การที่คนที่มีชีวิตอยู่มีความเชื่อว่า ผู้ตายนั้นสามารถยังประโยชน์ให้กับเขาได้ ไม่ว่าการตอบรับดุอาอ์ หรือช่วยปลดเปลื้องความทุกข์ให้แก่เขาได้ หรือมีความเชื่อว่าคนที่ตายไปนั้นจะให้คุณให้ประโยชน์แก่เขาได้
ขอจากคนตายได้หรือไม่ ในทรรศนะของอิสลาม
อัลกุรอาน..จากซูเราะฮฺ อัซซุมัร 43
" หรือว่าพวกเจ้าได้ยึดเอาบรรดาผู้ช่วยเหลืออื่นจากอัลลอฮฺ จงกล่าวเถิดมุฮัมมัดทั้ง ๆ ที่พวกมันมิได้มีอำนาจใด ๆ และพวกมันก็ไม่มีสติปัญญากระนั้นหรือ?"
การที่คนที่มีชีวิตอยู่มีความเชื่อว่า ผู้ตายนั้นสามารถยังประโยชน์ให้กับเขาได้ ไม่ว่าการตอบรับดุอาอ์ หรือช่วยปลดเปลื้องความทุกข์ให้แก่เขาได้ หรือมีความเชื่อว่าคนที่ตายไปนั้นจะให้คุณให้ประโยชน์แก่เขาได้ หากเขามีความเชื่อเช่นนั้น ถือว่าตั้งภาคี.หรือจะอ้างว่าขอผ่านคนตายอันนี้ชีริกเลย(เเละอันนี้ยิ้งมึนใหญ่ เพราะตอนนี้คนตายกำลังเผชิญอะไรบ้างในหลุมศพบ้าง ?. อัลลอฮุอะลัม )
ในการที่เขาไปขอกับคนตายให้ช่วยวิงวอนขอต่ออัลลอฮฺให้แก่เขา โดยที่เขาไม่ได้มีความเชื่อว่าคนตายจะสามารถบันดาลสิ่งที่เขาขอได้ เขาเพียงใช้คนตายเป็นสาเหตุให้เขาได้เราสิ่งที่เขามีความต้องการ แต่เขาเชื่อว่าผู้ที่ให้คุณให้โทษคืออัลลอฮฺ ซุบหานาฮูวาตาอาลา การกระทำเช่นนั้น ไม่ถือว่าเป็นการตั้งภาคีใหญ่ อยู่ในประเภทของการตั้งภาคีเล็ก แต่มันสุ่มเสี่ยงที่จะนำไปสู่การตั้งภาคีใหญ่
ท่านเชค อิบนู อุซัยมีนรอฮิมาอุลลอฮฺได้กล่าวว่า :
การขอต่อคนตายให้ขอวิงวอนขอต่ออัลลอฮฺ กับการขอต่อคนตาย(โดยตรง) ให้ได้รับความต้องการต่างๆ สองอย่างนั้นมีความแตกต่างกัน
หากใครได้ขอต่อผู้ตายให้เขาได้รับความต้องการต่าง ๆ (ขอโดยตรงจากคนตาย) การกระทำเช่นนั้นถือว่า เป็นการตั้งภาคีใหญ่
แต่หากเขาได้ขอต่อผู้ตายให้ช่วยขอต่ออัลลอฮฺ การกระทำเช่นนี้ถือว่าเป็นการอุตริและเป็นความหลงผิด เนื่องจากคนที่ตายไปแล้ว การงานของเขาก็สิ้นสุดลง
ท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮูอะลัยอิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า
"เมื่อมนุษย์เราได้สิ้นชีวิตลง การงานของเขาก็สิ้นสุดลง เว้นแต่สามอย่าง คือ การบริจาคที่ยังถูกใช้ประโยชน์อยู่ หรือความรู้ที่ยังประโยชน์แก่เขา หรือลูกที่ดีที่ขอดุอาให้แก่เขา"
(บันทึกโดย มุสลิม 1631)
มีรายงานจากท่านอนัส รอฎิยัลลอฮูอันฮูเขาได้กล่าว่า ท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮูอะลัยอิวะสัลลัมได้กล่าวว่า
"เจ็ดประการที่จะทำให้บ่าวยังคงได้รับผลบุญจากมัน ในขณะที่เขาเสียชีวิตอยู่ในหลุมฝังศพ
"มีความดีเจ็ดประการ ที่ผลบุญของมันจะยังคงต่อเนื่องไม่ขาดสายแม้ผู้เป็นบ่าวจะสิ้นลมหายใจอยู่ในหลุมศพไปแล้ว คือ:
การที่คนคนหนึ่งได้สั่งสอนเผยแผ่ความรู้, หรือขุดแม่น้ำลำธาร, ขุดบ่อน้ำ, ปลูกต้นอินทผลัม, สร้างมัสยิด, แจกจ่ายมุศหัฟ หรือ มีลูกที่คอยวิงวอนขออภัยโทษให้แก่เขาหลังจากที่เขาตายไป"
(บันทึกโดยอัล-บัซซารฺ ในกัชฟุลอัสตารฺ หะดีษเลขที่ 149 โดยเชคอัล-อัลบานีย์ระบุว่าเป็นหะดีษที่อยู่ในระดับหะสัน)
การขอดุอาอ์เป็นส่วนหนึ่งจากการงาน ดังนั้นทำไมท่านจึงขอต่อเขา (ผู้ตาย) ในสิ่งที่เขาไม่มีความสามารถ เมื่อท่านไปยังผู้ตาย แล้วท่านกล่าวว่า ท่านจงวิงวอนต่ออัลลอฮฺให้แก่ฉัน แน่นอนเขาจะไม่วิงวอนขอต่ออัลลอฮฺให้แก่ท่าน และในการกระทำดังกล่าว หากท่านกล่าวที่หลุมฝังศพของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮูอะลัยอิวะสัลลัม ท่านนบีได้โปรดขอความช่วยเหลือให้แก่ฉัน การกระทำนี้เป็นที่ต้องห้ามและเป็นการอุตริที่ถูกปฏิเสธ แต่ว่าหากท่านกล่าวว่า โอ้ท่านรอซูลุลลอฮฺได้โปรดให้ฉันรอดพ้นจากไฟนรก หากกระทำอย่างนั้นเป็นการตั้งภาคีที่ใหญ่
ที่มา: อิศรา โต๊ะการิม