ในเวลามีเพศสัมพันธ์นั้น แง่มุมความสะอาดของอิสลามจะเน้นย้ำอย่างมากร่างกายที่สะอาด จะเพิ่มความบริสุทธ์ทางจิตวิญญาณและสามีภรรยาควรมีน้ำนมาซ ตามที่ได้กล่าวมาข้างต้นแล้ว
สิ่งที่ควรทำไม่ควรทำในการมีเพศสัมพันธ์ ตามแบบอิสลาม
สิ่งที่ควรทำ
1. เอาน้ำนมาซ ทำความสะอาดปากและฟันและใช้น้ำหอม
2. ความตั้งใจที่ถูกต้อง
3. เตรียมจิตใจให้พร้อม
4. เล้าโลมก่อนมีเพศสัมพันธ์
5. อ่านดุอาอฺ
6. เลือกเวลาที่เหมาะและทำจิตใจให้มั่นคง
7. ใช้ท่าที่ถูกต้อง
8. เล้าโลมหลังมีเพศสัมพันธ์
9. ปัสสาวะก่อนการร่วมเพศครั้งต่อไป
10. ทำความสะอาดอวัยวะเพศ
11. อาบน้ำก่อนที่จะมีเพศสัมพันธ์ครั้งต่อไป
12. หลังจากนั้นก็อาบน้ำทันที
13. ปกปิดเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ซึ่งเป็นเรื่องส่วนตัว
สิ่งที่ไม่ควรทำ
1. เปลือยกายล่อนจ้อน
2. หันไปทางกิบละฮ์
3. ยืนขณะร่วมประเวณี
4. พูดมากเกินไป
5. จ้องดูส่วนลับ
6. อิ่มเกินไป
7. กระเพาะเต็ม
8. หยุดร่วมเพศในคืนต้องห้าม
9. ใช้จินตนาการ
10. หมกมุ่นมากเกินไป
11. ดื่มน้ำทันทีหลังจากเสร็จกิจ
12. เพศสัมพันธ์ทางเว็จมรรค (ประตูหลัง)
13. มีเพศสัมพันธ์ขณะมีประจำเดือน
(ป.ล.แต่ละข้อข้างต้นจะมีการพูดถึงทีละข้อเพื่อความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง)
ความสะอาด
การที่อิสลามเน้นเรื่องความสะอาดเป็นที่รู้กันแม้แต่เด็กเล็กผู้เป็นมุสลิมที่ดีว่า ความสะอาด
เป็นส่วนหนึ่งของความศรัทธา (อีหม่าน) หะดีษหนึ่งได้สอนเราไว้เช่นนั้น
ในเวลามีเพศสัมพันธ์นั้น แง่มุมความสะอาดของอิสลามจะเน้นย้ำอย่างมากร่างกายที่สะอาด
จะเพิ่มความบริสุทธ์ทางจิตวิญญาณและสามีภรรยาควรมีน้ำนมาซ ตามที่ได้กล่าวมาข้างต้นแล้ว ถึง
การเตรียมตัว ว่าจะต้องมีการทำความสะอาดปากให้ทั่วถึงด้วยกิ่งไม้ทำความสะอาด หรืออย่างน้อย
ก็ต้องแปรงฟัน ไม่มีอะไรที่จะทำให้อารมณ์เสียมากไปกว่าลมหายใจที่ไม่สะอาดและกลิ่นฉุน บรรดา
ผู้ที่คุ้นเคยอยู่กับการสูบบุหรี่ควรระมัดระวังเป็นพิเศษในเรื่องนี้ ความสำคัญเรื่องนี้สามารถวัดได้จาก
มัสอะละฮ์ (กรณี) ของกฏหมายอิสลามที่เกี่ยวกับเรื่องที่ว่า บุคคลหนึ่งซึ่งได้กินหัวหอมและกระเทียม
เข้าไปแล้ว เข้าไปในมัสญิดฟุเกาะฮา (รอฮิมะฮุมุลลอฮ์) หรือนักกฎหมายได้ออกกฎมาว่า ห้ามบุคคล
ดังกล่าวเข้ามาในมัสญิด เหตุผลก็คือเป็นสาเหตุแห่งการตักลีฟ (ความไม่สะดวกสบาย) ของเพื่อน
ร่วมนมาซ ดังนั้นความสำคัญมีแค่ไหนก็ลองคิดดู สำหรับสามีและภรรยาซึ่งอยู่ใกล้ชิดกันอย่างต่อเนื่อง
ควรที่จะรักษาอนามัยทางปากเอาไว้เพื่อไม่ให้เกิดความน่ารังเกียจต่อกัน การละเลยรูปแบบที่สำคัญ
ของการรักษาความสะอาด (เฎาะฮาเราะห์) อาจมีผลร้ายแรงเสียหายต่อการแต่งงานซึ่งเรื่องนี้ดูเผินๆ
เหมือนไม่สำคัญ แต่ก็ได้กลายเป็นที่มาของการแตกแยกและความขัดแย้งของการแต่งงานมาแล้ว
ควรจะใช้น้ำหอมอันเป็นซุนนะฮ์ของรอซูลุลลอฮ์ (ศ็อลฯ) ผู้เป็นนายอันมีเกียรติของเรา สิ่งนี้จะ
ก่อให้เกิดความผูกพันซึ่งกันและกัน
ความตั้งใจ
ความสำคัญของการตั้งใจได้ย้ำไว้อย่างพอเพียงแล้วในเรื่องความตั้งใจในการมีเพศสัมพันธ์
เพื่อที่จะได้รับรางวัลต่อการกระทำนั้นการนียะฮ์ (ความตั้งใจ) อันถูกต้องควรมีขึ้น ผู้เคร่งครัดผู้หนึ่ง
พูดถึงตัวเองว่า ครั้งหนึ่งเขาได้จุมพิตภรรยาของเขาโดยไม่มีความตั้งใจที่ถูกต้องตัวอย่างเช่น เพื่อ
ความโปรดปรานของอัลลอฮ์ (อัซซะวะญัล) จากผลลัพธ์ดังกล่าวว่า เขาต้องพบกับควาามล้มเหลวใน
ความก้าวหน้าทางจิตวิญญาณเป็นเวลาหนึ่งปีเต็มๆ สิ่งนี้เป็นการเพียงพอแล้วที่จะอธิบายถึงความ
สำคัญของการมีความตั้งใจที่ถูกต้องในทุกท่าทางและในทุกเวลา
การเตรียมตัวเตรียมใจ
สิ่งนี้ได้กล่าวมาแล้วในเรื่องการเตรียมตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อแนะนำของ อัลละมะฮ์อินุล
เญาซี (รอฮมะฮุมุลลอฮ์) ซึ่งมีความสำคัญในเรื่องนี้ยิ่งกว่านั้นฮัซรัต อิบนุอับบาส (รอฎิยัลลอฮุอันฮุม)
กล่าวว่า "ข้าพเจ้ารักที่จะแต่งตัวให้งดงามเพื่อสตรี (ภรรยา) ของข้าพเจ้ามากเท่าที่ข้าพเจ้าหวังว่า
เธอจะแต่งตัวของเธอให้งามสำหรับข้าพเจ้า" นี่แสดงให้เห็นการเตรียมตัวทางด้านจิตใจจากทั้ง
สองฝ่าย
การเล้าโลมก่อนมีเพศสัมพันธ์
การเล้าโลมเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับความสุขและชีวิตแต่งงานที่ไม่ควรถูกละเลย เป็นเรื่อง
สำคัญอย่างแท้จริงว่า สามีควรปลุกเร้าทางเพศแก่ภรรยาของเขาโดยผ่านการเล้าโลมก่อนที่จะหา
ความสำราญในการร่วมเพศความจริงแล้วเป็นความเห็นแก่ตัวและโหดร้าย ที่ผู้ชายสำเร็จความ
ใคร่ทางเพศของเขาเหมือนสัตว์ โดยที่ผู้หญิงยังไม่มีอารมณ์แต่อย่างใด สิ่งนี้เป็นความไร้ศีลธรรม
ต่อผู้หญิงอย่างที่สุด และจะมีผลอันยุ่งยากตามมาสำหรับการเป็นสามีภรรยาและการแต่งงาน ดัง
นั้นสามีภรรยาจะต้องยุ่งยากสักหน่อย ในการสำรวจตรวจตราว่า ตรงไหนของร่างกายของคู่รัก ที่จะ
ปลุกความปรารถนาและทำให้ความสำราญเพิ่มขึ้น บริเวณเหล่านี้เรียกว่า "จุดปลุกเร้าทางเพศ"
จุดเหล่านี้แตกต่างกันไปในแต่ละคน แต่โดยทั่วไปแล้วจะมุ่งไปที่บริเวณส่วนบนของร่างกาย
และบริเวณที่อยู่ต่ำกว่าสะดือ หลังเข่าและที่ปาก ฯลฯ จุดเหล่านี้หากถูกลูบไล้อย่างอ่อนโยนจะก่อให้
เกิดความปรารถนาทางเพศขึ้นและจุดอารมณ์ขึ้นมา
แม้แต่ในเรื่องนี้เราจะพบคำสอนอันงดงามของรอซูลุลลอฮ์ (ศ็อลฯ) อันเป็นทางนำให้แก่เรา
ด้วยพฤติกรรมอันลึกซึ้งท่านได้ประทับความคิดลงบนสาวก (ร.ฎ.) ของท่านถึงความสำคัญและ
ความจำเป็นในการเล้าโลมก่อนร่วมเพศกับภรรยา ตัวอย่างเช่น
มีรายงานจากหลายหะดีษว่าครั้งหนึ่ง รอซูลุลลอฮ์ (ศ็อลฯ) มารู้ว่าฮัซรัตญาบิร (ร.ฎ.) ได้แต่ง
งานกับแม่ม่าย ท่านกล่าวว่า "ทำไมท่านจึงไม่แต่งงานกับหญิงสาวบริสุทธิ์ซึ่งท่านจะหา
ความสำราญกับเธอก็จะหาความสำราญกับท่าน?" บุคอรี มุสลิม
นี่เป็นการบ่งบอกอย่างลึกซึ้งถึงการเล้าโลม และเป็นการแสดงความรักระหว่างคู่ชายหญิง
ยิ่งกว่านั้นความสำคัญของการแสดงออกทางความรักและความรู้สึกต่อกันนั้นสามารถเรียนรู้ได้
จากหลายหะดีษของท่านรอซูลุลลอฮ์ (ศ็อลฯ) จนมีผลกระทั่งว่าเมื่อสามีหรือภรรยาจ้องมองกันด้วย
ความรักและความผูกพันธ์อัลลอฮ์ (สุบห์ฯ) จะจ้องมองพวกเขาด้วยความเมตตากรุณา เมื่อสามี
และภรรยาจับมือกันและกันด้วยความรักและความผูกพันธ์ อัลลอฮ์จะยกโทษในบาปของพวกเขา
ให้
ในระหว่างที่ภรรยามีน้ำนมไหลออกมา แต่เกิดมามีเพศสัมพันธ์กับสามีสามีควรระมัดระวัง
ไม่ให้น้ำนมไหลเข้าคอในระหว่างหาความสำราญเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ สำหรับสามีที่จะดื่มนม
ภรรยาของเขาด้วยความไม่รู้
ถ้าบุคคลใดไปละเมิดกฎเกณฑ์ของชะรีอะฮ์เข้า วิธีเดียวที่จะตอบแทนความผิดก็คือการ
สารภาพโทษ (เตาบะฮ์) อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ไม่ได้มีผลต่อข้อผูกมัดทางการนิกะฮ์ อย่างที่หลายคน
มีความเข้าใจผิดแต่อย่างใด
อ่านดุอาอฺ
เพื่อป้องกันจากชัยฎอนและอันตรายอื่นๆ จำเป็นที่จะต้องอ่านดุอาอ (การขอพร) มัสนูน ใน
เวลามีเพศสัมพันธ์ ในหนทางเช่นนี้สามีภรรยาและลูกจะได้รับการปกป้องจากอันตรายที่มีอยู่มาก
มาย ดุอาอฺที่ดีตามลำดับในโอกาสนี้มีดังต่อไปนี้
1. ในเวลาที่เริ่มต้นมีเพศสัมพันธ์ให้อ่าน: ด้วยพระนามของอัลลอฮ์ ข้าแต่อัลลอฮ์
โปรดทรงให้ชัยฏอน (มารร้าย) ห่างไกลจากเรา และโปรดให้ชัยฏอนห่างไกลจาก สิ่งที่
พระองค์ให้เป็นริสกีย์แก่เราด้วย
2. ในเวลาหลั่งน้ำอสุจิออกมาให้อ่านว่า: ข้าแต่อัลลอฮ์ อย่าปล่อยให้ชัยฏอนมีส่วน
ในสิ่งที่พระองค์ประทานให้เรา
ข้อควรจำ
1. ในเวลาที่หลั่งน้ำอสุจิออกมาควรอ่านดุอาอฺในใจเท่านั้น ไม่ต้องอ่านทางปาก
2. ทั้งสามีและภรรยาควรอ่านดุอาอฺ
มีรายงานว่าหากบุคคลใดไม่อ่านดุอาอฺเหล่านี้ชัยฏอนจะเข้าร่วมกับเขาในการมีเพศสัม
พันธ์นั้น และจะหาความสำราญจากภรรยาของเขาด้วย
การไม่อ่านดุอาอฺยังเป็นสาเหตุให้ลูกๆ ดื้อดึงไม่เชื่อฟังอย่างที่ได้เห็นในสมัยของเรา ชาฮ์
อับดุลอักเดฮ์ลาวี (รอฮิมะฮุมุลลอฮ์) ได้กล่าวในเรื่องนี้ไว้ว่า "หากว่าไม่มีการอ่านอ้อนวอนขอใน
เวลามีเพศสัมพันธ์ โดยมีแต่แรงกระตุ้นทางเพศของเขาเหมือนอย่างสัตว์อย่างเดียวแล้ว ลูกที่
เกิดมาจากการรวมตัวกันนี้จะไม่ปลอดภัยจากอิทธิพลอันเลวร้ายของชัยฏอน นี่เป็นหนึ่งในเหตุ
ผลที่ว่าศีลธรรมของคนรุ่นเราไม่ดี" ริฟาอะตุลมุสลีมีน
อีกจุดหนึ่งที่สำคัญก็คือการทำซิกร์ (รำลึกถึงอัลลอฮ์) อิสลามนั้นไม่เหมือนกับศาสนาอื่นๆ
อิสลามถือว่ากิจการทางโลก เป็นการกระทำที่เป็นการภักดี (อิบาดะฮ์) และเป็นการเชื่อฟัง (ฏอ
อัต) หากกระทำตามกฎเกณฑ์ชะรีอะฮ์ และด้วยความตั้งใจที่ถูกต้องและด้วยการรำลึก (ซิกร์)
ถึงอัลลอฮ์ ดังนั้นการกระทำที่โดยทั่งไปในศาสนาอื่นคิดว่าเป็นการกระทำที่ไม่ได้รับการยอมรับ
กลับเป็นการกระทำการภักดีที่มีเกียรติยศและเป็นการเชื่อฟังเป็น เป็นการกระทำที่ได้รับรางวัล
ในอิสลาม
ดุอาอฺเหล่านี้เป็นการพัฒนาความมีสติสำนึกต่ออัลลอฮ์และความมีใจกุศลในมุสลิม เป็น
เรื่องจำเป็นอย่างยิ่งว่าสามีภรรยาจะต้องเรียนรู้จดจำ และอ่านดุอาอฺเหล่านี้ในเวลาที่เหมาะสม
อาจต้องใช้ความพยายามและการเสียสละสักเล็กน้อย แต่สิ่งที่จะได้กลับมา จะมีผลอีกยาวนาน
ในอนาคต
เวลาที่เหมาะ
ได้มีความเห็นว่าการอยู่ร่วมกันควรจะเกิดขึ้นในเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดสุขภาพที่ดี
สำหรับสามีภรรยาและลูกที่จะถือกำเนิดมา หากอัลลอฮ์ปรารถนา
การมีเพศสัมพันธ์ควรมีอุดมคติคือ ควรอยู่ในภาวะผ่อนคลายและมีความสมดุลย์ทางจิต
ใจทั้งสามีและภรรยา รูปแบบความกดดันใดๆ ในรูปของความหิวกระหาย โกรธ เศร้าสร้อย ป่วย
ไข้ ฯลฯ จะทำให้ความสำราญหมดไป
ฟากิฮ์อบุลเลษสามัคค็อนดี (รอฮิมะฮุมุลลอฮ์) เขียนไว้ในหนังสือบุสตาน ของเขาว่าเวลา
ที่เหมาะสมสำหรับการมีเพศสัมพันธ์คือ ช่วงหลังของเวลากลางคืนเพราะว่าในช่วงหัวค่ำนั้นอ้าง
ของเรายังอิ่มอยู่และการมีความสัมพันธ์ไม่เป็นที่ปรารถนาเมื่อท้องอิ่ม เรื่องเดียวกันนี้ได้มีกล่าว
ไว้ใน ติบบุนนะบะวีย์ (TIBBE-NABAWI) ผู้เขียน อิห์ยา (IHYA) ได้ให้ข้อสังเกตไว้ว่าการ
มีเพศสัมพันธ์ในช่วงแรกของเวลากลางคืนนั้นน่ารังเกียจ (มักรูห์) เพราะว่าเป็นไปได้ที่เราจะ
ใช้เวลาที่เหลือของตอนกลางคืนในสภาพของผู้มีญะนาบะฮ์ (ไม่สะอาดตามหลักศาสนา) ฮัชรัต
อาอิชะฮ์ (รอฎิยัลลอฮุอันฮุม) รายงานว่า นิสัยอันดีงามของท่านรอซูลุลลอฮ์ (ศ็อลฯ) ก็คือหลังจาก
นมาซวิตริในตอนดึกแล้วท่านก็จะอยู่ร่วมกับภรรยาของท่านหากว่าท่านปรารถนา หากท่านไม่
ปรารถนาท่านก็จะนอนลงที่เสื่อนมาซ จนกระทั่ง ฮัชรัตบิลาล (รอฎิยัลลอฮุอันฮุม) จะอะซานเพื่อ
นมาซ ฟะญัร (นมาซตอนรุ่งสาง)
ความจะระลึกไว้ด้วยว่า ข้อห้ามการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงต้นของเวลากลางคืนนั้น เป็น
เรื่องของการแพทย์และสุขภาพเท่านั้น ไม่ได้เป็นกฎเกณฑ์ทางชะรีอะฮ์ มีรายงานว่า รอซูลุล-
ลอฮ์ (ศ็อล ฯ) อยู่ร่วมกับภรรยาในเวลาต่างๆ กันทั้งกลางวันและกลางคืน ชะมาอีล ติรมีซี
สำหรับผู้ที่ไม่สะดวกที่จะรอจนถึงเวลาดึกตอนปลาย(ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม) ทาง
ออกในทางปฏิบัติก็คือการกินอาหารเบาๆ ในตอนช่วงต้นๆของเวลาเย็น อาจเป็นก่อนเวลามัก
ริบ หากเป็นเช่นนี้อาหารก็จะไม่เต็มท้องในเวลาที่อยู่ร่วมกันในช่วงต้นของเวลากลางคืน
มันเป็นประสบการณ์ของคนฉลาดว่า การมีเพศสัมพันธ์ในเวลาที่ท้องอิ่มจะได้บุตรที่
ไม่ฉลาด ทึมทื่อ ยิ่งกว่านั้นยังเป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้ชายด้วย
สิ่งที่สำคัญเท่าเทียมกับการเลือกใช้เวลาให้เหมาะก็คือ ความจำเป็นที่จะเลือกเวลาสำ
หรับการมีเพศมัมพันธ์เพื่อให้ได้ผลกำไรมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบุตรที่จะถือกำเนิด
ตามมา ฮัซรัต อะลี (รอฎิยัลลอฮุอันฮุม) ได้ให้ข้อสังเกตไว้ใน วะศอยา (คำสอน) ว่า:
ผลแห่งแง่คิดที่ได้จากการมีเพศสัมพันธ์มีดังนี้
- ในวันจันทร์ เด็กจะเป็นนักอ่านกุรอาน (นักกอรี)
- ในวันอังคาร จะเป็นเด็กที่มีความกรุณาใจกว้าง
- ในวันพฤหัส จะเป็นเด็กที่ฉลาดหลักแหลม
- ในศุกร์ก่อนญุมอะฮ์ เด็กจะเกิดมาพร้อมกับลาภและโภคทรัพย์จะเป็นผู้ใช้
ชีวิตในแนวทางศาสนา
- ในวันศุกร์ตอนกลางคืน จะเป็นเด็กที่จริงใจ ริฟาอะตุลมุสลิมีน
(ตอนกลางคืนหมายถึงกลางคืนของอิสลามซึ่งมาก่อนกลางวันของวันนั้น)
ท่าที่อนุญาต
ในร่างกายของมนุษย์ตามธรรมชาติที่สุดแล้วมีอยู่สามท่าคือ ยืน นั่ง (หรือนั่งยองๆ) และ
นอน ในเรื่องท่าทางที่เกี่ยวกับเพศสัมพันธ์นั้น โดยทั่วไปอิสลามจะอนุญาตยกเว้นจะกระทำ
อย่างผิดธรรมชาติ อย่างเช่น การใช้เว็จมรรค (ทางทวารหนัก หรือประตูหลัง)
ดังนั้นจึงยังคงเหลืออยู่สองท่าคือ ท่านั่งหรือท่านั่งยองๆ และท่านอนในเรื่องนี้มีนัยต่างๆ
ที่บ่งบอกไว้ในกุรอานและหะดีษ
"พระองค์เป็นผู้ทรงสร้างสูเจ้าจากชีวิตหนึ่งและจากนั้นพระองค์ทรงสร้างคู่
ของเขาขึ้นมา เพื่อว่าเขาจะได้หาความสำราญจากนางเมื่อเขาอยู่เหนือนาง (มี
เพศสัมพันธ์กับนาง) นางก็จะตั้งครรภ์อ่อนๆ" คือเมื่อภรรยาอยู่ในท่านอนหงาย ร่างกาย
ของผู้ชายวางอยู่เหนือเธอในท่าที่เขาครอบคลุมตัวเธอด้วยร่างกายของเขา ในหะดีษที่อธิบายถึงแบบอย่างของกุซอลนั้น วิธีการมีเพศสัมพันธ์ร่วมกันที่พาดพิงถึง มีดังนี้ " เมื่อใดก็ตามที่พวกท่านนั่งอยู่ระหว่างสี่จุดของฝ่ายหญิง และใช้แรงของ ท่านต่อเธอ
เกี่ยวกับเรื่อง "สี่จุดของฝ่ายหญิง" นี้มีความคิดต่างกันไปในเรื่องของการตีความ ดู
เหมือนว่าจะหมายถึงท่าที่ผู้หญิงยกเข่าขึ้น และผู้ชายสอดใส่ในท่านั่งยองๆทำให้ต้นขาและ
น่องของผู้หญิงกลายเป็นสี่ส่วน และอัลลอฮ์รู้ดีที่สุด
นอกจากนั้นท่าทางหรือตำแหน่งอื่นๆ ที่สามีและภรรยาเลือกนั้นค่อนข้างจะเป็นเรื่อง
ธรรมดาๆ ครั้งหนึ่งฮัซรัต อุมัร (รอฎิยัลลอฮุอันฮุม) มีเพศสัมพันธ์กับภรรยาของท่านทางข้าง
หลัง (แต่ไม่ใช่ทางทวารหนัก) ต่อมาท่านมีความคิดว่าท่านได้กระทำสิ่งอันไม่พึงปรารถนาลง
ไป โดยทันทีท่านได้เร่งรุดออกไปหารอซูลุลลอฮ์ (ศ็อลฯ) โดยร้องว่า "ข้าพเจ้าแย่แน่แล้ว ข้าพ เจ้าแย่แน่แล้ว!" ท่านถูกถามว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ซึ่งท่านได้เล่าเรื่องความกลัวของท่านที่ท่าน ได้กระทำสิ่งมิพึงปรารถนาลงไป รอซูลุลลอฮ์ (ศ็อลฯ) คงนิ่งเฉยและมิได้ตอบอะไรลงไป ต่อมา
โองการของอัลกุรอานดังต่อไปนี้ได้ถูกประทานลงมา "ภรรยาของเจ้าคือไร่นาสำหรับเจ้า
ดังนั้นจงเข้าไปสู่ทุ่งนาของเจ้าตามประสงค์เถิด" 2/223
หลังจากนั้นรอซูลุลลอฮ์ (ศ็อลฯ) ได้อธิบายข้อความของโองการนี้ว่า การมีเพศสัมพันธ์
นั้นได้รับอนุญาตทุกท่า ไม่ว่าจะทางข้างหน้าหรือทางข้างหลัง ตราบใดที่ไม่มีการใช้ประตู
หลังเพราะนั่นเป็นสิ่งหะรอม ตัวอย่างสำหรับผู้หญิงในกุรอานนั้นเป็นเสมือนไร่นา ซึ่งสามารถ
เข้าไปได้ทุกทิศทางยกเว้นว่าเมล็ดพันธ์ของมันจะถูกหว่านลงใส่ทุ่งนาเท่านั้นไม่ใช่ที่อื่นๆ
ในทำนองเดียวกันวิธีการที่จะเข้าถึงทุ่งนานั้นได้รับอนุญาตไม่ว่าจะเป็นสามีหรือภรรยา ใน
ทางกลับกันไม่ว่าจะนอนตะแคงหรือนอนคว่ำ จะนอนราบหรือนั่งก็ได้ตราบใดที่ "เมล็ดพันธุ์"
ถูกหว่านลงใน "ทุ่งนา" ไม่ใช่ที่อื่นๆ
มีความคิดผิดๆ เกิดขึ้นในเรื่องการสอดใส่ เป็นเรื่องของไสยศาสตร์ที่ขาดหลักฐาน
ว่าได้มีชาวยิวของนครมะดีนะฮ์ ที่หาความสำราญด้วยการสอดใส่ทางข้างหลัง ตามความคิด
ของพวกเขาการกระทำเช่นนั้น เด็กที่เกิดมาจากการรวมตัวจะตาเหล่ มุสลิมบางคนถูกนำ
ทางผิดๆ ด้วยเรื่องเช่นนี้ของชาวยิว เมื่อโองการจากอัลกุรอานดังกล่าวได้ถูกประทานลง
มาความคิดผิดๆ เช่นนั้นก็หมดสิ้นและถูกทำลายไปตลอดกาล
การเล้าโลมหลังการมีเพศสัมพันธ์
สิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งเช่นเดียวกับการเล้าโลมก่อนการร่วมเพศหรือการร่วมเพศจริงๆ ก็
คือ "การเล้าโลมหลังการมีเพศสัมพันธ์" หลายครั้งได้ปรากฏว่าสามีถึงจุดสุดยอดก่อนภรรยา(ผู้หญิงบางคนถึงจุดสุดยอดหลังจากสามีพักใหญ่ๆ ) ในกรณีดังกล่าวสามีควรจะอยู่รอบนตัว เธอจนกว่าเธอจะถึงจุดสุดยอดและได้รับความพอใจ สิ่งนี้สำคัญที่สุดและจำเป็นที่สุดสำหรับ ความพอใจของภรรยา การหยุดลงก่อนที่ภรรยาจะถึงจุดสุดยอดเป็นเรื่องโหดร้ายและเห็นแก่ ตัว ทำให้หัวใจของภรรยาเกิดความเป็นศัตรูและเกลียดชังสามี ยิ่งกว่านั้น การหยุดลงโดยทันทีหลังจากมีเพศสัมพันธ์ร่วมกันทำให้บ่อยครั้งผู้หญิงมี ความคิดว่าผู้ชายสนใจเธอเฉพาะสนองตอบตัณหาและเอาแต่ใช้เธอเท่านั้น สิ่งนี้จะมีผลต่อ
ชีวิตการแต่งงานที่ปรองดองกัน
ฮัซรัต อะลี (รอฏิยัลลอฮุอันฮุม) กล่าวเอาไว้ในเรื่องนี้ว่า "จงรอให้ภรรยาเสร็จ (ถึงจุดสุด ยอด) ก่อนที่จะหยุดลง มีฉะนั้นเธอจะเป็นศัตรูของท่าน" ริฟาอะตุลมุสลิมีน
การมีสติสำนึกในเรื่องสุขภาพ
ในเมื่อความสะอาดมีความสำคัญก่อนการอยู่ร่วมกัน ดังนั้นหลังการอยู่ร่วมกันความ
สะอาดก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน ในเรื่องนี้มีข้อแนะนำบางประการและหากหมั่นฝึกฝนจะไม่ทำ
ให้มีความสะอาดบริสุทธิ์เท่านั้น แต่ยังมั่นใจได้ว่าจะทำให้สุขภาพดี รอดพ้นจากโรคภัยและ
ความป่วยไข้ได้
ผู้เขียน ชูรอตุลอิสลาม กล่าวว่าหญิงและชายควรจะฝึกหัดนิสัยการปัสสาวะหลังการมี
เพศสัมพันธ์มิฉะนั้นพวกเขาจะตกเป็นเหยื่อของโรคร้ายแรงและรักษาไม่ได้ เหตุผลและคำ
อธิบายคำกล่าวข้างต้นมีอยู่ในหนังสือ "ติบบุ" (วิทยาศาสตร์การแพทย์ของอิสลาม) นั่นก็คือว่า เวลาหยดน้ำอสุจิหรือน้ำอสุจิจำนวนหนึ่งค้างอยู่ในช่องคลอดหรือลำกล้องจะทำให้เกิดความ ป่วยไข้บางประการการปัสสาวะออกมา จะทำให้ช่องคลอดหรือลำกล้องสะอาดจากหยดอสุจิ
ดังกล่าว รายงานที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันนี้มีอยู่ในรายงานของท่านอะลี (ร.ฎ.)
ฟะกิฮ์ อบุล-เลษ สะมัรค็อนดี (รอฮิมะฮุมุลลอฮ์) กล่าวว่าหลังจากมีเพศสัมพันธ์อวัย
วะเพศจะต้องถูกล้างให้เกลี้ยง สิ่งนี้ทำให้มั่นใจได้ว่าจะทำให้สุขภาพดี อย่างไรก็ตามในทัน
ทีหลังจากการการร่วมเพศ ผู้ชายไม่ควรล้างอวัยวะด้วยน้ำเย็นเพราะจะเป็นผลให้เป็นไข้ ควร
ใช้น้ำอุ่นหรือรอสักครู่จนกว่าอุณหภูมิในร่างกายกลับมาสมดุลย์แล้ว เมื่ออุณหภูมิสมดุลย์แล้ว
แม้แต่น้ำเย็นก็อาจใช้ได้
มากกว่านั้นรอซูลุลลอฮ์ (ศ็อลฯ) ได้สอนเศาะฮาบะฮ์ว่า พวกเขาควรชำระล้างร่างกาย
ของพวกเขาเองหลังจากอยู่ร่วมกัน หาไม่แล้วพวกเขาจะได้รับโรคภัยที่ยากต่อการรักษา
ทันทีหลังจากร่วมเพศไม่ควรดื่มสิ่งที่เป็นของเหลว จะเป็นผลให้เกิดการหายใจขัด
ข้อง หลังจากนั้นสามีภรรยาควรเช็ดตัวให้แท้งด้วยผ้าคนละผืน การเช็ดด้วยผ้าผืนเดียวกัน
ก่อให้เกิดความขัดแย้งและการทะเลาะเบาะแว้ง ริฟาอะตุลมุสลิมีน อ้างจากรายงานของ
ฮัซรัต อะลี (รอฎิยัลลอฮุอันฮุม)
การปกปิดเรื่องส่วนตัว
แนวโน้มที่น่าอับอายได้ปรากฏขึ้นในทุกวันนี้ เมื่อสมาชิกของทั้งสองเพศเล่าเรื่อง
ประสบการณ์ทางเพศของพวกเขาอย่างละเอียดต่อเพื่อนๆ และคนที่คบหาสมาคมด้วยสิ่ง
นี้เป็นสิ่งที่สวนทางกันอย่างแท้จริงกับแนวทางของหะยา และความสงบเสงี่ยมอันเป็นสา-
ขาหนึ่งของอีมานที่ทราบกันดีอยู่แล้ว การกระทำงานเช่นนั้นจะต้องหลีกห่างมาให้พ้นจริงๆ
สิ่งนี้ยังเป็นการทำให้คนอื่นๆ มีโอกาสเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของสามีภรรยาอีกด้วย สิ่งนี้
เป็นบาปอย่างที่สุดและเป็นการกระทำที่เป็นที่ชิงชังในสายตาของอัลลอฮ์
"ในหมู่ประชาชนผู้ชั่วช้าสายตาของอัลลอฮ์ในวันกิยามะฮ์ก็คือสามีผู้
ซึ่งหาความสำราญกับภรรยาเป็นส่วนตัว แล้วก็เปิดเผยความลับของเธอให
้กับคนอื่นๆ" มุสลิม
มากกว่าหนึ่งครั้ง
หากสามีภรรยาปรารถนาที่จะมีเพศสัมพันธ์มากกว่าหนึ่งครั้ง เป็นสิ่งที่ดีที่สุดหากพวก
เขาอาบน้ำก่อนมีเพศสัมพันธ์ครั้งที่สอง แต่หากไม่ทำเช่นนั้นอย่างน้อยก็ควรทำวุฎู (เอาน้ำ
นมาซ) แต่หากไม่ทำเช่นนั้นอย่างน้อยพวกเขาควรจะล้างอวัยวะเพศให้สะอาด มันเป็นประสบ
การณ์ของผู้อาวุโสว่าบุคคลที่มีเพศสัมพันธ์อีกโดยไม่ทำดังที่กล่าวมาข้างต้นจะมีผลทำให้ลูก
เป็นคนปัญญาอ่อนหรือเป็นคนตระหนี่โดยนิสัย ผู้เขียนอิห์ยา ย้ำว่าอย่างน้อยที่สุดที่สามีภรรยา จะต้องกระทำก่อนมีเพศสัมพันธ์อีกครั้งก็คือ การปัสสาวะและล้างอวัยวะเพศให้สะอาด หาก ปราศจากสิ่งนี้พวกเขาก็ไม่ควรหาความสำราญทางเพศ ผลลัพธ์ก็คือจะเกิดอันตรายและเป็น ภัยต่อพวกเขา
การเปลือย
การเปลือยทั่วร่างในระหว่างมีเพศสัมพันธ์เป็นสิ่งต้องห้ามในอิสลาม รอซูลุลอฮ์(ศ็อลฯ) ถือว่าการกระทำเช่นนั้น เป็นดั่งลาที่สมสู่กันในที่สาธารณะแน่นอนลูกๆของคู่สามีภรรยา ดัง
กล่าวจะไร้ความอายและไม่มีศีลธรรม
หันไปทางทิศกิบละฮ์
ในระหว่างมีเพศสัมพันธ์ควรมีความระมัดระวังไม่ให้หันไปทางกิบละฮ์ การหันไปทาง
กิบละห์นั้น ถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่ให้ความเคารพ และดังนั้นควรจะหลีกเลี่ยงให้ไกลที่สุด
เท่าที่จะทำได้ ในทำนองเดียวกันการหันเท้าไปทางกิบละฮ์ในระหว่างมีเพศสัมพันธ ์หรือใน
เวลาอื่นๆ ก็เป็นการปฏิบัติที่ไม่พึงปรารถนา ควรจะคำนึงถึงเรื่องนี้อยู่เสมอ
ท่าที่ไม่ถูกต้อง
ท่าต่างๆ ที่ได้รับอนุญาตได้กล่าวมาแล้ว ในภาคที่เกี่ยวข้องท่ายืนแม้ว่าจะได้รับอนุญาต
แต่ก็เป็นสิ่งที่ไม่พึงปรารถนา สำหรับการมีเพศสัมพันธ์เนื่องมาจากเหตุผลทางสุขภาพ
ผู้เขียน ติบบุนนะบะวีย์ เขียนว่าการมีเพศสัมพันธ์ในท่ายืนทำให้ร่างกายอ่อนแอ และยัง
ทำให้เกิดอันตรายต่อระบบประสาทและเลือดลม
การที่เพศสัมพันธ์ในทางยืนยังก่อให้เกิดอาการสั่นอยู่ตลอดเวลา (Ra'sha) สิ่งนี้อาจเป็น
เพราะประสาทและระบบประสาทถูกทำลายไป
การกระทำที่ไม่พึงปรารถนา
ไม่เป็นสิ่งพึงปรารถนาที่จะพูดมากเกินไปในระหว่างสัมพันธ์ การพูดควรจะจำกัดอยู่แค่
เรื่องจำเป็นเท่านั้น
แม้ว่าเป็นสิ่งอนุญาตสำหรับสามีและภรรยาที่จะมองดูทุกส่วนในสรีระของกันและกันได้ แต่ ก็เป็นการกระทำที่ไม่พึงปรารถนาตามทรรศนะทางศีลธรรม รอซูลุลลอฮ์ (ศ็อล ฯ) ไม่เคย
มองที่อัซรัตอาอิชะฮ์ (ร.ฎ.) และเธอไม่เคยมองที่รอซูลุลลอฮ์ (ที่บริเวณอันเป็นส่วนตัว)
การมีเพศสัมพันธ์มากเกินไป
อิสลามส่งเสริมชีวิตที่สมดุลย์และพอดี ไม่มีที่สำหรับความสุดโด่งในเรื่องใดๆ ของชีวิต
สปิริตแห่งความเป็นสายกลางนี่แพร่อยู่ในทุกๆ คำสอนของอิสลาม ดังนั้นแม้แต่ในประเด็นเรื่อง ความสัมพันธ์ทางเพศ ความเป็นสายกลางก็จะเป็นอุดมการที่พึงปรารถนา จากทรรศนะของ อิสลามในเรื่องนี้ ผู้คงแก่เรียนผู้อาวุโสได้แนะนำว่าสิ่งเร้าที่มีต่อความปรารถนาทางเพศ จะต้อง มีการวิเคราะห์และตรวจสอบอย่างระมัดระวังหากว่าสิ่งเร้านั้นเกี่ยวข้องและมีที่มาจากภายนอก เช่นการเห็นสิ่งดึงดูดใจอย่างเรือนร่างของผู้หญิง การปลุกเร้าด้วยการสนทนาทางเพศ สิ่งของ และภาพที่เกี่ยวกับเพศ ฯลฯ ดังนั้นสิ่งนี้จึงถือว่าเป็นการกระตุ้นที่ผิดๆ และจะต้องละเลย นี่เป็น กรณีของความปรารถนา "หลอกๆ" ในอีกทางหนึ่งหากว่าแรงกระตุ้นนั้นมาจากภายใน คือมา จากอารมณ์และความปรารถนาที่แท้จริง ดังนั้นความพึงใจ สมใจ สำเร็จ เอิบอิ่ม และความสงบ จึงเป็นผลที่เกิดมาจากการรวมตัวเช่นนั้น ในขณะที่การมีเพศสัมพันธ์อันเกิดมาจากสิ่งเร้าที่ ผิดๆ จะก่อให้เกิดความอ่อนแอกระสับกระส่ายหรือแม้กระทั่งทำลายธรรมชาติแห่งเรือนร่าง ของมนุษย์ไป
ฟากิฮ์อบุลเลษ สามัรค็อนดี (รอฮิมะฮุมุลลอฮ์) รายงานจากฮัซรัตอะลี (ร.ฎ.) ในหนังสือบุส
ตานว่า บุคคลที่ปรารถนาให้มีสุขภาพดีอย่างยาวนานจะต้อง
1. กินในตอนเช้าและเย็นเท่านั้น
2. ละเว้นจากการยืมและการมีหนี้ (เพราะสิ่งนี้จะทำให้เขากังวลและเป็นห่วง)
3. เลิกจากการเดินไปมาด้วยเท้าเปล่า
4. ลดการมีเพศสัมพันธ์ให้เหลือน้อยลง
การมีเพศสัมพันธ์มากเป็นผลให้เกิดการหลั่งเร็วเกินไป ซึ่งจะเป็นสาเหตุให้เกิดความเบื่อ
หน่ายผิดหวังในทางร่างกาย จิตใจและการแต่งงานโดยจะมีผลสะท้อนไปอีกนาน ควรจะหลีกเลี่ยง การมีเพศสัมพันธ์มากเกินไปอย่างที่สุด เพื่อชีวิตที่มีความสุขและการแต่งงานที่มั่นคง
บ่อยแค่ไหน?
เกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นการยากที่จะประกาศกฎเกณฑ์ที่เข้มแข็งและตายตัวออกไป คำตอบจะ ต่างกันไปจากบุคคลหนึ่งกับอีกบุคคลหนึ่งขึ้นอยู่กับความต้องการของสามีและภรรยาด้วย อย่างไร
ก็ตามข้อเสนอแนะทั่วไปในเรื่องนี้อาจเป็นแหล่งของการแนะนำได้
ตามความคิดของนักวิชาการแล้ว หนึ่งครั้งในหนึ่งสัปดาห์เป็นที่ยอมรับและอยู่ในขอบเขต
ของความพอดี
ครั้งหนึ่งหะกีมจูลินูสถูกถามโดยใครบางคนว่า บุคคลควรจะมีเพศสัมพันธ์บ่อยครั้งแค่ไหน
เขาตอบว่าหนึ่งครั้งในชีวิต เมื่อเขาถูกถามอีกครั้งเขาตอบว่า หนึ่งครั้งในหนึ่งเดือน เมื่อเขาถูก
ถามเป็นครั้งสุดท้าย เขาตอบว่าหนึ่งครั้งในหนึ่งสัปดาห์และบุคคลซึ่งกระทำไปนอกเหนือจากนี้ ไม่สมควรจะนับรวมอยู่ในสิ่งมีชีวิต (ทั้งนี้เป็นการบ่งบอกว่าเขาควรจะตายดีกว่าการมีชีวิตอยู่เนื่อง จากความป่วยไข้และความอ่อนแอที่จะทำให้ชีวิตของเขาทุกข์ทรมาน)
หะกีมจูลินูสถูกถามว่าอะไรคือความปรารถนาอันแท้จริง? เขาตอบว่าเมื่อบุคคลไม่สามารถ แยกระหว่างท้องฟ้าและผืนดิน นั่นเป็นความปรารถนาที่แท้จริง ในอีกทางหนึ่งนั้นก็หมายความว่า ความปรารถนาและแรงกระตุ้นนั้นเข้มแข็งและรุนแรงมาก แม้แต่ในอัลหะดีษยังได้มีการย้ำเป็นนัยเมื่อบ่งบอกถึงเรื่องนมาซญุมอะฮ์ คำว่า "ฆอซะละ วะวะ ฆอซะละ" ถูกนำมาใช้เป็นการบ่งบอกว่าเมื่อบุคคลอาบน้ำให้ตัวเองในศุกร์เขา ก็ทำให้ ภรรยาของเขาอาบน้ำด้วย (เนื่องมาจากมีเพศสัมพันธ์) และนมาซญุมอะฮ์ (นมาซวันศุกร์) มี หนึ่งครั้งในทุกๆ สัปดาห์ ดังนั้นการมีเพศสัมพันธ์ จึงเกิดขึ้นสัปดาห์ละหนึ่งครั้งทุกสัปดาห์ และอัลลอฮ์รู้ดีที่สุด
เวลาที่ต้องห้าม
ผู้เขียนอิห์ยากล่าวว่า: เป็นสิ่งน่ารังเกียจที่จะยุ่งเกี่ยวทางเพศในระหว่างสามคืนของ
แต่ละเดือนคือคืนแรก คืนสุดท้าย และคืนที่สิบห้า กล่าวกันว่าชัยฏอนออกเร่ร่อนในค่ำคืน
เหล่านี้ เรื่องนี้ได้บอกกล่าวไว้วโดยฮัซรัตอะลี ฮัซรัตมุอาวิยฮ์ และฮัซรัตอบูหุร็อยเราะห์
(ร.ฎ.)
ผู้เขียนริฟาอะตุมุสลิมีน กล่าวเกี่ยวกับเรื่องข้างต้นว่า คืนวันพุธ และกลางคืนของทั้ง
สองวันอีด ควรจะหลีกเลี่ยงรวมทั้งคืนหลังจากที่บุคคลตั้งใจจะเดินทางในวันรุ่งขึ้น ก็ควร
จะหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ การมีเพศสัมพันธ์ในคืนเหล่านี้อาจจะมีผลต่อลูก
รายงานในติบบุนนะบะวีย์ ว่ารอซูลุลลลอฮ์ (ศ็อลฯ) ได้แนะนำ ฮัซรัตอะลี (ร.ฎ.) ว่า
อย่าได้มีเพศสัมพันธ์ในคืนที่สิบห้าเนื่องจากชัยฏอน (ชะยาฎีน) ปรากฏขึ้นจำนวนมาก
ในคืนนี้
ในฟุตโน๊ตของชะมาอีลติรมีซี กล่าวว่า หากมีการตั้งครรภ์ขึ้นในระหว่างเวลานมาซ
(โดยละเลยการทำนมาซ) ผลก็คือเด็กที่เกิดมาจะเป็นเด็กที่ไม่เชื่อฟัง
การสร้างภาพหรือจินตนาการ
เนื่องจากสิ่งแวดล้อมที่ฉ้อฉลและขาดศีลธรรม ผู้คนที่มีชีวิตอยู่ทุกวันนี้ปล่อยตัวเอง
ให้กับความชั่วช้าไร้ยางอายทุกชนิดที่มาจากวีดีโอ ทีวี ภาพยนตร์ ของเล่น หนังสือพิมพ์
นิตยสาร หรือแม้แต่โทรศัพท์ ซึ่งกลายเป็นแนวโน้มทั่วไป
ดังนั้นผู้หญิงและชายจำนวนมาก จึงเข้าไปเกี่ยวข้องในเรื่องทางเพศของคนอื่น ๆ
ที่สร้างขึ้นมาในระหว่างมีเพศสัมพันธ์กับคู่ของตนเองสิ่งนี้หะรอมอย่างที่สุด และเป็นบาป
ร้ายแรงในอิสลาม มันคล้ายคลึงกับซินา (การล่วงประเวณี) และตามความจริงอาจเรียกได้
ว่าเป็น ซินาทางความคิดและจิตใจ
จุดนี้ได้พิสูจน์เอาไว้อย่างการะจ่างชัดในหะดีษหนึ่งของรอซูลุลลอฮ์ (ศ็อล ฯ) ซึ่งมีใจ
ความว่า: การจ้องดูผู้หญิงแปลกหน้า (กออิรมะฮ์รอม) เป็นซินา (การล่วงประ
เวณี) ของดวงตา
การฟังคำพูดปลุกเร้าอารมณ์ (Passion-stirring-words) เป็นซินาทางหู การสนท
นากับหญิงแปลกหน้า (และได้รับความสำราญจากการสนทนานั้น) เป็นซินาทางลิ้นการแตะ
ต้องหญิงแปลกหน้าเป็นซินาทางมือ
การเดินทางไปหาเธอด้วยหัวใจต้องการและปรารถนาเป็นซินาทางเท้า
ดังนั้นอวัยวะเพศจะบอกได้ว่าสิ่งนี้เป็นความจริงหรือไม่ รายงานจากมุสลิม
อนึ่ง "ความปรารถนาและความต้องการของหัวใจ" ตามที่บอกในหะดีษนี้อ้างถึงการ
สร้างจินตนาการ
เพศสัมพันธ์ทางประตูหลัง
แม้ว่าจะเป็นเรื่องของคู่ผัวตัวเมียเองก็เป็นสิ่งต้องห้ามในชะรีอะฮ์ (ศาสนบัญญัติ) การ
กระทำอันน่ารังเกียจนี้ได้ถูกประณามอย่างหนักโดยรอซูลุลลอฮ์ (ศ็อลฯ)ในหลายหะดีษ
"บุคคลที่มีเพศสัมพันธ์ทางประตูหลัง (ทางทวารหนัก) กับภรรยาของเขา
อัลลอฮ์ (ร็อบบุลอิซซัต) จะไม่มองดูเขาด้วยความเมตตาในวันกิยามะฮ์" หะดีษ
"บุคคลที่มีเพศสัมพันธ์ทางประตูหลังกับภรรยาของเขาคือ มัลอูน (ผู้ถูก
สาปแช่ง)" อบูดาวูด
อิมามฆอซซาลี (รอฮิมะฮุมุลลอฮ์) เขียนไว้ในอิห์ยา ว่าเพศสัมพันธ์ทางประตูหลังนั้น
เลวร้ายยิ่งกว่าเพศสัมพันธ์ระหว่างมีรอบเดือนเสียอีก เพราะเป็นการกระทำที่ชั่วช้าลามก
ก่อให้เกิดความยากลำบากต่อผู้หญิง และความเจ็บปวดเกินควร
แม้แต่ผู้ชายก็อาจกลายเป็นเหยื่อโรคร้ายและความป่วยไข้ต่าง ๆ บางคนก็ร้ายแรงถึง
ตายหรือไม่ก็ปางตาย ทุกวันนี้การค้นคว้าทางการแพทย์ ได้ค้นพบว่าตัวประกอบความเสี่ยง
อย่างยิ่งคือเพศสัมพันธ์ทางประตูหลัง ขอให้เราเสียสละเพื่ออัลลอฮ์และรอซูลของพระองค์ ใน
การป้องกันชีวิตและสุขภาพของเรา โดยการห้ามพวกเราอย่างเด็ดขาดในการกระทำที่ขาด
ความเป็นมนุษย์นี้
เพศสัมพันธ์ระหว่างการมีรอบเดือน (เมนส์)
กุรอานได้ย้ำอย่างหนักแน่นห้ามการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างการมีรอบเดือน "หลีกห่าง
(การมีเพศสัมพันธ์) จากผู้หญิงระหว่างมีรอบเดือน" (2/22)
อัลลอฮ์เป็นผู้สร้างมนุษย์ รู้ดีว่าอะไรเป็นผลดีและอะไรเป็นอันตรายต่อมนุษย์ สิ่งที่เป็น
อันตรายทั้งหมดได้ถูกห้ามสำหรับมนุษย์เพราะว่ามันจะทำให้เขาได้รับความยากลำบากและ
ทุกข์ทรมาน การมีเพศสัมพันธ์ในระหว่างมีรอบเดือนก็จัดยู่ในข่ายนี้ด้วย
ทุกวันนี้ และอีกหลายศตวรรษต่อมา ศาสตร์ทางการแพทย์ได้ค้นพบว่าการไหลของรอบ
เดือนนั้นเต็มไปด้วยสารพิษต่างๆ ที่อาจเป็นอันตรายหากมันรวมกันเข้าไปสู่ร่างกายของผู้ชาย
หรือหากว่าไปกีดกันมันไม่ให้ไหลอย่างสะดวกจากร่างกายของผู้หญิง-ทั้งสองอย่างเกิดขึ้นอย่าง
ง่ายดายหากเกิดการมีเพศสัมพันธ์กันขึ้นในช่วงนี้ ดังนั้นมันอาจเป็นภัยที่คุกคามต่อทั้งสามี
ภรรยา การกระทำเช่นนี้เป็นตัวประกอบสำคัญที่นำไปสู่ความเจ็บปวดอย่างยิ่ง และบ่อยครั้งนำ
ไปสู่โรคร้ายแรงทางเพศได้ ตามความเป็นจริงแล้วผลของมันยังได้ส่งต่อไปยังทารกในครรภ์
ด้วย
มุฮัมมัด อิมรอน เขียน : ศิระ นวนมี แปล
ที่มา http://www.halalthailand.com