ตายแล้วไปไหน ในวันสิ้นโลก(อาคีเราะฮ์) ในบริบทของอิสลาม


5,011 ผู้ชม

เมื่อวาระของโลกดุนยา สิ้นสุดลง อัลลอฮฺจะทรงให้มะลาอิกะฮฺ


เมื่อวาระของโลกดุนยา สิ้นสุดลง อัลลอฮฺจะทรงให้มะลาอิกะฮฺ ชื่อ อิสรอฟิล เป่าสัญญาณครั้งที่ 1 ทุกสิ่งจะตายหมด และเป่าสัญญาณ ครั้งที่ 2 ผู้ที่ตายไปจะฟื้นชีพขึ้น อัลลอฮฺตรัส ความว่า...
“การได้มีการเป่าในแตรสัญญาณ แล้วพวกเขาก็ออกจากกุบู้ร ไปหาพระเจ้าของพวกเขา”
(ยาซีน :51)

ในวันนั้น มนุษย์จะถูกต้อนไปรวมกันที่ทุ่งมะห์ซัร เพื่อรอคอยการชำระคดี ซึ่งจะไม่ชำระคดีกันในทันทีแต่จะต้องรออีกนาน ในช่วงเวลาการรอคอยนี้ มนุษย์ทุกคนจะต้องทุกข์ทรมานเป็นอันมาก เพราะชีวิตในตอนนั้น จะสับสน ชุลมุน วุ่นวาย และแสงแดดที่แผดเผาจนร้อยระอุไปหมด ซึ่งความร้อนที่กล่าวนี้ ถ้าเกิดขึ้นบนโลกดุนยานี้ โลกดุนยาจะเป็นเพลิงไปหมด
ในวันนั้น มนุษย์จะกระเสือกกระสน ทุรนทุราย ทุกคนจะพรั่นพรึงหวั่นวิตกและคิดแต่จะเอาตัวรอด จะไม่มีใครช่วยเหลือกันเลย ทั้งคนดีและคนชั่วจะได้รับความทุกข์ทรมานด้วยกันทั้งนั้น แต่คนดีจะได้รับความลำบากน้องกว่าคนชั่ว

ความร้อนและความน่าสะพรึงกลัวในสนามชุมนุม

ในวันกิยามะฮฺ อัลลอฮฺจะทรงรวบรวมสรรพสิ่งทั้งมวล หลังจากที่ฟื้นคืนชีพแล้ว ณ ทุ่งแห่งหนึ่ง เพื่อการพิพากษาระหว่างพวกเขา โดยพวกเขาเหล่านั้นจะอยู่ในสภาพเปลือยกายและไม่ขลิบปลายอวัยวะเพศ ในวันนั้นดวงอาทิตย์จะเข้ามาอยู่ใกล้กับศีรษะมนุษย์ จนมนุษย์นั้นมีเหงื่อไหลท่วมสูงถึง 70 ศอก บรรดามนุษย์จะมีเหงื่อไหลออกมาตามสภาพการปฏิบัติตนที่พวกเขาได้กระทำมา

1.จากอัลมิกดาด บิน อัลอัสวัด เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ เล่าว่า ฉันเคยฟังท่านรอซูล (ซ.ล) กล่าวว่า

«تُدْنَى الشَّمْسُ يَوْمَ الْقِيَامَةِ مِنَ الْخَلْقِ، حَتَّى تَكُونَ مِنْهُمْ كَمِقْدَارِ مِيلٍ فَيَكُونُ النَّاسُ عَلَى قَدْرِ أَعْمَالِهِمْ فِي الْعَرَقِ ، فَمِنْهُمْ مَنْ يَكُونُ إِلَى كَعْبَيْهِ ، وَمِنْهُمْ مَنْ يَكُونُ إِلَى رُكْبَتَيْهِ ، وَمِنْهُمْ مَنْ يَكُونُ إِلَى حَقْوَيْهِ ، وَمِنْهُمْ مَنْ يُلْجِمُهُ الْعَرَقُ إِلْجَامًا، قَالَ : وَأَشَارَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ بِيَدِهِ إِلَى فِيهِ» (أخرجه مسلم)

ความว่า “ในวันกิยามะฮฺนั้นดวงอาทิตย์จะถูกนำมาใกล้กับสรรพสิ่งทุกอย่าง จนกระทั่งใกล้กับตัวพวกเขาแค่หนึ่งช่วงระยะทาง ในวันนั้นเหงื่อของมนุษย์จะไหลออกมาตามการงานที่เขาได้ปฏิบัติ จนกระทั่งบางคนจะมีเหงื่อไหลถึงตาตุ่ม บางคนก็มีเหงื่อไหลท่วมถึงหัวเข่า บางคนก็มีเหงื่อไหลท่วมถึงบั้นเอวทั้งสอง บางคนก็มีเหงื่อท่วมมิดปิดปากของเขา ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ชี้นิ้วที่ปากของท่าน” (บันทึกโดยมุสลิม หมายเลขหะดีษ 2864)

2.จากอบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ เล่าว่าท่านรอซูล (ซ.ล) กล่าวว่า

«يَقْبِضُ اللَّهُ الأَرْضَ يَوْمَ القِيَامَةِ ، وَيَطْوِي السَّمَاءَ بِيَمِينِهِ ، ثُمَّ يَقُولُ : أَنَا المَلِكُ أَيْنَ مُلُوكُ الأَرْضِ» (متفق عليه)

ความ ว่า “อัลลอฮฺจะทรงกำโลกไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์ในวันกิยามะฮฺ และจะทรงม้วนแผ่นฟ้าไว้ทางด้านพระหัตถ์ขวาของพระองค์ ต่อจากนั้นก็กล่าวว่า ข้านี่แหล่ะคือกษัตริย์ และไหนเล่าบรรดากษัตริย์ทั้งหลายที่เคยครองแผ่นดิน” (บันทึกโดย อัลบุคอรีย์ หมายเลขหะดีษ 7382, มุสลิม หมายเลขหะดีษ 2787)

อันกรุอานได้กล่าวไว้ว่า...
"วันที่ไม่มีใครมีกำลังจะช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ และการงานทั้งหลายในวันนั้น เป็นสิทธิ์ของอัลเลาะฮ์แต่องค์เดียวเท่านั้น"
(อัลกรุอาน 82:19)

"วันที่ปราศจากประโยชน์ในทรัพย์สมบัติ และปราศจากประโยชน์ในลูกหลาน เว้นแต่ผู้ที่มาถึงอัลเลาะฮ์ด้วยหัวใจบริสุทธิ์"
(อัลกรุอาน 26:88-89)

สำหรับท่านนบีมุฮำหมัด (ซ.ล) ในวันนี้ท่านได้รับสิทธิพิเศษในการขอชาฟะอะฮ์ให้แก่มนุษย์ ให้ได้รับการพิพากษาอย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ต้องรออย่างทุกข์ทรมาน


การสอบสวน

อัลลอฮฺจะเสด็จมาตัดสินพิพากษา

อัลลอฮฺจะทรงเสด็จมาเพื่อตัดสินพิพากษา เมื่อนั้นแผ่นดินจะสว่างไสวด้วยรัศมีของพระองค์ สรรพสิ่งทั้งหลายสิ้นสติล้มไปเนื่องจากกลัวความเกรียงไกรของพระองค์

พระองค์อัลลอฮฺทรงตรัสไว้ว่า...

“หามิได้ เมื่อแผ่นดินถูกทำให้สั่นสะเทือนทลายลง และพระผู้อภิบาลของเจ้าเสด็จมาพร้อมทั้งมลาอิกะฮฺเป็นแถวๆ” (อัลฟัญจ์รฺ อายะฮฺที่ 21-22)

พระองค์อัลลอฮฺทรงตรัสไว้ว่า..
“แน่นอน พระองค์อัลลอฮฺ จะทรงตอบแทนทุกๆชีวิต ตามสิ่งที่ได้ขวนขวายไว้ เพราะแท้จริง พระองค์อัลลอฮฺนั้น เป็นผู้ทรงสอบสวนอย่างรวดเร็วยิ่ง”
(ซูเราะฮฺอิบรอฮีม อายะฮฺที่ 51)

อัลลอฮ.ตรัสไว้ความว่า...
“ดังนั้น ส่วนผู้ที่รับบันทึกของเขา ด้วยมือขวาของเขา เขาจะถูกสอบสวนเพียงเบา ๆ และเขาจะกลับไปหา ครอบครัวของเขา ด้วยความยินดี และส่วนผู้ที่รับบันทึกของเขา ทางด้านหลังของเขา เขาจะต้องเรียกว่า ความวิบัติมาถึงแล้ว เขาจะต้องเข้านรก”
(อัลอินชิก้อก - 7:12)

หลังจากนั้น จะเป็นการพิพากษาเกี่ยวกับพฤติกรรม ที่มนุษย์ได้เคยกระทำเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่บนโลกดุนยา มนุษย์จะได้เห็นบันทึกพฤติกรรมของตน ซึ่งมาลาอิกะฮ์ที่ประจำอยู่ข้างซ้ายและข้างขวาของตนเป็นผู้จดไว้ ทุกสิ่งทุกอย่างจะมีพยานให็เห็นประจักษ์อย่างชัดแจ้ง และเรื่องที่จะถูกสอบสวนเป็นอันดับแรกคือ เรื่องการละหมาด

"สิ่งแรกที่บ่าวจะถูกสอบสวนในวันฟื้นคืนชีพ จากการงานของเขาคือการละหมาด ถ้าหากว่ามันดี เขาก็จะได้รับชัยชนะ (เข้าสวรรค์) แต่ถ้าหากมันเสียหาย เขาก็จะผิดหวังและขาดทุน (ลงนรก)"
(บันทึกโดย-ติรมีซีย์)

"วันนั้นลิ้นของเขา มือของเขา เท้าของเขา จะเป็นพยานต่อเขาในสิ่งที่เขาได้กระทำใว้"
(อัลกรุอาน 24:24)

"ดังนั้น ผู้ใดปฏิบัติความดีแม้เพียงนิดเดียว เขาก็จะได้เห็นมัน และผู้ใดที่ปฏิบัติความชั่วแม้เพียงนิดเดียว เขาก็จะได้เห็นมัน"
(อัลกรุอาน อัซซัลซะละห์ :78)

ตราชูแห่งความเที่ยงธรรม

พระองค์ทรงตรัสว่า....
"และเราได้วางตราชูที่ยุติธรรมในวันกิยามะฮ์ ดังนั้นชีวิตหนึ่งชีวิตใด จะไม่ถูกอธรรม แต่อย่างใด ถึงแม้จะมีน้ำหนักเท่าเม็ดพันธ์ผัก เราก็จะนำมันมา และเป็นการเพียงพอแล้วที่เราจะเป็นผู้สอบสวน"
(อัลกรุอาน 21:47)

พระองค์ทรงตรัสในซูเราะฮฺอัลอะฮฺรอฟ อายะฮฺที่ 8 – 9 ความว่า
“การชั่งความดีความชั่วในวันกิยามะฮฺนั้น เป็นความจริง ดังนั้นผู้ใดที่ตราชูของเขาหนักด้วยคุณงามความดี พวกเขาเหล่านี้แหละคือผู้ที่ได้รับความสำเร็จ ส่วนผู้ที่ตราชูของเขาเบาไร้คุณงามความดี พวกเหล่านี้คือผู้สร้างความขาดทุนให้เกิดขึ้นแก่ตน ด้วยการที่พวกเขามิได้ให้ความเป็นธรรมต่อบรรดาโองการต่างๆของเรา"

เมื่อสอบสวนพฤติกรรมเสร็จแล้ว มนุษย์ก็จะได้รับการชั่วน้ำหนักของความดีและความชั่ว ด้วยตราชูอันเที่ยงธรรม ผู้ใดความดีหนักกว่าความชั่ว เขาจะได้เข้าสวรรค์ และผู้ใดความชั่วหนักกว่าความดี เขาก็จะต้องเข้าสู่ขุมนรก
ต่อจากนั้นจะเป็นการชดใช้หนี้สินระหว่างกัน บุคคลต่อบุคคล โดยผู่ที่ที่เคยฉ้อฉลโกงเขามาเคยฆ่าคน เคยนินทา เคยข่มเหงคนอื่น และผู่ที่ล่วงละเมิดสิทธิหรือไม่ให้ความเป็นธรรมต่อผู้อื่น จะต้องชดใช้พฤติกรรมเหล่านี้
การชดใช้ผลกรรมนั้น ผู้ที่ล่วงละเมิดผู้อื่น จะต้องเอาผลบุญความดีของตนไปชำระหนี้ยกให้อีกฝ่าย หากตนมีผลบุญแห่งความดีไม่เพียงพอ ก็จะต้องรับเอาบาปต่างๆของอีกฝ่ายมารวมเป็นของตน และผู้ที่มีแต่ความชั่วไม่เหลือความดีไว้เป็นของตนเองเลยนั้น ก็จะถูกพิพากษาให้ลงนรกอย่างแน่นอน
ดังนั้นทุกคนจะต้องระวังการละเมิดสิทธิของผู้อื่นไว้ให้มาก เพราะการที่เราล่วงละเมิดสิทธิของผู้อื่น อัลเลาะฮ์จะไม่ยกให้ นอกจากผู้ที่ถูกละเมิดจะยกโทษให้ หรือชดใช้กันเองในโลกอาคิเราะฮ์
วิธีที่จะป้องกันก็คือ อย่าไปล่วงละเมิดสิทธิของผู้อื่น แต่ถ้าเคยล่วงเกินเขามาแล้วก็รีบขออภัยเขาเสีย อย่าปล่อยให้ค้างคาจนตายจากกัน และพยายามเร่งทำความดีให้มากที่สุด

ท่านรอซู้ล ได้กล่าวไว้
ความว่า “ในวันกิยามะฮฺนั้น สิทธิต่างๆ จะถูกคืนแก่เจ้าของสิทธินั้น แม้กระทั่งแกะเขาหัก ก็จะถูกนำสิทธิมาคืนจากแกะที่มีเขา”
(บันทึกโดยมุสลิม)

ในหะดีษท่านรอซู้ล ศ็อลลัลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า..
ความว่า “ใครก็ตามที่มีสิทธิติดค้างแก่พี่น้องของเขา ไม่ว่าจะเป็นเกียรติยศ หรือสิ่งใดก็ตาม ก็จงสะสางเสียให้เรียบร้อยก่อนที่การชดใช้นั้นมันจะไม่เป็นเงินทอง โดยที่หากเขามีการงานที่ดี ก็จะถูกยึดเอาไปจากเขาตามสิ่งที่เขาได้อธรรมไว้ แล้วหากเขาไม่เหลือความดีงามอันใด เขาก็ต้องเอาความชั่วต่าง ๆ ของผู้ที่ถูกเขาละเมิดนั้นมาแบกไว้แก่ตัว”
(บันทึกโดยบุคอรียฺ)

สะพานศิรอตอลมุสตะกีม

เมื่อการพิพากษาเสร็จสินลง มนุษย์ทุกคนจะต้องเดินข้ามสะพานแห่งหนึ่งคือ ศิรอตอลมุสตะกีม (สะพานแห่งความเที่ยงธรรม) ซึ่งมีความยาวมากทอดข้ามขุมนรก โดยที่ปลายสะพานเป็นทางไปสู่สวรรค์ มนุษย์ทุกคนไม่อาจหลีกเลี่ยงการข้ามสะพานนี้ได้

จากท่านอบีฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ กล่าว่าแท้จริงท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลลัม กล่าวว่า...
“และสะพานจะถูกทอดยาวบนนรก ฉันและประชาชาติของฉันจะเป็นกลุ่มแรกที่ได้ข้ามสะพานดังกล่าว ในวันนั้นไม่มีผู้ใดเปล่งเสียงพูดคุยนอกจากบรรดาเราะสูล และบทขอพรของบรรดาเราะสูในวันนั้นคือ โอ้ อัลลอฮฺ ขอพระองค์ทรงให้ความปลอดภัย ขอพระองค์ทรงให้ความปลอดภัยด้วยเถิด”
(บันทึกโดย อัลบุคอรีย์ เลขที่หะดีษ 806 มุสลิมเลขที่หะดีษ 182 และสำนวนนี้เป็นของท่าน)

ผู้ที่จะสามารถข้ามไปได้คือ ผู้ที่ทำแต่ความดีละเว้นความชั่ว ส่วนผู้ที่ทำความดีไว้น้อยก็จะข้ามอย่างยากลำบาก
ท่านผู้รู้ได้กล่าวถึงการลักษณะการข้ามสะพานนี้ว่า...
บางคนข้ามสะพานได้ชั่วพริบตา บางคนเหมือนสายฟ้าแลบ บางคนเหมือนม้าวิ่ง แต่บางคนต้องกระเสือกระสนคลานกระเทิบไป ทั้งนี้สุดแต่ผลกรรมที่ตนได้กระทำไว้ เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ในโลกดุนยา
ในขณะที่ข้ามสะพานกันนั้น ทุกคนจะมีแต่ความหวั่นวิตก เป็นทุกข์ว่าจะข้ามไม่ได้ บรรยากาศจะเงียบ ได้ยินแต่เสียงบรรดารอซูลซึ่งได้ข้ามกันไปก่อนแล้วกล่าวขอดุอาต่ออัลเลาะฮ์ว่า "โอ้ อัลเลาะฮ์ ได้โปรดให้ประชากรของข้าพระองค์ปลอดภัยด้วยเถิด"

มุสลิมรู้ว่าวันกิยามะฮฺนั้น ต้องมีการสอบสวนลงโทษ และรู้ถึงวิธีการชำระความ การละเมิด และความเลวทรามต่างๆดี ก็เป็นสิทธิของเขาที่จะทบทวนตนเองก่อนที่จะถูกสอบสวน ดังเช่นที่ท่านอุมัร ร่อฎิยัลลอฮุอันฮฺได้กล่าวไว้ว่า..
“พวกท่านทั้งหลายจงสอบสวนทบทวนตนเองก่อนที่พวกท่านทั้งหลายจะถูกสอบสวนคิดบัญชี และพวกท่านทั้งหลายจงเตรียมตัวให้ดี เพื่อวันแห่งการสอบสวนอันยิ่งใหญ่”

บทความที่น่าสนใจ:

อัพเดทล่าสุด