นบีมุฮัมมัด เกิดในเผ่ากุเรชเมื่อประมาณเกือบ 1,500 ปีที่แล้วในเมืองมักก๊ะฮฺบนคาบสมุทรอาหรับซึ่งปัจจุบันคือประเทศซาอุดิอาระเบีย
มุฮัมมัด ชื่อที่ถูกกล่าวถึงทุกวัน
โดย: บรรจง บินกาซัน
วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ.2558 ที่ผ่านมาตรงกับวันที่ 12 เดือนเราะบีอุลเอาวัล ฮ.ศ.1437 ซึ่งเป็นวันคล้ายวันประสูติของท่านนบีมุฮัมมัด ศาสนทูตคนสุดท้ายที่พระเจ้าส่งมาเป็นความเมตตาสำหรับทุกประชาชาติ ผมขอถือโอกาสนี้เขียนอะไรบางอย่างเพื่อเป็นการระลึกถึงเกียรติคุณของท่านและเพื่อให้ผู้อ่านรู้จักมหาบุรุษนามอุโฆษผู้นี้มากยิ่งขึ้น
นบีมุฮัมมัด เกิดในเผ่ากุเรชเมื่อประมาณเกือบ 1,500 ปีที่แล้วในเมืองมักก๊ะฮฺบนคาบสมุทรอาหรับซึ่งปัจจุบันคือประเทศซาอุดิอาระเบีย บรรพบุรุษของท่านสามารถสืบเชื้อสายย้อนไปถึงนบีอิบรอฮีมหรืออับราฮัม กล่าวคือ นบีอิบรอฮีมมีลูกชายคนแรกชื่ออิสมาอีลจากนางฮาการ์ภรรยาคนที่สอง อิสมาอีลมีลูกชายหลายคน หนึ่งในนั้นชื่อฮัยดัรฺ(ในภาษาอาหรับ) แต่ในคัมภีร์ไบเบิลเรียกว่าเคดาร์ และเคดาร์นี้เองคือต้นตระกูลของเผ่ากุเรช
ในบันทึกการสืบเชื้อสายของนบีมุฮัมมัด ก่อนหน้าท่าน ไม่เคยมีชาวอาหรับคนใดเคยใช้ชื่อมุฮัมมัดมาก่อนแม้แต่บรรพบุรุษของท่านเอง แต่ในคัมภีร์กุรอาน 61:6 พระเยซูหรือนบีอีซาได้เอ่ยชื่อของนบีมุฮัมมัดเมื่อท่านพูดกับพวกลูกหลานอิสราเอลว่า :
“ลูกหลานอิสราเอลเอ๋ย แท้จริง ฉันเป็นศาสนทูตของพระเจ้าที่ถูกส่งมายังพวกท่าน เป็นผู้ยืนยันคำสอนที่มีอยู่ในคัมภีร์เตารอต(โตราห์)ก่อนหน้าฉันและเป็นผู้แจ้งข่าวดีถึงศาสนทูตคนหนึ่งผู้จะมาภายหลังฉัน นามของเขาผู้นั้นคืออะหมัด”
ข้อความจากคัมภีร์กุรอานสามารถเข้าใจได้อย่างง่ายๆว่าพระเยซูได้พูดถึงการมาของศาสนทูตหรือนบีคนหนึ่งหลังจากท่านและระบุชื่อของนบีคนนั้นว่าชื่ออะหมัด
อ่านมาถึงตรงนี้ ผู้อ่านบางท่านอาจคิดว่าผู้เขียนยกคัมภีร์กุรอานมาเข้าข้างนบีที่ตนเองนับถือ ถ้าเช่นนั้น ผู้เขียนก็ขอยกข้อความจากคัมภีร์ไบเบิลของเซนต์ บาร์นาบัสที่บันทึกคำพูดของพระเยซูไว้มาเป็นหลักฐาน พระเยซูพูดไว้ดังนี้ :
ครั้นปุโรหิตถามว่า “มาซีฮานั้นจะถูกเรียกอย่างไร และอะไรเป็นสัญญาณแสดงให้เราเห็นถึงการมาของเขา ?” พระเยซูตอบว่า “นามของมาซีฮานั้นคือการสรรเสริญ พระเจ้าทรงให้นามแก่เขา ขณะที่พระองค์ทรงให้บังเกิดวิญญาณของเขาและสถิตอยู่ในสวนสวรรค์ พระเจ้าตรัสว่าจงคอยมุฮัมมัด เพื่อประโยชน์ของเจ้า จึงได้บังเกิดสวรรค์ โลกและสิ่งที่ถูกบังเกิดอีกมากมาย เราให้เจ้ากำเนิดเป็นของขวัญ ผู้ใดให้พรแก่เจ้า ผู้นั้นจะได้รับพร ผู้ใดสาปแช่งเจ้า ผู้นั้นก็จะถูกสาปแช่งด้วย เมื่อเราจะส่งเจ้าไปยังโลก เราจะส่งเจ้าไปในฐานะศาสนทูตเพื่อความรอดพ้น และโลกของเจ้าจะถูกนำไปสู่ทางอันเที่ยงตรง แม้นฟ้าและแผ่นดินจะสิ้นสลายแต่ความศรัทธาของเจ้าจะไม่สลาย”
“มุฮัมมัดเป็นนามที่พระองค์ทรงให้พร”
บรรดาพวกเขาต่างก็แซ่ซ้องร้องว่า “โอ้พระเจ้า โปรดประทานศาสนทูตของพระองค์ลงมาเถิด โอ้ มุฮัมมัด จงมาเร็วเถิดๆเพื่อนำโลกไปสู่หนทางแห่งความรอดพ้น”
ต้นฉบับภาษาอิตาเลียนของเซนต์ บาร์นาบัสนี้อยู่ที่ห้องสมุดอิมพีเรียล กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย
ผู้ทรงความรู้ชาวคริสเตียนรู้จักสถานะภาพของเซนต์ บาร์นาบัสดีว่ามีความใกล้ชิดกับพระเยซูเพียงใด แต่เนื่องจากเซนต์ บาร์นาบัสบันทึกนามของนบีมุฮัมมัดไว้ชัดเกินไป บันทึกของเซนต์ บาร์นาบัสจึงไม่ถูกนำมารวมไว้ในคัมภีร์ไบเบิล แต่กระนั้นก็ตาม ในคัมภีร์ไบเบิลทั้งพันธะสัญญาเก่าและพันธะสัญญาใหม่มีข้อความหลายตอนที่แม้จะไม่เอ่ยชื่อมุฮัมมัดโดยตรง แต่ก็ไม่สามารถตีความเป็นบุคคลอื่นไปได้นอกจากนบีมุฮัมมัด
คำว่าอะหมัดเป็นภาษาอาหรับที่มาจากคำว่า “ฮัมด์” ซึ่งแปลว่าการยกย่องสรรเสริญ ส่วนคำว่าอะหมัดเป็นคำเปรียบเทียบในระดับที่สูงกว่าและมุฮัมมัดเป็นคำเปรียบเทียบในระดับสูงสุด ซึ่งหมายถึงผู้ได้รับการยกย่องอย่างสูงสุดและถูกยกย่องอยู่เนืองๆ
หลังสมัยของนบีมุฮัมมัด ความศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียวในฐานะรากฐานของศาสนาที่ท่านนำมาประกาศแก่มนุษยชาติยังคงอยู่คู่กับนามของนบีมุฮัมมัด ถ้อยคำที่ว่า “ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺและมุฮัมมัดเป็นศาสนทูตของอัลลอฮฺ” ยังคงถูกกล่าวในการเรียกร้องเชิญชวนคนมาละหมาดและในการละหมาดทุกวินาทีที่โลกหมุนไป
ต่อมา สาวกของท่านนบีมุฮัมมัดได้นำชื่อของท่านมาตั้งเป็นชื่อลูกหลานของตนเอง อย่างน้อยที่สุด สุลต่านหกคนของอาณาจักร ออตโตมานก็ใช้ชื่อมุฮัมมัด แต่เขียนในภาษาและสำเนียงชาวเติร์กว่า “เมฮ์เมต” (Mehmet)
นอกจากนี้ยังมีนักวิชาการคนสำคัญๆอีกหลายคนที่ใช้ชื่อมุฮัมมัดแม้มิได้เป็นชาวอาหรับก็ตาม เช่น มุฮัมมัด อิบนุมูซา อัลควาริซมี นักคณิตศาสตร์และนักวิทยาศาสตร์ชาวเปอร์เซีย เป็นต้น เมื่อแคสเซียส เคลย์ นักชกจอมโวเข้ารับอิสลาม เขาก็เปลี่ยนชื่อเป็น มุฮัมมัด อาลี
หลังยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ ชาวตะวันตกส่วนหนึ่งมองศาสนาว่าเป็นเรื่องล้าสมัยและหันไปนับถือวิทยาศาสตร์แทนศาสนา ดังนั้น ชาวตะวันตกจึงไม่สนใจในคำสอนของคัมภีร์ไบเบิลและเลยเถิดจนถึงขั้นดูหมิ่นศาสนา พระเยซูถูกนำมาล้อเล่นในภาพยนตร์และเสียงเพลงและนบีมุฮัมมัดได้ถูกนำมาวาดภาพเป็นผู้ก่อการร้ายซึ่งสร้างความไม่พอใจให้แก่มุสลิมทั่วโลก
แม้กระนั้นก็ตาม จากการสำรวจว่าเด็กเกิดใหม่ในอังกฤษและเวลส์ใช้ชื่ออะไรมากที่สุดใน ค.ศ.2014 ซึ่งเป็นช่วงหลังกระแสหมิ่นนบีมุฮัมมัด ปรากฏว่าชื่อที่ถูกตั้งให้แก่ทารกเป็นอันดับหนึ่งคือ ชื่อ มุฮัมมัด
ขอขอบคุณข้อมูล: อ. บรรจง บินกาซัน