถิด แล้วพวกเขาก็ปฏิบัติตาม ปรากฏว่าคนแรกที่เดินเข้ามาก็คือท่านร่อซู้ลฯ (ศ็อลฯ)  ดังนั้นเมื่อพวกเขาเห็นท่านร่อซู้ลฯ พวกเขาก็กล่าวว่า ชายคนนี้เป็นผู้ที่ไว้วางใจได้ เรายินดี (ให้เขาเป็นผู้ตัดสิน) ชายคนนี้คือมูฮัมหมัด เมื่อท่านร่อซู้ลฯเดินมายังพวกเขา แล้วพวกเขาก็บอกเรื่องราวการขัดแย้งระหว่างพวกเขา ท่านร่อซู้ลฯ จึงกล่าวว่า ?จงเอาผ้าหนึ่งชิ้นมาให้ฉัน? แล้วผ้าก็ได้ถูกนำมา แล้วท่านร่อซู้ลฯ ก็ได้ยกหินดำด้วยกับมืออันมีเกียรติของท่านวางไว้บนผ้าผืนนั้น แล้วท่านร่อซู้ลฯ ก็ได้กล่าวว่า ?ทุกๆเผ่าจงจับด้านหนึ่งจากผ้านี้ และจงยกมันขึ้นพร้อมๆกัน? แล้วพวกเขาก็ปฏิบัติตามจนกระทั้งถึงที่วางหินดำ ท่านร่อซู้ลฯ ก็ได้ใช้มือของท่านยกหินดำไปวางไว้ในที่ของมัน
2. ท่านร่อซู้ลฯ จูบหินดำ ด้วยเหตุผลนี้จึงเป็นที่เพียงพอแล้วว่า หินดำเป็นหินอันประเสริฐ แน่นอนได้มีรายงานจากท่านอับดุลลอฮฺ อิบนุ อุมัรได้กล่าวว่า ท่านร่อซู้ลได้เรียกร้องให้จูบหินดำ ต่อมาท่านร่อซู้ลก็ได้จูบหินดำพร้อมกับร้องไห้อยู่นาน ต่อมาท่านร่อซู้ลก็ผินออกมา แล้วท่านอุมัรก็ร้องไห้ แล้วท่านร่อซู้ลก็กล่าวว่า ?อุมัรเอ๋ย! ณ ที่นี่แหละที่น้ำตาได้ถูกหลั่งไหล?
3. หินดำเป็นหินที่ถูกประทานลงมาจากสวรรค์ เพราะท่านร่อซู้ลฯได้กล่าวว่า ?หินดำได้ถูกประทานลงมาจากสวรรค์ ในสภาพที่มีความขาวจัดประดุจน้ำนม ต่อมาความชั่วของมนุษย์ได้ทำให้มันเปลี่ยนสีเป็นสีดำ?
4. หินดำคือการสาบานของอัลลอฮฺบนโลกนี้ เพราะท่านนะบีกล่าวว่า ?แท้จริงแล้วหินดำนี้คือการสาบานของอัลลอฮฺในโลกนี้
5. หินดำจะเป็นพยานให้กับบุคคลที่จูบหรือสัมผัสมันในวันกิยามะห์ เพราะท่านนะบีได้กล่าวไว้ว่า ?แท้จริงสำหรับหินดำนี้มีลิ้นและมี2ริมฝีปาก มันจะเป็นพยานให้กับผู้ที่จูบหรือสัมผัสมันในวันกิยามะห์ด้วยความสัจจริง
6. บรรดาซอฮาบะห์ (อัครสาวกท่านร่อซู้ลฯ) จูบหินดำ แน่นอนท่านอุมัรได้จูบหินดำและกล่าวกับหินดำว่า ?แท้จริงฉันรู้ว่าท่านคือหินก้อนหนึ่งที่ไม่มีภัยไม่มีประโยชน์ หากแม้นว่าฉันไม่เห็นว่าท่านร่อซู้ลฯจูบท่าน ฉันก็จะไม่จูบท่าน?
7. หินดำเป็นจุดเริ่มตอวาฟ คือเครื่องหมายในการเริ่มตอวาฟ และสุนัตให้ทำการจูบหินดำในการตอวาฟด้วยสำหรับผู้ที่มีความสามารถ


อัพเดทล่าสุด