ในคัมภีร์อัลกุรอานได้ระบุอย่างชัดเจนแล้วว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นทั่วโลก แต่เกิดขึ้นเฉพาะกับประชาชาติของนุฮฺเท่านั้น อย่างที่นบี (ศาสดา) ฮูดได้สั่งเสียแก่ชาวอ๊าด (ซูเราะฮฺ ฮูด : 50 ) , นบีซอและฮฺสั่งเสียแก่ชาวษะมูด
ภาพน้ำท่วมภาคใต้: www.chaoprayanews.com
น้ำท่วมเพิ่มอิหม่านให้ผู้ศรัทธา
ในอัลกุรอาน อัลลอฮฺได้กล่าวไว้ว่าจะไม่ทำลายชนชาติใดจนกว่าพวกเขาจะปฏิเสธการตักเตือนจากผู้ส่งสาสน์เสียก่อน ดังนี้
"และพระเจ้าของเจ้ามิได้เป็นผู้ทำลายเมืองทั้งหลายจนกว่าพระองค์จะทรงแต่งตั้งศาสนทูตขึ้นในเมืองหลวงนั้น โดยสาธยายโองการทั้งหลายของเราแก่พวกเขาและเรามิได้เป็นผู้ทำลายเมืองทั้งหลายเว้นแต่ชาวเมืองนั้นเป็นผู้อธรรม" (ซูเราะฮฺ อัลเกาะศอศ : 59 )
ไม่ใช่แนวทางของอัลลอฮฺที่จะทำลายล้างผู้ที่ไม่ได้ถูกตักเตือน และนบีนุฮฺ ก็ถูกส่งมาเพียงเพื่อตักเตือนชนชาติของเขาเท่านั้น ดังนั้น ชนชาติที่อัลลอฮฺจะทำลายก็คือ ชนชาติของนุฮฺเท่านั้น
จากคำกล่าวในอัลกุรอานทำให้เราแน่ใจได้ว่าอุทกภัยแห่งนุฮฺนั้นเป็นหายนะที่เกิดขึ้นเป็นบางส่วนของโลกเท่านั้น และจากการขุดค้นทางโบราณคดียังพบว่าน้าท่วมได้เกิดขึ้นเพียงบางบริเวณซึ่งก็คือส่วนหนึ่งของเมโสโปเตเมีย
เนื้อหาจากหนังสือ ประชาชาติที่ถูกทำลาย ( Perish nations) โดย Harun Yahya ส่วนหนึ่งของ บทที่ 1 : อุทกภัยแห่งนุฮฺ (โนอาห์)
อุทกัยแห่งนุฮฺ เกิดขึ้นบางพื้นที่หรือทั่วโลก ?
ในคัมภีร์อัลกุรอานได้ระบุอย่างชัดเจนแล้วว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นทั่วโลก แต่เกิดขึ้นเฉพาะกับประชาชาติของนุฮฺเท่านั้น อย่างที่นบี (ศาสดา) ฮูดได้สั่งเสียแก่ชาวอ๊าด (ซูเราะฮฺ ฮูด : 50 ) , นบีซอและฮฺสั่งเสียแก่ชาวษะมูด ( ซูเราะฮฺ ฮูด : 61 ) และการสั่งเสียของศาสนทูตท่านอื่นๆ มาจนถึงนบีมุฮัมมัด และเลยมาถึงประชาชาติของท่านในปัจจุบัน ดังนั้น จากเหตุการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้น มีเพียงประชาชิตของนุฮฺเท่านั้นที่ได้รับการลงโทษ
" และโดยแน่นอน เราได้ส่งนุฮฺไปยังกลุ่มชนของเขา (โดยกล่าวว่า )แท้จริง ฉันเป็นผู้ตักเตือนอันแน่ชัดแก่พวกท่านแล้ว คือพวกท่านอย่าเคารพภักดีผู้ใดนอกจากอัลลอฮฺ แท้จริง ฉันกลัวแทนพวกท่านถึงการลงโทษในวันอันเจ็บปวด " (ซูเราะฮฺ ฮูด : 25 - 26 )
" ผู้ที่ถูกลงโทษ ก็คือกลุ่มชนที่ปฏิเสธและเมินเฉยต่อคำประกาศตักเตือนของนบีนุฮฺอย่างสิ้นเชิง และยังคงตั้งภาคีต่อพระเจ้า ในสาสน์ของพระเจ้าได้บอกอย่างชัดเจนแล้วว่าจะไม่มีการให้โอกาสแก้ตัวแก่กลุ่มชนเหล่านี้แล้วพวกเขาได้ปฏิเสธนุฮฺ ภายหลังเราได้ช่วยเขาและบรรดาผู้ที่อยู่กับเขาในเรือให้รอดนั้น และเราได้ให้บรรดาผู้ที่ปฏิเสธโองการทั้งหลายของเราจมน้ำ แท้จริง พวกเขานั้นเป็นกลุ่มชนที่มืดบอด " (ซูเราะฮฺ อัลอะอฺรอฟ : 64 )
" แล้วเราได้ช่วยเขา และบรรดาผู้ที่ร่วมอยู่กับเขาให้รอดพ้นด้วยความเอ็นดูเมตตตาจากเรา และเราได้ตัดขาดซึ่งคนสุดท้ายของบรรดาผู้ที่ปฏิเสธโองการทั้งหลายของเราและมิเคยปรากฏว่าพวกเขาเป็นผู้ศรัทธา" (ซูเราะฮฺ อัลอะฮฺรอฟ : 72 )
หลังๆ นี้ จะเห็นได้ว่าเกือบทุกประเทศจะประสบภัยธรรมชาติ (น้ำท่วม) ไม่ว่าจะเป็นประเทศที่เจริญแล้ว ประเทศกำลังพัฒนาหรือประเทศด้อยพัฒนาก็ตาม ทั้งหมดนั้นอัลกุรอานได้บอกอย่างชัดเจนว่า สาเหตุแรกมาจากมือของมนุษย์ที่ไปทำลายธรรมชาติที่พระเจ้าสร้างขึ้นมาด้วยความสมบูรณ์เพรียบพร้อม พระเจ้าเป็นผู้สร้างและบริหารจัดการสากลโลกรวมถึงการให้มีฝนลงมา และท่วมในพื้นที่ที่พระองค์ต้องการ ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นสามารถเป็นบทเรียนเพื่อเพิ่มอิหม่าน (สำหรับผู้ทรัทธา) ทุกสิ่งทุกอย่างต้องมีผู้สั่งการ ผู้กำหนด แต่ถึงอย่างไร น้ำท่วมในโลกปัจจุบันนี้ยังถือว่าน้อยนิดหากเทียบกับน้ำท่วมสมัยของโนอาห์ เพราะสมัยนั้นพระเจ้าจะทำการลงโทษบ่าวที่ไม่เคารพและทรัทธาต่อพระองค์ แต่สำหรับประชาชาติของมุฮัมหมัดได้มีการขอ (ดุอา)อย่าได้ชี้ให้เห็นชัดๆ บนโลกนี้เลย (ถ้าจะตี จะโยนใส่กระทะทองแดง ก็ขอให้ทำโทษหลังจากที่เราตาย) และสรรพสิ่งที่มีชีวิตต้องประสบกับความตาย และต้องฟื้นขึ้นมาใหม่อีกครั้ง มนุษย์ต้องฟื้นขึ้นมาหาคำตอบ ฟังผลการตัดสิน ทำดี ทำชั่ว ลงนรกหรือขึ้นสวรรค์ ทั้งหมดนั้นจะตลอดกาล
สำหรับผู้ประสบภัย เพิ่มอิหม่านและอยู่ใกล้ชิดพระเจ้ามากๆ ทั้งหมดนั้นเป็นบททดสอบที่จะพิสูจน์อิหม่านของแต่ละคน บ้างก็มองในทัศนะของการลงโทษ (ถ้าอย่างนั้น) ต้องขออิสติกฟาร์ มากๆ แล้วกัน อินซาอัลลอฮฺ
ที่มา: www.gotoknow.org