รู้สึกปัสสาวะเล็ดในขณะละหมาด ควรปฏิบัติอย่างไร?


38,310 ผู้ชม

เมื่อรู้สึกว่ามีปัสสาวะออกมา แล้วเราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าไม่เสียน้ำละหมาด เพราะในการปฏิบัติศาสนกิจนั้นมีข้อห้ามต่างๆ มากมาย


รู้สึกปัสสาวะเล็ดในขณะละหมาด ควรปฏิบัติอย่างไร?


การที่เรารู้สึกว่า มีปัสสาวะออกมานั้นไม่เสียน้ำละหมาด และไม่อนุญาตให้เขาออกจากการละหมาดที่เป็นวายิบ ( จำเป็นต้องทำต่อ ) เพียงแค่สงสัยเท่านั้น


ให้ถือเอาสิ่งที่เราแน่ใจ (เรียกว่า อะซ้อล เดิม) ส่วนสิ่งที่เราสงสัยนั้นให้ทิ้งไปเสีย


กฎนิติศาสตร์อิสลาม "ความแน่นอนจะไม่หายไปด้วยกับการสงสัย"


ความหมายคือ หากสงสัยว่าเสียน้ำละหมาดหรือยัง ก็ให้ยึดหลักเดิม คือยังไม่เสีย เพราะเดิมที เขาอาบน้ำละหมาดและยังคงมีน้ำละหมาดอยู่ แต่ถ้าหากสงสัยว่าอาบน้ำละหมาดแล้วหรือยังนั้น ก็ให้ยึดหลักเดิมเช่นกันคือ ยังไม่ได้อาบน้ำละหมาด เพราะเดิมแล้วยังยังไม่ได้อาบ


เพราะได้มียืนยันจากท่านนบีมูฮัมมัด (ซ.ล.) ว่าเขาได้ถูกถามจากชายคนหนึ่งพบว่ามีสิ่งหนึ่งในละหมาด ท่านนบี(ซ.ล.) กล่าวว่า "อย่าพึ่งออกจากละหมาดจนกว่าเขาจะได้ยินเสียงหรือพบว่ามีกลิ่นออกมา และส่วนเมื่อเขาแน่ใจว่ามีปัสสาวะออกมายังภายนอกอวัยวะเพศ แน่นอนเขาได้เสียน้ำละหมาดแล้วจำเป็นเขาต้องทำการล้างให้เกลี้ยง นอกจากเขาเป็นโรคปัสสาวะเล็ดประจำฉะนั้นการละหมาดของเขาไม่เสียเมื่อเขาทำการอาบน้ำละหมาดทุกๆเวลา"


ถึงแม้ว่าขณะละหมาดอยู่จะมีปัสสาวะเล็ดออกมาติดผ้าเราต้องมีวิธีป้องกันด้วยเช่น ต้องนุ่งกางเกงใส่แผ่นอนามัย


ฮุกุ่มของผู้เป็นโรค ปัสสาวะกระปิดกระปอยนั้น เหมือนกับผู้ทำตะยัมมุม คือ ให้การทำอาบน้ำละหมาดทุก ๆ ละหมาดฟัรดู 5 เวลา ส่วนละหมาดสุนัตนั้นได้กระทำได้ตามที่ต้องการด้วยน้ำละหมาดเดียว


แต่เมื่อผู้เป็นโรคปัสสาวะกระปิดกระปอยได้ทำการละหมาด ก็จำเป็นต้องระวังไม่ให้ปัสสาวะมาเปื้อนผ้าละหมาดให้เขาเอาเศษผ้าพันหรือผูกไว้ที่อวัยวะเพศเพื่อไม่ให้ปัสสาวะเปื้อนเลอะผ้าละหมาดและส่วนอื่น ๆ


การที่มีปัสสาวะกระปิดกระปอย อนุญาตให้ทำการละหมาดได้นั้น ก็เพราะว่ามีความจำเป็น (ฎอรูเราะฮ์) ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้พ้น ศาสนาจึงผ่อนปรนให้ในขอบเขตที่กระทำได้


ส่วนในประเด็นของการอาบน้ำละหมาดนี้ ได้มีหลักฐานจากวจนะของท่านร่อซู้ล (ศ็อลลั้ลลอฮู้อะลัยฮิว่าซัลลัม) ว่า


((إن للوضوء شيطانا يقال له الولهان فاتقوا وسواس الماء))


"แท้จริงสำหรับการอาบน้ำละหมาดนั้นมีชัยตอน ซึ่งวิลฮาน (ชัยตอนดังกล่าว) จะกล่าวกับเขา (ผู้อาบน้ำละหมาด) ว่า "พวกท่านจงยำเกรง (รักษา) ความสับสนในเรื่องน้ำเถิด"


ชัยตอนนามว่า "วิลฮาน" จะค่อยสร้างความสับสน สงสัยแก่ผู้อาบน้ำละหมาดว่า อาบครบแล้วหรือยัง


ซึ่งในการณ์นี้ จะสร้างความสุรุ่ยสุรายในการใช้น้ำเป็นจำนวนมากโดยไม่จำเป็น หรือบางครั้งการอาบน้ำละหมาดไปพร้อมกับความสงสัย เช่นนี้จะทำให้ขาดละหมาดญามาอะห์หรือละหมาดในต้นเวลาได้


ท่านอบูฟัรจ์ อิบนุ อัลญัวซีย์ ได้เล่าว่า "มีมากมายหลายคนที่เราได้พบเห็นพวกเขาคงอยู่ในห้องน้ำเป็นครึ่งชั่วโมงหรือมากกว่านั้น  เพื่อทำการอาบน้ำยกฮาดัสหรืออื่นจากนี้ ซึ่งเขาจะอาบน้ำแล้วอาบน้ำอีกหลายๆครั้ง เพราะเนื่องจากสงสัยว่าน้ำนั้นเข้าไปถึงทุกส่วนของ ร่างการหรือไม่ หรือเกิดความสงสัยในเรื่องของการอาบน้ำละหมาดว่า ใบหน้าล่างแล้วหรือยัง แขนล้างแล้วหรือยัง ส่วนโน้นส่วนนี้ล่างแล้วหรือยัง สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะชัยตอนมันได้สร้างความสงสัยแก่เขา จนทำให้เขาต้องสูญเสียน้ำเป็นจำนวนมาก และทำให้เขาต้องขาดการ ละหมาดในช่วงต้นเวลาไป


ดังนั้น หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ คือสงสัยว่าอาบไปแล้ว 2 หรือ 2 ก็ให้ถือว่าเพียงพอแล้วโดยไม่ต้องทำให้ครบถึง ๓ ครั้งโดยมั่นใจเพราะได้มีฮาดิษรายงานว่า "ท่านนะบี (ศ็อลลัลลอฮู่อะลัยฮิว่าซัลลัม) ได้ผ่านไปพบท่านซะด์กำลังอาบน้ำละหมาดอยู่ ท่านนะบีกล่าวแก่ซะด์ว่า "สุรุ่ยสุร่ายอะไรเช่นนี้ โอ้ซะด์เอ๋ย"ท่านซะด์กล่าวว่า "ในการอาบน้ำละหมาดมีการสุรุ่ยสุร่ายด้วยหรือ ท่านนะบกล่าวว่า "ใช่แล้ว ถึงแม้ว่าท่านจะอยู่ที่แม่น้ำที่ไหลก็ตาม"

ที่มาจากเพจ: มหัศจรรย์อัลกุรอ่าน
islamhouse.muslimthaipost.com 

อัพเดทล่าสุด