ประวัติเรื่องราวที่มาของการคลุมผม หรือฮิญาบ มีอยู่ว่า ช่วงแรก ๆ ในการเป็นศาสนทูตของท่านนบีมูฮำมัดนั้น ยังไม่มีคำสั่งเรื่องการคลุมฮิญาบลงมา
สิ่งหนึ่งที่เราเห็นและแอบสงสัยมานานเกี่ยวกับการแต่งกายของหญิงสาวชาวมุสลิมนั่นก็คือ ผ้าคลุมศีรษะ หรือที่เรียกว่า ‘ฮิญาบ’ นั่นเอง
วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องราวดังกล่าวจากพี่น้องชาวมุสลิมไปพร้อม ๆ กัน
ก่อนอื่นเราจะต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ‘ฮิญาบ’ คือผ้าคลุมศีรษะของผู้หญิงมุสลิม ซึ่งศาสนาอิสลามระบุให้ผู้หญิงสวมผ้าคลุมปิดจนถึงหน้าอก เพื่อเป็นการปกปิดร่างกายให้มิดชิด เป็นการสำรวม การคลุมผ้าของสตรีมุสลิมนั้นไม่ใช่ประเพณีของอาหรับ
แต่เป็นบทบัญญัติของศาสนา ซึ่ง ฮิญาบ แปลว่า ปิดกั้น การคลุมฮิญาบของสตรีอิสลามก็เปรียบเสมือนการปฏิบัติธรรมเฉกเช่นสตรีในศาสนาอื่นที่ปฏิบัติธรรมนั่นเอง คือการมีคุณธรรมประจำตน ทำให้สังคมมีศีลธรรมลดปัญหาสังคมต่าง ๆ
การคลุมฮิญาบของสตรีนั้น โดยทั่วไปจะเปิดเผยแค่ใบหน้าและฝ่ามือ ส่วนการปิดจนเหลือแต่ลูกตานั้นเป็นทัศนะที่ปฏิบัติเพื่อป้องกันตนเองจากฟิตนะห์ (ความไม่ดีไม่งามทางสังคม) เช่น ป้องกันการถูกแซว หรือ การหยอกล้อเชิงชู้สาวจากเพื่อนชาย เป็นต้น
ประวัติเรื่องราวที่มาของการคลุมผม หรือฮิญาบ มีอยู่ว่า... ช่วงแรก ๆ ในการเป็นศาสนทูตของท่านนบีมูฮำมัดนั้น ยังไม่มีคำสั่งเรื่องการคลุมฮิญาบลงมา ครั้นเมื่อท่านนบีมูฮัมมัด (ซล.) มุ่งหน้าไปยังเมืองมะดีนะฮฺ ช่วงนั้นท่านนบียังไม่มีที่บ้านเป็นของตนเอง จึงพักที่บ้านของอบูอัยยูบ แต่ภรรยาของท่านนบีต้องพักที่อื่น เช่นนั้นเมื่อภรรยาของท่านนบีและสตรีมุสลิมท่านอื่นๆ ต้องการออกไปทำภาระกิจ (เช่น ธุระส่วนตัว... เพราะเมื่อก่อนยังไม่มีห้องน้ำ) ในยามค่ำคืน ก็ต้องออกไปทำภารกิจนอกบ้านซึ่งในระหว่างทาง พวกอันธพาลมักนั่งแถว ๆ ข้างทาง คอยหยอกล้อ จีบสาว และพูดจาเกี้ยวพาราสีต่อสตรีที่เดินผ่านไปมา
ด้วยเหตุนี้อัลเลาะห์ทรงประทานอัลกุรฺอานในบทที่ว่า “โอ้ นบีเอ๋ย จงกล่าวแก่บรรดาภริยาของเจ้า และบรรดาบุตรสาวของเจ้า และบรรดาหญิงของบรรดาผู้ศรัทธาโดยให้พวกนางดึงเสื้อคลุมของพวกนางลงมาปิดตัวของพวกนางเถิด” จึงเป็นบัญญัติที่สตรีมุสลิมต้องกระทำทั้งหมด มาจากความเข้าใจและจิตศรัทธา ถ้าเขาเข้าใจนั้น เขาก็ย่อมปฏิบัติได้ โดยไม่เคอะเขิน... ซึ่งฮิญาบที่ถูกต้องตามบัญญัติศาสนาจะต้องปฏิบัติดังนี้
ฮิญาบที่ถูกต้องตามบัญญัติศาสนาจะต้องปฏิบัติดังนี้
1. การคลุมฮิญาบจะต้องปกปิดทุกส่วนของร่างกาย อัลเลาะห์ทรงตรัสว่า “โอ้ นบีเอ๋ย จงกล่าวแก่บรรดาภริยาของเจ้าและบุตรสาวของเจ้า และบรรดาหญิงของบรรดาผู้ศรัทธา ให้พวกนางดึงเสื้อคลุมของพวกนางลงมาปิดตัวของพวกนาง นั่นเป็นการเหมาะสมกว่าที่นางจะเป็นที่รู้จัก เพื่อที่พวกนางจะไม่ถูกรบกวน และอัลเลาะห์เป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ” เว้นเสียแต่การเปิดเผยโดยไม่ตั้งใจ
2. เสื้อคลุมจะต้องมีความหนา ไม่บาง ไม่รัดรูป เพราะเป้าหมายในการสวมใส่เสื้อคลุม คือการปกปิดร่างกายอย่างมิดชิด
3. ฮิญาบจะต้องไม่มีเครื่องประดับหรือมีสีสันสะดุดตาดึงดูดความสนใจของผู้พบเห็น ที่อัลเลาะห์ทรงตรัสว่า “และพวกนางจงอย่าเปิดเผยเครื่องประดับของพวกนางนอกจากส่วนที่ปรากฏเท่านั้น” หมายถึง ส่วนที่ปรากฏออกมาโดยไม่เจตนา หรือจงใจที่จะอวดแสดง เพราะฮิญาบ คือ การปกปิดเครื่องประดับไม่ให้บุคคลภายนอกได้เห็น รวมถึงเครื่องแต่งกายภายนอก เสื้อผ้าฮิญาบจะต้องมีความหลวม ไม่รัดรูป ไม่บางจนเห็นเรือนร่าง ส่วนพึงละอาย และสัดส่วนที่ปลุกเร้าอารมณ์
4. เสื้อผ้าฮิญาบจะต้องไม่ปะพรมน้ำหอมบนเรือนร่างเช่นเดียวกับห้ามปะพรมเครื่องหอมที่เสื้อผ้าซึ่งดึงดูดความสนใจจากผู้ชาย (แต่ถ้าอยู่ในบ้านกับมะหร็อมก็อนุญาตให้ใช้น้ำหอมได้)
5. เสื้อผ้าฮิญาบจะต้องไม่มีส่วนคล้ายคลึงกับเสื้อผ้าของผู้ชาย
ถึงตรงนี้ก็คลายสงสัยว่าทำไมสตรีชาวมุสลิมต้องคลุมผ้าฮิญาบ นั่นก็เนื่องมาจากคำสอนต่าง ๆ ของพระอัลเลาะห์นั่นเอง เพื่อป้องกันความเสื่อมเสียของ ‘การอวดโฉม’ (การที่สตรีได้นำเอาส่วนสวยงามของนางออกมาแสดง) เพื่อปกป้องสตรีมิให้ถูกจาบจ้วง เพื่อคุ้มครองความละอายและความสงบเสงี่ยมของสตรีเพื่อมิให้เกิดความเสียหาย และเพื่อไม่ให้ตัณหาราคะเกิดขึ้นภายในจิตใจของบรรดาบุรุษเพศ เพราะพระองค์ทรงรู้ดีถึงจิตใจของมนุษย์ซึ่งมีความอ่อนแอ และหัวใจของเยาวชนที่มีจิตใจรวนเร ซึ่งตกอยู่ภายใต้การชักนำของกามราคะนั่นเอง
www.phuketbulletin.co.th