เมื่อผู้ละหมาดได้ทำการสุญูดอย่างสงบนิ่งแล้ว สุนนะฮฺให้ผู้ละหมาดกล่าวดุอาอฺขณะสุญูด โดยให้เลือกกล่าวดุอาอฺบทใดบทหนึ่งต่อไปนี้สลับกันไป
เมื่อผู้ละหมาดได้ทำการสุญูดอย่างสงบนิ่งแล้ว สุนนะฮฺให้ผู้ละหมาดกล่าวดุอาอฺขณะสุญูด โดยให้เลือกกล่าวดุอาอฺบทใดบทหนึ่งต่อไปนี้สลับกันไป เพื่อรักษาไว้ซึ่งสุนนะฮฺของท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม โดยให้กล่าว 3 ครั้ง หรือมากกว่านั้น
ดุอาอฺขณะสุญูดบทที่ 1
กล่าวว่า “ซุบฮาน่าร็อบบิยัลอะอฺลา”
ความหมาย “มหาบริสุทธิ์แด่พระองค์อัลลอฮฺผู้ทรงสูงส่งยิ่ง”
(เป็นหะดิษเศาะเฮียะฮฺ บันทึกโดยมุสลิม หะดิษเลขที่ 1291 และท่านอื่นๆ)
ดุอาอฺขณะสุญูดบทที่ 2
กล่าวว่า “ซุบบูฮุน กุดดูซุน ร็อบบุล ม่าลาอิก้าติ วัรฺรูหฺ”
ความหมาย “ผู้บริสุทธิ์ ผู้จำเริญยิ่ง พระผู้อภิบาลแห่งมลาอิกะฮฺ และญิบรีล”
(เป็นหะดิษเศาะเฮียะฮฺ บันทึกโดยมุสลิม หะดิษเลขที่ 1037 และท่านอื่นๆ)
ดุอาอฺขณะสุญูดบทที่ 3
กล่าวว่า “ซุบฮาน่ากัลลอฮุมม่า ร็อบบ้านา ว่าบิฮัมดิก้า อัลลอฮุมมัฆฟิรฺ ลีย์”
ความหมาย “มหาบริสุทธิ์แด่พระองค์อัลลอฮฺ โอ้อัลลอฮฺ พระผู้อภิบาลของเรา และการสรรเสริญเป็นสิทธิ์แด่พระองค์ โอ้อัลลอฮฺขอพระองค์ทรงโปรดอภัยโทษให้แก่ฉันด้วยเถิด”
(เป็นหะดิษเศาะเฮียะฮฺ บันทึกโดยบุคอรีย์ หะดิษเลขที่ 4585 มุสลิม หะดิษเลขที่ 746และท่านอื่นๆ)
ดุอาอฺขณะสุญูดบทที่ 4
กล่าวว่า “อัลลอฮุมมัฆฟิรฺ ลีย์ ซันบีย์ กุลล่าฮู ดิกกี้ฮี ว่า ญิลล่าฮู ว่า เอาว่าล่าฮู ว่า อาคิร่อฮู ว่า อ้าลานี่ย้าต้าฮู ว่า ซิรฺร่อฮู”
ความหมาย “โอ้อัลลอฮฺ ขอพระองค์ทรงโปรดอภัยโทษในความผิด ของฉันทั้งหมด ทั้งความผิดเล้กน้อย ความผิดใหญ่หลวง ความผิดในครั้งแรก ความผิดในครั้งสุดท้าย ความผิดในที่แจ้ง และความผิดในที่ลับก็ตาม” (เป็นหะดิษเศาะเฮียะฮฺ บันทึกหะดิษโดยมุสลิม หะดิษเลที่ 745 และอบูดาวูด หะดิษเลขที่ 744)
ดุอาอฺขณะสุญูดบทที่ 5
กล่าวว่า “อัลลอฮุมมัฆฟิรฺ ลีย์ มา อัสร็อรฺตุ ว่า มา อะอฺลันตุ”
ความหมาย “โอ้อัลลอฮฺ ขอพระองค์ทรงอภัยโทษ ให้แก่แก่ฉันในสิ่งที่ฉันซ่อนเร้น และสิ่งที่ฉันเปิดเผยด้วยเถิด” (เป็นหะดิษเศาะเฮียะฮฺ บันทึกหะดิษโดยนะซาอีย์ หะดิษเลขที่1112)
ดุอาอ์ขณะสุญูดบทที่ 6
กล่าวว่า “อัลลอฮุมม่า ล่าก้า ซ่าญัดตุ ว่า บิก้า อามันตุ ว่า บิก้า อามันตุ ว่า ล่าก้า อัสสลัมตุ ซ่าญ้าด้า วัญฮิย่า ลิ้ลล่าซี ค่อล่าก้อฮู ว่า เซาว่าร่อฮู ว่า ชักก้อ ซัมอ้าฮู ว่า บ้าศ่อร่อฮู ต้าบาร่อกัลลอฮุ อะหฺซ่านุลคอลิกีน”
ความหมาย “โอ้อัลลอฮฺ ฉันสุญูดต่อพระองค์ ฉันศรัทธาต่อพระองค์ และฉันยอมจำนนต่อพระองค์ ซึ่งใบหน้าของฉันสุญูดต่อผู้ซึ่งได้สร้างใบหน้านั้นขึ้นมา และทำให้เป็นรุปร่าง มีการได้ยิน และการเห็น พระองค์ทรงมีความจำเริญยิ่ง ผู้ซึ่งดีเยี่ยมในหมู่ผู้สร้างทั้งหลาย” (เป็นหะดิษเศาะเฮียะฮฺ บันทึกหะดิษโดยมุสลิม หะดิษเลขที่ 1290)
สำหรับดุอาอฺ สำนวนต่อไปนี้
“ซุบฮ่าร็อบบิยัล อะอฺลา ว่าบิฮัมดิฮี”
ความหมาย “มหาบริสุทธิ์แด่พระองค์อัลลอฮฺผู้ทรงสูงส่งยิ่ง และการสรรเสริญเป็นสิทธ์แด่พระองค์”
นักวิชาการหะดิษได้ตรวจสอบหะดิษบทนี้ ถือเป็นหะดิษฎออิฟ เช่นเดียวกับดุอาอ์ขณะรุกัวะอฺ เพราะเป็นหะดิษบทเดียวกัน ดังนี้
หะดิษบทนี้ ที่บันทึกโดยอบูดาวูด หะดิษเลขที่ 736 มี 2 สายรายงาน คือ รายงานที่ 1 จากอัรรอเบียะอ์ และมูซา สายที่ 2 จาก อะห์หทัด บิน ยูนุส
สายรายงาน คือ รายงานที่ 1 จากอัรรอเบียะอ์ และมูซา ไม่ได้รายงานคำว่า “วะบิฮัมดิฮี”ระบุอยู่ด้วย
สำหรับรายงานสายที่ 2 จาก อะห์หทัด บิน ยูนุส มีคำรายงาน “วะบิฮัมดิฮี” ระบุอยู่ด้วย
สายรายงานดังกล่าว ผู้รายงานมีความสับสนในการกล่าวถึงผู้ที่เขาอ้างอิง คือ อัลลัยซ์ อิบนุ ซะอด์ ได้กล่าวถึงผู้ที่เขาอ้างคำรายงาน โดยกล่าวว่า อัยยูบ บิน มูซา หรือมู บินอัยยูบ จึงไม่ชัดเจนว่าสายงานนี้รายงานมาจากใครกันแน่ นัดวิชาการหะดิษได้ตรวจสอบแล้วว่า ผู้ที่อัลลัยซ์ ได้ฟังมาจริงนั้นก็คือ มูซา บิน อัยยูบ บินอามิร อัลฆอฟิกีย์ อัลมัศรีย์ เสียชีวิต ฮ.ศ.153
มูซา บิน อัยยูบ อัลฆอฟิกีย์ คือผู้รายงานจากลุงของเขา จากอาลี ซึ่งอิบนุ มะอีน ได้ปฏิเสธหะดิษของเขาทั้งที่เขาได้รับความน่าเชื่อ
ผู้รายงานที่ชื่อมูซา บิน อัยยูบ รายงานว่า เขาได้ฟังเรื่องนี้มาจากชายคนหนึ่งในกลุ่มชนของเขา ซึ่งกรณีนี้ขาดเงื่อนไขของหะดิษศอเฮียะฮฺ และหะซัน เนื่องจากไม่สามารถตรวจสอบได้ว่า ชายผู้หนึ่งที่เขากล่าวถึงคือใคร มีสถานะเป็นเช่นไร ในภาษาหะดิษเรียกว่า “มุบฮัม” ซึ่งต่างกับมัจฮูล ที่รู้ชื่อแต่ไม่ประวัติ แต่มุบฮัม นั้น ไม่รู้ทั้งชื่อ และไม่รูประวัติ ทั้ง มุบฮัม และมัจฮูล จัดอยู่ในประเภทหะดิษฎออิฟ ไม่สามารถนำมาอ้างเป็นหลักฐานได้
ที่มา: lovesunnahnabi.blogspot.com