ไม่มีการบังคับ แต่มุสลิมเรามีหน้าที่ประกาศสัจธรรมให้คุณทราบ ให้คุณได้เลือกทางเดินเองว่าจะเลือกเชื่อแบบไหน ?
ทำไมต้องเป็นมุสลิม ?
ไม่มีการบังคับ แต่มุสลิมเรามีหน้าที่ประกาศสัจธรรมให้คุณทราบ ให้คุณได้เลือกทางเดินเองว่าจะเลือกเชื่อแบบไหน ?
-> จะเชื่อว่าโลกนี้เกิดมาโดยบังเอิญ ไม่มีพระเจ้า มนุษย์ก็ไม่มีวิญญาณ เป็นสสารมีชีวิต ตายแล้วตายเลย ไม่มีนรกสวรรค์
-> หรือจะเชื่อว่ามีพระเจ้า และมีกงกรรมกงเวียน มีเวียนว่ายตายเกิด วิญญาณก็วนเวียนอยู่ใน วัฏจักรนี้ มีภพต่างๆ มี
นรกสวรรค์
-> หรือจะเชื่อว่ามีนรกสวรรค์ มีเวียนว่ายตายเกิด มีกฎธรรมชาติ ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว แต่ไม่เชื่อว่ามีอำนาจคุมกฎอยู่เบื้องหลัง
-> หรือจะเชื่อว่ามีพระเจ้าผู้ซึ่งมาเกิดเป็นมนุษย์ เป็นพระผู้ไถ่บาปเพื่อให้มนุษย์เข้าสวรรค์ ส่วนใครปฏิเสธก็ไปนรก
-> หรือจะเชื่อว่ามีพระเจ้าไม่มีหรอก แต่กลับไปกราบไหว้บูชาผีสาง เจ้าพ่อเจ้าแม่สิ่งศักดิ์สิทธิ์และรูปเคารพศาสนา บางคนถึงเวลากินเจฉันกิน เชื่อว่าได้บุญ! ถึงเวลาบวชฉันบวช เชื่อว่าได้บุญ! แต่ไม่เชื่อว่ามีใครเป็นผู้ตอบแทนผลบุญให้! (นี่คือความเชื่อของคนไทยยุตใหม่ ที่ผสมเขย่าขวดกันระหว่างลัทธิวัตถุนิยมกับความเชื่อท้องถิ่นแบบไทยๆ ซึ่งดูแล้วมันมีความขัดแย้งในตัวเองน่าดู!)
-> หรือจะเอาแบบว่าพ่อแม่และบรรพบุรุษปู่ย่าตายายฉันเป็นมายังไง ฉันจะรักษาไว้แบบนั้นแหละ ไม่อยากรับรู้ ไม่อยากคิดและไม่อยากเปลี่ยนแปลงใดๆทั้งสิ้น
-> หรือว่า...จะเชื่อแบบอิสลามดีว่า มีพระเจ้าผู้บันดาลให้มีสรรพสิ่งทั้งหลาย และมีสิ่งมีชีวิต ซึ่งพระเจ้าสอนให้มนุษย์รู้จักความกตัญญูรู้คุณต่อพระองค์ ใครศรัทธาและทำดีก็ได้เข้าสวรรค์ ใครปฏิเสธก็ไปนรก ไม่มีเวียนว่ายตายเกิด ไม่มีตายแล้วเป็นวิญญาณล่องลอย
ซึ่งทั้งหมดเราก็ต้องมีจิตสำนึกในการเป็นผู้แสวงหาสัจธรรม เลือกเอาสิ่งถูกต้อง ไม่ใช่เลือกแต่สิ่งถูกใจ! ไม่ใช่ว่าอันไหนง่ายๆสบายใจฉันก็เอาอันนั้นแหละ! นั้นไม่ใช่ทางรอดครับ ..เราควรจะเป็นผู้แสวงหาว่าข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโลกเกี่ยวกับมนุษย์ว่ามันเป็นอย่างไร ? คัมภีร์เล่มไหนกล่าวจริงกล่าวเท็จ? แล้วทฤษฎีที่นักวิทยาศาสตร์ว่าไว้ล่ะมีความเป็นไปได้หรือไม่? อันไหนเรื่องจริง อันไหนเรื่องเท็จ? ซึ่งทั้งหมดนั้นมนุษย์เราที่มีสมองอันล้ำเลิศสามารถค้นคว้าหาคำตอบได้ครับ
บางคนบอกไม่ต้องมีศาสนาแล้ว โลกเปลี่ยนไปแล้วแต่อิสลามยังล้าหลัง? แต่หากผมจะพูดแบบโจ๊กๆว่าโลกยังไม่เปลี่ยนครับ ยังคงทรงกลมโคจรรอบตัวเองและโคจรรอบดวงอาทิตย์เหมือนเดิม มนุษย์เราก็ยังไม่เปลี่ยนครับ ยังคงมีสองตา สองหู สองแขน สองขา และมีสมองอันล้ำเลิศเหมือนเดิม ไม่ว่าจะในยุคที่สามารถสร้างปีรามิดได้โดยไม่ต้องใช้เทคโนโลยีช่วย หรือในยุคที่ไม่สามารถสร้างอะไรได้เลยถ้าไม่ใช้เทคโนโลยีช่วยอย่างปัจจุบัน แต่นั่นไม่ใช่เป็นเพียงคำพูดโจ๊กๆเท่านั้นครับ มันเป็นข้อเท็จจริงว่ายุคสมัยมันไม่ได้ทำให้อะไรเปลี่ยนแปลงไปหรอกครับ เพียงแต่ค่านิยมของมนุษย์นั้นมันเปลี่ยนไปเรื่อยและไร้จุดหมายไร้จุดยืนที่แน่นอน
ในอดีตมนุษย์บางส่วนแยกตัวจากความเจริญ ไปอยู่ตามป่าจนกลายเป็นกลุ่มชนที่เรียกว่าคนป่า ไปนุ่งน้อยห่มน้อยใช้ชีวิตแบบสนุกสนานไร้อารยธรรม แต่ในขณะนี้สังคมยุคนี้ก็กำลังนำความไร้อารยธรรมแบบคนป่ามาใช้ในสังคมเมือง! ครั้งหนึ่งการผิดประเวณีนั้นตามค่านิยมประเพณีถือว่าเป็นสิ่งไม่ดี แต่อีกไม่นานมันอาจถูกมองเป็นเรื่องไม่ผิดก็ได้ ว่าง่ายๆคือมนุษย์ชอบวางกฎเกณฑ์กันเองตามใจชอบ แล้วมันก็ไร้จุดยืนไร้บรรทัดฐานที่แน่นอน
เพราะฉะนั้นพระผู้เป็นเจ้าจึงต้องกำหนดมาตรวัดให้ไงครับว่าสิ่งไหนดีสิ่งไหนไม่ดี ถ้าปล่อยให้มนุษย์มากำหนดกันเองล่ะก็มั่วไปหมด ล้านคนก็ล้านความคิด ดังนั้นใครที่ไม่ยอมจำนนน้อมรับกฎระเบียบกฎเกณฑ์ของพระผู้เป็นเจ้าก็จะเป็นอย่างที่เห็นนี้แหละครับ คือจะต้องมานั่งเถียงกันว่าขายถุงยางในมหาวิทยาลัยนั้นดีหรือไม่? การใช้เล่ห์เหลี่ยมเลี่ยงการเสียภาษีนะดีหรือไม่? หนังหรือละครที่มีภาพการใช้ความรุนแรงนั้นเหมาะสมหรือไม่? มันก็เถียงกันหาข้อยุติไม่ได้หรอกครับ เพราะมนุษย์ไม่มีมาตรฐานทางศีลธรรมมากำหนดต่างคนก็ต่างต้องการเอาความคิดตนเองเป็นมาตรฐานไปตัดสินคนอื่น แล้วต้องการให้คนอื่นคิดเหมือนตนเองซะด้วยนะ!
เพราะฉะนั้น สังคมโลกจะไม่เกิดความสงบสุข ไม่เกิดความสันติครับ ถ้ายังมีมนุษย์บางส่วนไม่นอบน้อมยอมจำนนต่อพระเจ้า ไม่ยอมรับระบอบชีวิตที่พระเจ้าวางมาให้นั่นคืออิสลาม ..ความสันตินั้นจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีกฎระเบียบควบคุมครับ และกฎระเบียบที่ว่านั้นต้องมีมาตรฐานเดียวซะด้วย ส่วนการปล่อยให้มนุษย์มีอิสรเสรีนั้น ไม่สามารถทำให้เกิดความสันติสุขได้อย่างแน่นอน
ที่มา: อิสลามกับคำถามที่คุณอยากรู้คำตอบ