เป็นภรรยาในอิสลาม ดีอย่างไร เรียนรู้หน้าที่สามีในอิสลาม เมื่อแต่งงานกับสามีอิสลามแล้วสิ่งที่จะได้รับจากสามีในอิสลาม คือหน้าที่ของสามี
หน้าที่ของสามีต่อภรรยาบนคำสอนในอิสลาม
เป็นภรรยาในอิสลาม...ดีอย่างไร
เรียนรู้หน้าที่สามีในอิสลาม เมื่อแต่งงานกับสามีอิสลามแล้วสิ่งที่จะได้รับจากสามีในอิสลาม คือ..หน้าที่ของสามี
1. เลี้ยงดูภรรยาบนพื้นฐานของความถูกต้อง
ความสุขของครอบครัว ไม่ได้อยู่ที่ความหรูหรา ฟู่ฟ่า และมิได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่งความเป็นวัตถุนิยม สิ่งเหล่านี้ ถือเป็นกระพี้และความจอมปลอมของชีวิต จิตสำนึกของความเป็นสามีที่ดีนั้นจะ "ต้องพยายามหล่อหลอมให้คนในครอบครัวเกิดความรู้สึกภูมิใจ" ที่ได้อยู่กับความถูกต้องบริโภคอาหารที่หะลาล ใส่เสื้อผ้าที่เป็นที่อนุมัติมีเครื่องอุปโภคบริโภค ที่อยู่ในกรอบแห่งความถูกต้องความภูมิใจที่เกิดขึ้นในลักษณะเช่น จะเป็นปราการสกัดกั้นความไม่ถูกต้อง ออกไปจากวงจรแห่งชีวิตโดยสมาชิกในครอบครัวจะรู้สึกรังเกียจอย่างยิ่ง ที่จะแตะต้องเครื่องอุปโภคบริโภคที่เป็นสิ่งต้องห้ามตามหลักการอิสลาม
การเป็นสามีตามแบบอย่างของอิสลามจึงมิได้หมายถึงการเลี้ยงดูปรนเปรอครอบครัวอย่างมีความสุขโดยขาดการพิจารณาว่าสิ่งต่างๆ เหล่านั้นว่างอยู่บนพื้นฐานแห่งความถูกต้องหรือไม่
ท่านนบีมุหัมมัด ศ็อลฯ ได้ตอบคำถามท่านมุอาวียะฮฺเกี่ยวกับหน้าที่ของสามีว่า อัน ตุฏอิมะฮา อิซา เฏาะอิมตะ วะตักสูฮา อิซักตะสัยตะ วะลาตัฏริบิล-วัจญ์ฮะ วะลาตุก็อบบิหฺ วะลา ตะฮฺญุรฺอิลลา ฟิล-บัยต์
คำแปล :เมื่อท่านบริโภคอาหาร ท่านจะต้องหาอาหาร (ที่หะลาล)ให้แก่เธอ และเมื่อท่านสวมใส่เสื้อผ้าอาภรณ์ (ที่หะลาล)ให้แก่เธอและท่านอย่าตบใบหน้าของเธอ และ"ท่านอย่าหยาบคายกับเธอ" และอย่าได้ทอดทิ้งเธอ โดยท่านจะต้องอยู่กับเธอในบ้าน (รายงานโดย อบู ดาวุด
2. ให้ความสุขและความอบอุ่นแก่ภรรยาชีวิตคู่
มิใช่เพียงการมอบความสุขและความอิ่มเอิบใจในด้านวัตถุเท่านั้นแต่ธรรมชาติของมนุษย์ปรารถนาความสุขและความอบอุ่นทางด้านจิตใจด้วยแม้จะได้รับความสะดวกสบายด้วย ความเครื่องอุปโภคและบริโภคขนาดไหนก็ตามแต่หากจิตใจขาดน้ำหล่อเลี้ยง แห่งความอบอุ่นและความสุข ชีวิตคงจะเป็นดั่งเช่น คนเป็นอัมพาตที่ถูกทอดทิ้งให้อยู่กับเครื่องอำนวยความสะดวกเพียงลำพัง เพื่อรอวันที่ลมหายใจจะหมดไปจากเรือนร่าง การหล่อเลี้ยงครอบครัวด้วยความสุข และความอบอุ่นจึงเป็นเสมือนยาวิเศษ ที่จะทำให้คู่ชีวิต หรือซังกะตายแห่งความเป็นอยู่ อันเป็นเหมือนรกในใจมนุษย์ ซึ่งทุกคนปรารถนาอย่างยิ่งยวดที่จะหลุดพ้นไปจากมัน
ในหลักการอิสลามถือว่าการทำทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่บนพื้นฐานของความถูกต้อง ที่เป็นผลให้คนในครอบครัวได้รับความสุข และความอบอุ่นใจนั้น ถือเป็นกุศล ท่านที่ปฏิบัติสิ่งนี้ จะได้รับผลตอบแทนถึงแม้ว่าสิ่งที่ทำลงไปจะเป็นสิ่งเล็กน้อยก็ตาม
ท่านเราะสูลฯ ศ็อลฯ ได้กล่าวว่า :กุลลุ มะอ์รูฟิน เศาะดะเกาะฮฺ
คำแปล : ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นความดี ถือเป็นกุศลทาน (รายงานโดยมุสลิม จากท่านญาบีรฺ อิบนุ อับดิลลาฮฺ) มิสลันตา
3. อย่าเอาหูไปนา-เอาตาไปไร่
ผู้ที่ตัดสินใจสมรส ถือว่าเป็นผู้กล้าหาญ ที่จะเข้ามารับผิดชอบภรรยาของตนเองทั้งชีวิตไม่ว่าจะในด้านการบริโภคอุปโภค การให้ความสุข และความอบอุ่น การปกป้องดูแลการรักษาเกียรติยศ ฯลฯทั้งหมดนี้ จะต้องอาศัยการเอาใจใส่และการดูแลอย่างพิถีพิถัน "ซึ่งเป็นหน้าที่ผู้เป็นสามีจะปล่อยปละละเลยไม่ได้อย่างเด็ดขาด "
ในหลักการอิสลามถือว่า การเอาใจใส่ต่อคนในครอบครัวหมั่นตรวจสอบดูแลสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในครอบครัวและพยายามแก้ไขปรับปรุงข้อผิดพลาดต่างๆให้ดีขึ้น อีกทั้งพยายามเสริมส่วนที่ดีงามให้เพิ่มพูนมากขึ้น ทั้งหมดนี้คือหน้าที่ ที่ผู้เป็นสามีจะต้องเอาใจใส่ ส่วนการปล่อยปละละเลย เอาหูไปนาตาไปไร่ ไม่สนใจว่าอะไรเกิดขึ้นแก่ครอบครัวหรือคนในครอบครัวจะปฏิบัติตนอย่างไร ก็ไม่เคยกล่าวตักเตือน ไม่เคยแนะนำในสิ่งที่เป็นความดีลักษณะเช่นนี้ถือเป็นความอัปยศแห่งความรับผิดชอบ และเป็นความเสื่อมเสียทางจิตสำนึกที่อิสลามประณามคนเหล่านี้มาก
ท่านเราะสูลฯ ศ็อลฯ กล่าวว่า :.ษะลาษะตุน ยันซุรุลลอฮฺ อิลัยฮิมเยามัลกิยามะฮฺ อัลอากฺกุ ลิวาลิดัยฮิ วัลมัรฺอะตุลมุตะร็อจญิละตุล มุตะชับบิฮะตุ บิรฺริญาลิ วัดดัยยูษ
คำแปล : มีบุคคล 3 ประเภทที่อัลลอฮฺ สุบหฯ จะไม่ทรงมองเขาด้วยความเมตตาในวันกิยามะฮฺได้แก่บุคคลที่เนรคุณต่อพ่อแม่ สตรีที่เลียนแบบผู้ชาย และสามีที่ไม่สนใจใยดี (เอาหูไปนา-เอาตาไปไร่) ต่อภรรยา. มิสลันตา
4. อย่าสบประมาทหรือเหยียดหยาม
ขึ้นชื่อว่า มนุษย์ไม่ว่าจะเป็นบุคคลอยู่ในฐานะใด ตำแหน่งใด ชนชั้นใดและเชื้อชาติใด ก็ตามหรือแม้กระทั่งบุคคลให้คำนิยามว่า เขาเป็นบุคคลที่ต่ำต้อยที่สุดและไร้ซึ่งเกียรติยศอันพึงมีสำหรับมนุษย์ก็ตาม บุคคลทุกชั้นต้องรังเกียจประณาม การสบประมาทและการเหยียดหยามไม่ว่าจะมาจากคำพูดหรืออากัปกริยาก็ตาม
ภรรยาก็คือมนุษย์คนหนึ่ง ที่แน่นอนย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสียปะปนอยู่ในตัวหากในส่วนที่เป็นข้อเสียได้รับความสบประมาทหรือเหยียดหยามจากผู้เป็นสามีอยู่ตลอดเวลาย่อมส่งผลโดยตรงต่อภรรยา ในสิ่งที่จะทำให้เกิดการเสียกำลังใจ และ ท้อแท้ในที่สุด อิสลามจึงถือว่าการสบประมาทหรือการเหยียดหยามจะไม่เป็นผลดีกับใครทั้งสิ้นและความรังเกียจเดียดฉันท์ ก็จะเข้าครอบงำชีวิต
จนในที่สุดชีวิตคู่ฉันสามีภรรยาก็จะดำเนินอยู่บนความทุกข์ระทมยิ่ง
ท่านเราะสูลฯ ศ็อลฯได้กล่าวว่า :.บิหัสบิม-ริอิม มินัชชัรฺริ อัย-ยะหฺกิเราะ อะคอฮุล-มุสลิม
คำแปล :นับเป็นความชั่วที่มากพอแล้วสำหรับบุคคลหนึ่งที่เหยียดหยามพี่น้องร่วมศรัทธาของเขามิสลันตา
5. ให้ของขวัญแก่ภรรยาบ้าง
ในบางโอกาสทุกคนปรารถนาที่จะได้รับของขวัญจากผู้ที่เป็นที่รักของตนเองแม้ว่าสิ่งนั้นจะเล็กน้อยหรืออาจจะมีราคาไม่สูงนักก็ตามเพราะการได้รับของขวัญจากผู้ที่ตนเองรัก ย่อมทำให้เกิดความรู้สึกดีๆ ในหลายๆด้านอาทิ : เราเป็นคนสำคัญสำหรับเขา เราเป็นผู้ที่เขานึกถึง และเป็นห่วงเราเป็นผู้ที่เขามอบความปรารถนาดีให้ และเป็นสายใยที่จะเชื่อมสัมพันธ์ ระหว่างผู้ให้และผู้รับอย่างเหนียวแน่นบนพื้นฐานแห่งความรักและความห่วงใยความดีงามในลักษณะเช่นนี้น่าเป็นสิ่งผลักดันให้ผู้ที่เป็นสามีหันมาใคร่ครวญและเอาใจใส่ แล้วเหตุไฉนสามีจึงไม่มอบของขวัญให้ภรรยาของตนเองบ้างในบางโอกาส ทั้งที่มันเป็นผลอย่างมากที่เดียว ในการสร้างความสุขให้แก่นาง
ท่านเราะสูลฯ ศ็อลฯ ได้สอนว่า :อินนะ อะหับบุล-อะอ์มาลิ อิลัลลอฮฺตะอาลา บะอ์ดัล-ฟะรออิฎิ อิดคอลุส-สะรูริ อะลัลมุสลิม
คำแปล :การงานที่ประเสริฐที่สุด ณ อัลลอฮฺ สุบหฺฯ หลังจากสิ่งที่เป็นฟัรฺฎู(ข้อบังคับ) คือการนำความสุขไปสู่พี่น้องมุสลิม(รายงานโดยอัฏ-ฏ็อบรอนี) มิสลันตา
6. อย่าเปิดโปงเรื่องบนเตียง
อิสลามถือว่าเป็นสิ่งที่อัปยศที่สุด ที่บุคคลหนึ่งได้นำเอาเรื่องบนเตียงมาพูดคุยให้ผู้อื่นได้รับรู้เรื่องส่วนตัวในลักษณะเช่นนี้ จะต้องเป็นความลับของการใช้ชีวิตคู่ฉันสามีภรรยาหากถูกนำมาเปิดเผยหรือสาธยายให้ผู้อื่น ได้รับรู้จะเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความอับอายขายหน้ และยังความกระอักกระอ่วมใจมาสู่ความรู้สึกของภรรยาอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น โดยเฉพาะผู้ที่เป็นสตรี ย่อมทุกข์ระทมใจและอับอายขายหน้ามากกว่าบุรุษหลายเท่า ดังนั้น-ความสุขส่วนตัวในเรื่องนี้ จึงเป็นสิ่งที่อิสลามกำชับให้ผู้ศรัทธาสงวนไว้ให้เป็นเรื่องระหว่างสามีและภรรยาเท่านั้น
ท่านเราะสูลฯ ศ็ฮลฯ ได้สอนว่า :
คำอ่าน : อินนะ ชัรฺร็อน-นาสะอินดัลลอฮิ มันซิละตัน เยามัล-กิยามะฮฺ : อัรฺเราะญุลยุฟฎี อิลัล-มัรฺอะติ วะตุฟฎี อิลัยฮฺ ษุมมะ ยันซุรุ สิรฺเราะฮา
คำแปล : แท้จริง-มนุษย์ที่ถือว่าเป็นผู้ที่มีตำแหน่งเลวทรามที่สุด ณอัลลอฮฺ สุบหฺฯ ในวันกิยามะฮฺคือ บุลคลที่มาร่วมหลับนอนกับภรรยาของเขา และเธอก็ตอบสนองเขาเป็นอย่างดี ภายหลังจากนั้นเขาได้เปิดเผยความลับส่วนตัวของเธอ. (รายงานโดย : มุสลิม)
7.ตรวจสอบการใช้จ่ายของครอบครัว
ไม่เพียงแต่การแสวงหารายได้เท่านั้น ที่ทุกคนจะต้องถูกสอบสวนอย่างเข้มงวดในวันกิยามะฮฺ แต่การใช้จ่ายจากทรัพย์ที่ได้มา ในหนทางต่างๆก็จะถูกสอบสวนอย่างละเอียดเช่นกันหน้าที่ประการสำคัญของสามี ที่เกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่ของครอบครัวก็คือ "การแสวงหารายได้ด้วยหนทางที่หะลาล(ถูกต้อง)แล้วมาจุนเจือครอบครัว " และ เมื่อได้รับ ริซกี(ปัจจัยยังชีพ)ที่หะลาลแล้ว มิได้หมายความว่าสิทธิในการใช่จ่ายทรัพย์สินที่หามาได้นั้นจะถูกวางอยู่ใต้ความปรารถนาหรือตามอำเภอใจ ของผู้เป็นเจ้าของทรัพย์นั้นเพียงอย่างเดียว แต่ทุกสิ่งที่ใช้จ่ายออกไปจะต้องอยู่ในกรอบแห่งสัจธรรม และ อยู่ในอิสลามอย่างเคร่งครัดเพราะทรัพย์ที่จ่ายออกไปแต่ละบาทจะถูกสอบสวนอย่างละเอียดว่ามีความฟุ่มเฟือยจ่ายไปในหนทางที่มีประโยชน์ไหม ฯลฯ ทั้งหมดนี้ผู้เป็นสามีจะต้องพยายามสอดส่อง ดูแล และตรวจสอบให้รอบคอบ
ท่านเราะสูลฯ ศ็อลฯ ได้กล่าวว่า :
คำอ่าน : ลา ยะซูลุ เกาะดะมับนิอาดะมะ เยามัลกิยามะติ มิน อินดิ ร็อบบิฮี หัตตา ยุสอะละ อันค็อมสินอัน อุมริฮี ฟีมะ อัฟนาฮุ วะอันชะบาบิฮี ฟีมะ อับลาฮุ วะอันมาลิฮี มินอันอิกตะสะบะ วะฟีมะอันฟะเกาะฮู วะมาซา อะมิละ ฟีมะอะลิมะ
คำแปล : เท้าทั้งสองของมนุษย์จะยังคงอยู่กับที่ ณ อัลลอฮฺ สุบหฺฯในวันกิยามะฮฺจนกว่าเขาจะถูกสอบสวน 5 ประการ คือถูกสอบสวนเรื่องอายุไขแห่งชีวิตว่าเขาใช่มันหมดไปกับอะไรและใช้จ่ายไปในเรื่องใด และถูกสอบสวนว่าได้ทำอะไรกับความรู้ที่มีอยู่(รายงานโดย ติรฺมิซี)
8. เป็นแบบอย่างที่ดี
แบบอย่างที่ดีนั้น มีคุณค่ามากกว่าการพร่ำสอนการสอนให้ผู้อื่นทำบางอย่าง "แต่ผู้สอนกลับไม่เคยสนใจที่จะปฏิบัติในสิ่งที่ตนเองสอนนั้น มักจะทำให้กระบวนการสอนของเขาล้มเหลว" และจะทำให้คุณค่าของสิ่งที่ถูกสอน ถูกมองด้วยความรู้สึกที่ด้อยค่าไปในทันที จะอย่างไรก็ตามการเป็นแบบอย่างที่ดีจะมีคุณค่าในตัวเองเสมอ ไม่ว่าจะอยู่ในเรื่องใดก็ตามหากสังเกตกระบวนการ แห่งการดำเนินชีวิตของท่านนบีแล้วจะพบว่า"ท่านนีเป็นแบบอย่างแก่คนในครอบครัวในทุกๆด้าน" ไม่ว่าจะเป็นกิริยามารยาท การปฏิบัติตนในเรื่องอิบาดะฮฺ การคบค้าสมาคมการร่วมทุกข์ร่วมสุขกับครอบครัว การตักเตือนที่ดีและการอดทนต่อวิกฤติต่างๆ ฯลฯสิ่งต่างๆเหล่านี้คือ แบบอย่างที่ดีงาม ที่ผู้ศรัทธาทุกคนจะต้องพยายามหมันฝึกฝนตนเองให้มีคุณลักษณะตามแบบอย่างเหล่านี้ให้ได้
อัลลอฮฺ (ซบ.) ได้ตรัสว่า :ละก็อด กานะ ละกุม ฟี เราะสูลิลลาฮิอุสวะตุน หะสะนะฮฺ (อัลอายะฮฺ)
คำแปล :โดยแน่นอนยิ่ง-ในตัวของท่านเราะสูล ศ็อลฯ นั้นเป็นแบบอย่างที่ดียิ่ง แก่เจ้าทั้งหลาย(สูเราะฮฺ อัล-อะหฺซาบ อายะฮฺที่21) มิสลันตา
9. มีเวลาส่วนตัวเพื่อภรรยาอย่าใช้ชีวิตหมกมุ่นอยู่กับการงาน
โดยขาดเติมน้ำหล่อเลี้ยงแห่งความสุขให้แก่ชีวิตการปล่อยให้ความรักที่เคยหอมหวาน และความผูกพันที่แน่นแฟ้นหย่อนยานไปกับเวลาเสมือนดั่งต้นไม้ที่ขาดปุ๋ยนั้น เป็นสิ่งที่จะทำลายความราบรื่นและความสงบสุขของชีวิตการไม่หาเวลาส่วนตัวเพื่อกันและกัน มักจะทำให้ความหวานชื่นแห่งชีวิตคู่ที่เคยอยู่ถูกลบไปจากชีวิตอย่างน่าใจหายจึงทำให้การอยู่ร่วมกันฉันสามีภรรยานับวันยิ่งเพิ่มความซังกระตายและความหน่ายแหนงให้แก่ชีวิตคู่ ทำไมไม่เรียกความหอมหวาน และความผาสุกแห่งชีวิตเสมือนดั่งในอดีตกลับคืนมาล่ะ
ช่วงแรกๆของการเริ่มต้นใช้ชีวิตคู่ มักได้รับความสนใจต่อการมีเวลา ส่วนตัวให้แก่กันและกันเสมอ ชีวิตในยามนั้นมีแต่ความผาสุกและความหอมหวานไม่ยากเลยที่จะเรียกความผาสุกดังกล่าวกลับคืนมาอีกครั้ง หากสนใจที่จะทำ ลองมาพิจารณาตัวอย่างของท่านเราะสูลฯ ศ็อลฯ ในเรื่องนี้ดูบ้าง
คำอ่าน :อัน อาอิชะฮฺ อันนะฮา กานัต มะอะ เราะสู ลิลลาฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะ สัลละมะ กอละ :สาบักตุฮู ฟะสะบักตุฮู อะลา ริจญ์ ลัยยะฟะลัมมา หะมิลตุล ละหฺมะ สาบักตุฮู ฟะสะบะเกาะนีกอละ ฮาซิอี
บิติลกะ.
คำแปล :จากท่านหญิงอาอิชะฮฺ แท้จริง-ท่านอยู่ร่วมกับท่านเราะสูลฯ ศ็อลฯ ในระหว่างการเดินทางครั้งหนึ่งเธอกล่าวว่า ฉันเคยวิ่งแข่งกับท่านเราะสูลฯ ศ็อลฯ ปรากฏว่าฉันชนะท่านเราะสูลฯด้วยกับเท้าทั้งสองของฉัน และเมื่อเวลาผ่านไปฉันอ้วนขึ้นฉันได้วิ่งแข่งกับท่านเราะสูลฯ ศ็อลฯ อีกครั้งหนึ่งคราวนี้ท่านเราะสูลมีชัยชนะเหนือฉัน และท่านเราะสูลฯศ็อลฯ ได้กล่าวว่า ครั้งนี้เป็นการเสมอกันกับครั้งที่แล้ว.(รายงานโดย อบู ดาวูด)
10. อย่าจ้องจับผิด
พฤติกรรมของการจ้องจับผิด เป็นพฤติกรรมที่จะนำไปสู่ความล้มเหลวของระบบครอบครัวสามีภรรยาบางคู่จ้องจับผิดกันด้วยเรื่องเล็กๆน้อยๆ จนเป็นสาเหตุให้เกิดความร้าวฉานอย่างใหญ่หลวงพึงทราบเถิดว่าไ ม่มีผู้ใดรอดพ้นไปจากความบกพร่องและความผิดพลาดได้
ดั่งที่ท่านเราะสูลฯ ศ็อลฯ ได้กล่าวเปรียบเทียบเอาไว้ว่า"มนุษย์ที่ได้เกิดมาบนโลกดุนยานี้ ไม่สามารถหลีกหนีข้อบกพร่องไปได้ ดั่งเช่นผู้ที่ใช้เท้าเปล่าเดินลุยน้ำ เท้าของเขาย่อมเปียกน้ำอย่างแน่นอน"
ดังนั้น- จึงไม่มีมนุษย์คนใดสมบูรณ์และไร้มลทิน การจ้องจับผิดกัน จึงเป็นสิ่งที่น่าจะถูกกำจัดให้สิ้นซากไปจากจิตสำนึกของผู้ศรัทธาได้แล้วเพราะมันเป็นตัวบ่อนทำลายความสงบสุขของครอบครัวอย่างแท้จริง
ท่านเราะสูลฯ ได้กล่าวว่า :
คำอ่าน :ลา ยัฟริกุ มุอ์มินุน มุอ์มินะตันอินกะริฮะ มินฮา คุลุก็อน เราะฎิยะ มินฮา อาค็อรฺ
คำแปล :สามีผู้ศรัทธาจะต้องไม่ชิงชัง (ถือสาหาความเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง) ต่อภรรยาของตัวเองหากเขารังเกียจนิสัยบางอย่างของนาง ก็ยังมีสิ่งอื่นๆ จากนางอีกที่จะสร้างความพอใจให้แก่เขา(รายงานโดย
มุสลิม)
ที่มา: muslimchiangmai.net