เดือนรอญับ มีซุนนะห์ให้ถือศีลอดหรือไม่? ปีนี้ตรงกับวันที่เท่าไหร่?
ประกาศจุฬาราชมนตรี วันที่ 1 ของเดือนรอยับ ฮิจเราะห์ศักราช 1441 ตรงกับวันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ 2563
กรณีการถือศีลอดเดือนรอญับนั้น ปวงปราชญ์มีทัศนะที่แตกต่างกัน
นักปราชญ์ฟิกห์ส่วนมาก จากมัซฮับหะนะฟีย์ , มัซฮับมาลิกีย์ , และมัซฮับชาฟิอีย์ , และทัศนะคำกล่าวส่วนหนึ่งจากมัซฮับฮัมบาลีย์ มีทัศนะว่า สุนัตให้ทำการถือศีลอดในเดือนรอญับทั้งเดือน
ส่วนมัซฮับฮัมบาลีย์ มีทัศนะว่า มักโระฮ์ (อนุญาตให้กระทำได้แต่ไม่ทำดีกว่า) ในการถือศีลอดเดือนรอญับทั้งเดือนเป็นเอกเทศน์โดยไม่ถือศีลอดสุนัตเดือนอื่น ๆ และหลักการมักโระฮ์นี้จะหมดไปตามทัศนะของพวกเขา ด้วยการไม่ถือศีลอดหนึ่งวันหรือสองวันของเดือนรอญับหรือถือศีลอดเดือนอื่น ๆ ด้วย
จากทัศนะปวงปราชญ์มัซฮับทั้งสี่นั้น ไม่มีมัซฮับใดที่ฮุกุ่มว่าการถือศีลอดเดือนรอญับทั้งเดือนเป็นสิ่งที่บิดอะฮ์หะรอมแต่มากสุดแค่มักโระฮ์ ดังนั้นการฮุกุ่มว่าการถือศีลอดทั้งเดือนรอญับเป็นบิดอะฮ์หะรอม ถือว่า เป็นการกำหนดฮุกุ่มศาสนาขึ้นเองโดยไม่มีหลักฐานอัลกุรอานและซุนนะฮ์มาระบุ
หลักฐานของทัศนะนักปราชญ์ส่วนมาก ดังนี้
1. ท่านอัลหาฟิซฺ อิบนุ หะญัร อัลฮัยตะมีย์ กล่าวไว้ในหนังสือ อัลฟะตาวา อัลฟิกฮียะฮ์ อัลก๊อบรอ ของท่านว่า "ท่านได้มีความเห็นสอดคล้องกับฟัตวาของท่าน อิมาม อิซซุดดีน บิน อับดุสสลาม คือท่านได้ถูกถามเกี่ยวกับหลักการที่ถ่ายทอดจากนักหะดิษบางส่วนที่ห้ามการถือศีลอดเดือนรอญับและให้ความสำคัญกับเดือนร่อญับ ว่า ใช้ได้หรือไม่?
ในการบนบานว่า จะถือศีลอดตลอดทั้งเดือนร่อญับ ท่านอิมามอิซซุดดีน บิน อับดุสสลาม ตอบว่า การบนบานถือศีลอดของเขานั้นถือว่าใช้ได้ อีกทั้งยังเป็นการสร้างความใกล้ชิดต่ออัลเลาะฮ์ตาอาลา และบุคคลที่ห้ามจากการถือศีลอดของเขานั้น ถือว่าโง่เขลาจากหลักฐานฮุกุ่มต่าง ๆ ของศาสนา และการถือศีลอดของเขาจะถูกห้ามได้อย่างไร ในเมื่อบรรดานักปราชญ์ได้บันทึกหลักการของชะรีอะฮ์ไว้แล้วโดยไม่มีนักปราชญ์คนใดนำการถือศีลอดของเขา (ผู้ที่บนบานถือศีลอดในเดือนรอญับ) เข้าไปอยู่ภายใต้หลักการที่มักโระฮ์
แต่ในทางตรงกันข้าม การถือศีลอดของเขากลับเป็นการสร้างความใกล้ชิดต่ออัลเลาะฮ์ตาอาลา เพราะมีบรรดาหะดิษซอฮิห์ได้ส่งเสริมให้ทำการถือศีลอด เช่น ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า :
"อัลเลาะฮ์ทรงตรัสว่า ทุกการปฏิบัติอะมัลของลูกหลานอาดัมนั้นมีให้สำหรับเขา นอกจากการถือศีลอด (ที่มีให้สำหรับฉัน)" และคำกล่าวของท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมความว่า "กลิ่นปากของผู้ถือศีลอดนั้น ย่อมหอม ณ ที่อัลเลาะฮ์ ยิ่งกว่ากลิ่นชะมดเชียง"
และคำกล่าวของท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลม
ความว่า "การถือศีลอดที่ดีเลิศคือการถือศีลอดของพี่น้องของฉัน คือดาวูด ซึ่งเขาได้ถือศีลอดหนึ่งและไม่ถือศีลอดหนึ่งวัน(คือถือศีลอดวันเว้นวัน)" และการถือศีลอดของท่านนบีดาวูดนั้นไม่ถูกจำกัดยกเว้นในเดือนรอญับด้วย" ดูเล่ม 2 หน้า 53
ท่านอัชเชากานีย์ กล่าวว่า "แท้จริงได้มีหะดิษที่บ่งชี้ถึงบทบัญญัติการถือศีลอดของเขาตามนัยยะที่ครอบคลุมและเจาะจง สำหรับหะดิษที่มีความหมายครอบคลุมคือบรรดาหะดิษที่ส่งเสริมในการถือศีลอดในบรรดาเดือนอัลฮุรุม (หมายถึงเดือนที่ต้องห้ามจากการทำสงครามคือเดือน ร่อญับ , ซุลเกาะอฺดะฮ์ , ซุลฮิจญะฮ์ , และอัลมุฮัรร๊อม)
และการส่งเสริมถือศีลอดบรรดาเดือนอัลฮุรุมนั้น เป็นมติของปวงปราชญ์ และเช่นเดียวกันกับสิ่งดังกล่าว คือมีบรรดาหะดิษที่ได้วางบทบัญญัติในเรื่องการถือศีลอดในรูปแบบกว้าง" ดูนัยลุลเอาฏ๊อร เล่ม 4 หน้า 291
2. อบูดาวูด ได้รายงานจาก มุญีบะฮ์ อัลบาฮิลียะฮ์ จากบิดาหรือน้าชายของนาง ว่า "เขาได้เคยไปหาท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม หลังจากนั้นหนึ่งปีเขาได้เดินทางไปหาท่านนบี โดยสภาพร่างกายของเขาเปลี่ยนไป ดังนั้น เขากล่าวว่า โอ้ ท่านร่อซูลัลลอฮ์ ท่านไม่รู้จักฉันดอกหรือ ? ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ กล่าวว่า ท่านเป็นใคร? เขาตอบว่า ฉันคือ อัลบาฮิลีย์ ที่เคยมาหาท่านในช่วงปีแรก ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์กล่าวว่า อะไรทำให้(ร่างกายของ)ท่านเปลี่ยนไป ทั้งที่ท่านมีบุคคิกงดงาม เขาตอบว่า ตั้งแต่ฉันจากท่านไป ฉันไม่รับประทานอาหารเลยนอกจากตอนกลางคืนเท่านั้น
ดังนั้น ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า เหตุใดท่านจึงทรมานตนเอง หลังจากนั้นท่านร่อซุลเลาะฮ์ กล่าวว่า ท่านจงถือศีลอดในเดือนแห่งความอดทนซิ (คือเดือนรอมะฏอน) และหนึ่งวันของทุก ๆ เดือน เขากล่าวว่า ท่านจงเพิ่มให้แก่ฉันเถิดเพราะฉันยังมีกำลัง ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์กล่าวว่า ท่านจงถือศีลอดสองวัน(ของทุก ๆ เดือน) เขากล่าวว่า ท่านจงเพิ่มแก่ฉันเถิด ท่านนบีกล่าวว่า ท่านจงถือศีลอดสามวันซิ เขากล่าวว่า ท่านจงเพิ่มแก่ฉันเถิด ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ จึงกล่าวว่า
ท่านจงถือศีลอดเดือนอัลฮุรุม (คือเดือน ร่อญับ , ซุลเกาะอฺดะฮ์ , ซุลฮิจญะฮ์ , และอัลมุฮัรร๊อม) และท่านจงละเว้น(การถือศีลอด) แล้วก็จงถือศีลอดจากเดือนอัลฮุรุมต่อ และท่านจงว่างเว้น(การถือศีลอด) แล้วท่านจงถือศีลอดจากเดือนอัลฮุรุมต่อไป และท่านจงว่างเว้น(การถือศีลอด) และท่านนบีก็ได้ยกนิ้วทั้งสามให้ติดกันหลังจากนั้นท่านก็ปล่อย" ดู เล่ม 2 หน้า 322
ท่านอิบนุมาญะฮ์ ได้รายงานจาก อบีมุญีบะฮ์ อัลบาฮิลี จากบิดาหรือน้าของเขา ความว่า : "ฉันได้ไปหาท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม แล้วฉันกล่าวว่า โอ้ ศาสนทูตของอัลเลาะฮ์ ฉันคือบุรุษที่เคยมาหาท่านในปีแรก ท่านนบีจึงกล่าวว่า อะไรที่ทำให้ฉันเห็นว่าท่านมีร่างกายซูบผอมไป ฉันตอบว่า โอ้ ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ฉันไม่เคยรับประทานอาหารในตอนกลางวันเลย นอกจากฉันจะรับประทานในตอนกลางคืน ท่านนบีได้กล่าวว่า ใครที่ใช้ให้ท่านทรมารตัวเอง ฉันกล่าวว่า โอ้ท่านร่อซูลัลลอฮ์ แท้จริงฉันมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ท่านนบีกล่าวว่า ท่านจงถือศีลอดในเดือนแห่งความอดทน (เดือนร่อมะฏอน)ซิ และถือศีลอดอีกหนึ่งวันหลังจากนั้น ฉันกล่าวว่า แท้จริงฉันยังมีพละกำลัง ท่านนบีกล่าวว่า ท่านจงถือศีลอดในเดือนแห่งความอดทนและถือศีลอดสองวันหลังจากนั้นซิ ฉันกล่าวว่า แท้จริงฉันยังมีพละกำลังอยู่ ท่านนบีกล่าวว่า ท่านจงถือศีลอดในเดือนแห่งความอดทนและสามวันหลังจากนั้นซิ และท่านจงถือศีลอดในบรรดาเดือนอัลฮุรุม (ที่ต้องห้ามจากการทำสงครามคือเดือน ร่อญับ , ซุลเกาะอฺดะฮ์ , ซุลฮิจญะฮ์ , และอัลมุฮัรร๊อม)" ดูเล่ม 1 หน้า 554
ท่านอิมามอันนะวาวีย์ กล่าวว่า : "คำกล่าวของท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ที่ว่า "ท่านจงถือศีลอดจากบรรดาเดือนอัลฮุรุมและท่านจงละเว้น" คือท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ได้ใช้ให้เขาทิ้งการถือศีลอด(หลังจากได้ถือจากเดือนอัลฮุรุมแล้ว) เพราะจะเป็นความลำบากบนเขาที่ทำการถือศีลอดมาก ๆ เสมือนที่ได้กล่าวไว้ในส่วนแรกของอัลหะดิษ แต่สำหรับผู้ที่ไม่มีความลำบากบนเขานั้น ถือว่าการถือศีลอดตลอดทั้งเดือนอัลฮุรุมย่อมเป็นความดีงาม" ดูอัลมัจญ์มั๊วะ เล่ม 6 หน้า 439
ท่านชัยคุลอิสลาม ซะการียา อัลอันซอรีย์ กล่าวว่า : "การใช้ให้ผู้ร่วมสนทนา(คืออัลบาฮิลีย์) ทำการละเว้นการถือศีลอดนั้น เพราะว่าการถือศีลอดมาก ๆ จะทำให้มีความลำบากบนเขาเสมือนที่หะดิษได้บอกไว้อย่างชัดเจน สำหรับผู้ที่ไม่มีความลำบากบนเขานั้น การถือศีลอดตลอดเดือนอัลฮุรุม ย่อมเป็นความดีงามสำหรับเขา" (ดูหนังสืออัสนัลมะฏอลิบ เล่ม 1 หน้า 433)
ท่านอิบนุหะญัร กล่าวว่า : "บรรดาปวงปราชญ์กล่าวว่า การที่ท่านนบีใช้ให้ว่างเว้นการถือศีลอดนั้น เพราะการถือศีลอดมาก ๆ จะทำให้เกิดความลำบากบนเขา เสมือนที่ได้กล่าวไว้ในหะดิษแรก สำหรับผู้ที่ไม่มีความลำบากบนเขานั้น การถือศีลอดตลอดเดือนอัลฮุรุม ย่อมเป็นความประเสริฐ ดังนั้น ท่านจงพิจารณาการสั่งใช้ของท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ให้ทำการถือศีลอดในบรรดาเดือนอัลฮุรุมในหะดิษสายรายงานแรก และได้ใช้ให้ถือศีลอดในเดือนอัลฮุรุมในหะดิษสายรายงานที่สอง ท่านจะพบว่าหะดิษได้ระบุถึงการใช้ให้ทำการถือศีลอดในเดือนรอญับหรือถือศีลอดจากส่วนหนึ่งของเดือนรอญับ เพราะเดือนรอญับนั้นเป็นส่วนหนึ่งของเดือนอัลฮุรุม ยิ่งกว่านั้น ยังเป็นเดือนที่มีความประเสริฐยิ่ง"(รองจากเดือนอัลมุฮัรร๊อม) ดูอัลฟะตาวา อัลฟิกฮียะฮ์ อัลก๊อบรอ เล่ม 2 หน้า 53
ดังนั้น หลักฐานหะดิษเหล่านี้จึงเพียงพอแล้วสำหรับผู้ปราถนาที่จะทำความดีงามในการถือศีลอดเดือนรอญับ
สำหรับการถือศีลอดในเดือนชะอฺบาน
ท่านอัตติรมีซีย์ ได้รายงานจากอบูฮุรอยเราะฮ์ ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ ว่าท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
"เมื่อเข้าสู่ครึ่งที่สองของเดือนชะอฺบาน ท่านทั้งหลายอย่าถือศีลอด" ดู หะดิษที่ 738 ท่านอัตติรมีซีย์กล่าวว่า หะดิษนี้ซอฮิห์
ท่านอิบนุมาญะฮ์ รายงานว่า
"เมื่อถึงครึ่งหนึ่งของเดือนชะอฺบานแล้ว จะไม่มีการถือศีลอด จนกว่าจะเข้าสู่รอมะฏอน" ดูหะดิษที่ 1651
แต่จะไม่ห้ามการถือศีลอดในวันที่สงสัย (ว่าเข้าเดือนรอมะฏอนแล้วหรือยัง) และไม่ห้ามการถือศีลอดในครึ่งที่สองของเดือนชะอฺบาน เมื่อมันไปตรงกับวันที่ผู้ถือศีลอดได้ปฏิบัติอยู่เป็นประจำ หรือเขาได้ถือศีลอดต่อเนื่องกันมาจนเข้าสู่ครึ่งที่สองของเดือนชะอฺบาน
ท่านอบูฮุรอยเราะฮ์ รายงานจากท่าน ร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมความว่า
"ท่านทั้งหลายอย่าถือศีลอดก่อนเข้าสู่รอมะฏอนหนึ่งวันหรือสองวัน นอกจากผู้ที่ได้ถือศีลอดเป็นประจำ ก็ให้เขาถือศีลอดเถิด" รายงานโดย บุคอรีและมุสลิม
- ดุอาอฺเดือนรอญับ อยากให้อ่านกันเยอะๆ
- ดุอาอฺให้มีชีวิตอยู่ถึงรอมฎอน
- วิธีละหมาดฮายัตภาษาไทย ละหมาดขอความช่วยเหลือ ที่ถูกต้องทำอย่างไร
- การอ่านยาซีน 3 จบ แล้วทำการเลี้ยงอาหารคืนนิสฟูชะอฺบาน
- เดือนต้องห้ามในอิสลาม
- ความประเสริฐของเดือนรอญับ แนะสิ่งที่ควรทำในเดือนรอญับ
สำนักข่าวมุสลิมไทยโพสต์
www.sunnahstudent.com