ท่านนั่งรับประทานอาหารโดย งอเข่าสองข้างและให้ฝ่าเท้าซ้ายอยู่บนหลังเท้าขวา เป็นการแสดงความนอบน้อมต่อผู้เป็นเจ้าที่ยิ่งใหญ่ แสดงมารยาทที่ดีต่อหน้าพระองค์ ให้เกียรติต่ออาหารและผู้ที่ร่วมรับประทาน
ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า “ฉันรับประทานอาหารเช่นเดียวกับบ่าวทาส” โดยที่ท่านนั่งชันเข่าขณะรับประทานอาหาร (เศาะเฮียหฺมุสลิม 148/2044)
มีรายงานว่าท่านนั่งรับประทานอาหารโดย งอเข่าสองข้างและให้ฝ่าเท้าซ้ายอยู่บนหลังเท้าขวา เป็นการแสดงความนอบน้อมต่อผู้เป็นเจ้าที่ยิ่งใหญ่ แสดงมารยาทที่ดีต่อหน้าพระองค์ ให้เกียรติต่ออาหารและผู้ที่ร่วมรับประทาน
ท่านี้ถือเป็นท่าที่มีประโยชน์มากที่สุดท่าหนึ่งในการรับประทานอาหาร เนื่องจากอวัยวะต่าง ๆ ในการย่อยอาหารได้เรียงตัวกันอย่างเป็นธรรมชาติตามที่อัลลอฮฺได้กำหนดไว้ จึงเป็นการดีที่สุดสำหรับมนุษย์ที่จะรับประทานอาหารโดยให้อวัยวะต่าง ๆ อยู่ตามตำแหน่งของมันอย่างถูกต้อง
และท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ยังได้กล่าวอีกว่า “จงอย่ารับประทานขณะที่ท่านกำลังนอนตะแคงอยู่” (เศาะเฮียหฺบุคอรี 5398) ซึ่งเป็นอิริยาบทที่แย่ที่สุดในการรับประทานอาหาร
เนื่องจากระบบร่างกายจะเบียดเสียดกัน ทำงานไม่สะดวก กระเพาะไม่ได้อยู่ในลักษณะธรรมชาติของมันโดยถูกเบียดอยู่ระหว่างท้องกับพื้นดิน รวมถึงอวัยวะย่อยอาหารอื่น ๆ และอวัยวะที่ใช้ในการหายใจด้วย
สุนนะฮฺในการรับประทานอาหาร ของท่านนบี (ซ.ล.)
การรับประทานอาหารด้วยมือเป็นสุนนะฮฺของท่านนบีมุฮัมมัด (ศ็อลฯ) และยังส่งเสริมให้เลียนิ้วภายหลังรับประทานอาหารเสร็จ หลักฐาน
หลักฐานที่หนึ่ง
ท่านกะอฺบ์ บุตรของมาลิกเล่าว่า:
كان رسول الله صلى الله عليه وسلم يأكل بأصابعه الثلاث و يلعقهن
ความว่า "ปรากฏว่าทานรสูลุลลอฮฺรับประทานโดยใช้สามนิ้ว (หลังจากประทานเสร็จแล้ว)
ท่านรสูลจะเลียนิ้วทั้งสาม" (บันทึกโดยติรฺมิซีย์)
บางหะดีษก็ระบุว่าท่านนบีรับประทานอาหารทั้งห้านิ้ว
หลักฐานที่สอง
ท่านอนัส เล่าว่า:
" كان النبي صلى الله عليه وسلم إذا أكل طعاما لعق أصابعه الثلاث "
ความว่า "ปรากฏว่าท่านนบีมุหัมมัดรับประทานอาหารเสร็จแล้วจะเลียนิ้วทั้งสาม" (บันทึกโดยติรฺมิซีย์)
นิ้วทั้งสามได้แก่ นิ้วหัวแม่มือ,นิ้วชี้ และนิ้วกลาง) โดยท่านนบีให้เหตุผลซึ่งถูกระบุให้หะดีษบทอื่นว่าข้าวนั้นมีบะเราะกะฮฺ (ความจำเริญ) แต่เราไม่รู้เม็ดไหนมีความจำเจิญ ดั่งนั้นจึงต้องรับประทานข้าวให้หมดทุกเม็ดนั่นเอง
การกินข้าวกับถาดถือเป็นสุนนะห์
หลักฐาน
1.ท่านอะบูดาวูด รายงานจากท่านญาบิร
أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ أَخَذَ بِيَدِ مَجْذُومٍ فَوَضَعَهَا مَعَهُ فِي الْقَصْعَةِ
كُلْ ثِقَةً بِاللَّهِ وَتَوَكُّلًا عَلَيْهِ وَقَالَ
ความว่า "แท้จริงท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้จับมือผู้เป็นโรคเรื้อน แล้วจับวางมือนั้นพร้อมกับท่านนบีในถาดหนึ่ง และกล่าวว่า ท่านจงรับประทานโดยไว้วางใจต่ออัลเลาะฮ์และมอบหมายต่อพระองค์เถิด" (3424) ฮะดิษซอฮิหฺ
ฮะดิษนี้ชี้ให้เห็นว่าท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม มีความนอบน้อมถ่อมตนในการร่วมรับประทานอาหารถาดเดียวกันกับผู้ที่ถูกบะลาและชี้ให้เห็นว่าการรับประทานพร้อมกับผู้ที่ได้รับบะลาในถาดเดียวกันนั้นเป็นที่อนุญาต แล้วบุคคลที่ปกติย่อมอนุญาตและเป็นซุนนะฮ์ยิ่งกว่า
2.ท่านอิมามอะห์มัด ได้รายงานจากท่านอิบนุอับบาสความว่า
عَنْ النَّبِيِّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ أَنَّهُ قَالَ كُلُوا فِي الْقَصْعَةِ مِنْ جَوَانِبِهَا وَلَا تَأْكُلُوا مِنْ وَسَطِهَا فَإِنَّ الْبَرَكَةَ تَنْزِلُ فِي وَسَطِهَا
ความว่า จากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ท่านได้กล่าวว่า พวกท่านจงรับประทานในถาดหนึ่งจากบรรดาด้านข้างของมัน และพวกท่านอย่ารับประทานจากตรงกลางของมัน เพราะความสิริมงคลจะลงมาตรงกลางถาด" (2313) ท่านอิมามอัสสะยูฏีย์กล่าวว่า "ฮะดิษนี้ฮะซัน" ไว้ในหนังสืออัลญาเมี๊ยะอัศศ่อฆีรของท่านในฮะดิษที่ (6399)
3.ท่านอัตติรมีซีย์ ได้กล่าวรายงานว่า
عَنْ عَائِشَةَ ، قَالَتْ : كَانَ النَّبِيُّ صلى الله عليه وسلم يَأْكُلُ الطَّعَامَ فِي سِتَّةٍ مِنْفَجَاءَ أَعْرَابِيٌّ ، فَأَكَلَهُ بِلُقْمَتَيْنِ ، فَقَالَ رَسُولُ اللهِ صلى الله عليه وسلم : لَوْ سَمَّى لَكَفَاكُمْ أَصْحَابِهِ
ความว่า จากท่านหญิงอาอิชะอ์ ร่อฏิยัลลอฮุอันฮา ท่านนางได้กล่าวว่า "ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม รับประทานอาหารกับซอฮาบะฮ์ 6 คน ดังนั้นมีชายชนบทคนหนึ่งได้มา แล้วร่วมรับประทานอาหาร 2 คำ (แบบมากๆ) ท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จึงกล่าวว่า หากเขากล่าวบิสมิลลาฮ์ แน่นอน อาหารก็จะเพียงพอแก่พวกท่าน" (1781) ท่านอัตติรมีซีย์กล่าวว่า ฮะดิษฮะซันซอฮิห์
ดุอาอฺรับประทานอาหาร
اََللّهُمَّ بَاِركْ لَنَا فِيمَا َرَزْقتَََنَا َوِقَِنَا عَدابَ النََّاِر
ความว่า : ข้าแด่อัลลอฮฺ ได้โปรดประทานความเพิ่มพูนให้แก่เรา ในสิ่งที่พระองค์ท่านได้ประทานเป็นปัจจัยยังชีพแก่เรา และได้โปรดพิทักษ์คุ้มครองเราให้พ้นจากการลงโทษของไฟนรก
ดุอาอฺหลังจากรับประทานอาหาร
الحَمْدُ لله اَّلدِيْ أطَْعَمَنَا وَسقَا نَا َوجَعَلَنَا مُسْلِمين
ความว่า : มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิแด่อัลลอฮฺ ซึ่งได้ให้เรารับประทานอาหาร และได้ให้เราดื่มน้ำ และได้ดลบันดาลให้เราเป็นมุสลิม