อยากให้เน้นเรื่องการสำรวม วาจา ใจและกิริยาท่าทาง รวมไปถึงการแต่งกายที่ปกปิดเอาเราะห์
คำถาม : อยากได้ข้อชี้แนะ ถ้าเราต้องทำงานท่ามกลางคนที่ไม่ใช่มุสลิม มีไรแนะนำบ้างไหมค่ะ
คำตอบ : ก็คงไม่มีไรมาก แค่วางตัวตามกรอบอิสลามที่ได้กำหนดไว้
สำหรับมุสลีมะห์นั้น อยากให้เน้นเรื่องการสำรวม วาจา ใจและกิริยาท่าทาง รวมไปถึงการแต่งกายที่ปกปิดเอาเราะห์ และพยายามให้มิดชิดให้มากที่สุด เพราะอิสลามเน้นถึงเกียรติของสตรีมุสลิมะห์เป็นสำคัญ ในการที่จะไม่ให้ชายใด ไม่ว่าเป็นชายมุสลิม หรือชายกาเฟรก็ตาม มาแทะโลมได้ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของสายตา การมอง หรือคำพูด การกระทำใดๆก็ตาม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับมุสลีมะห์คนนั้นๆว่า เค้าได้แต่งกาย แต่งหน้าแต่งตาหรือวางตัวเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ชายนั้นได้แทะโลมหรือเปล่า
เช่น เราสนทนากับเพศตรงข้าม โดยมิใช่เพื่องาน หรือเพื่อความจำเป็นหรือเปล่า อาจจะเผลอบ้าง แต่ความไม่จำเป็นมีมากกว่าหรือไม่ เพราะเมื่อการคุยกัน สนทนากัน โดยไม่ใช่เพื่องานแล้วหล่ะก็ มักจะมีในเรื่องของการหยอกล้อกันเกิดขึ้นระหว่างกัน หรือการพูดคุยกันที่มากไปด้วยสิ่งไร้สาระ หรือการแสดงออกซึ่งท่าทาง และกิริยาวาจา ที่ส่อในทางที่จะทำให้ชายนั้นคิดว่า เราเป็นคู่สนทนาชั้นยอดของเขาไปเลยหรือเปล่า
และประการสำคัญคือ การแต่งกาย ที่ดึงดูดเพศตรงข้ามมากไปหรือเปล่า สีสันฉูดฉาดไหม ตามรสนิยมของพวกเค้าไหม
เพราะมุสลิมะเราหลายคน ที่เออตามเค้าในเรื่องของสีที่ใส่ในสำนักงานต่างๆ ตามวันต่างๆ ซึ่งมีสีหลายสีที่พอจะทำให้หญิงมุสลีมะห์หน้าตาดีดี หรือธรรมดาๆ กลับเพิ่มความสนใจจากเพศตรงข้ามไปในระดับนึง ทั้งๆที่บริษัท หรือสำนักงานนั้นไม่ได้บังคับด้วยซ้ำไป แต่เรากลับมองข้ามและเออตามไปด้วย สิ่งนี้หล่ะ คือสิ่งที่เป็นประการสำคัญในการที่มุสลิมะห์นั้นควรตระหนักและพึงสังวรตัวเองไว้สักนิดว่าเราเป็นมุสลิม เราก็ต้องทำตัวให้แตกต่างจากต่างศาสนิก เหมือนชาย (ขอมาอัฟหากไปกระทบใคร)
ท่านรอซูลุลลอฮให้ชายนั้น แตกต่างกับคนต่างศาสนิก คือไว้เครา และเล็มหนวด (หะดิษศอเฮียะ) แต่หญิง อิสลามให้มีเครื่องแต่งกาย ที่แตกต่างจากกาเฟร และความละอายเป็นสำมะคัน กาเฟรเค้าสวมฟิตๆ เปิดนั่น เปิดนี่ ไร้ค่าเสียเหลือเกิน แล้วหากมุสลิม ใส่ฟิตๆ เปิดนั่น เปิดนี่ไปด้วย ถามว่า มันจะต่างอะไรกับเค้าหรือ
ประการสุดท้ายคือ การนำเสนอและแสดงออกถึงจุดยืนในเรื่องพิธีกรรมในทางศาสนาและการปฏิบัติ ให้เรานำเสนอและพูดให้เค้าเข้าใจว่า หากเป็นเรื่องศาสนาเราไม่ขอร่วมและคงจะเข้าใจดี เหมือนดั่งที่เราทำพิธีกรรมทางศาสนาของเรา แต่ก็ไม่เห็นว่าเขามาร่วมกับเราด้วย อันนี้คือความแตกต่างที่ต้องเข้าใจกัน ซึ่งเมื่อเรามุสลีมะห์ วางตัวและนำเสนอจุดยืนว่า มุสลีมะห์มีความแตกต่างในเรื่องการวางตัว จากหญิงต่างศาสนิก และการปฏิบัติของเรามีความชัดเจนในเรื่องการยึดถือ ปฏิบัติ เชื่อ เมื่อนั้นหล่ะ อัลลอฮจะให้ท่านได้รับเกียรติสูงสุดในการที่จะเป็น ผู้ที่มีเกียรติยิ่ง ณ พระองค์ และพระองค์ ก็จะทรงให้ท่านยืนด้วยความสง่างาม ในบริษัทและสำนักงานนั้นๆด้วยความภาคภูมิใจว่า ฉันเป็นมุสลิมที่นับถือศาสนาอิสลาม ไม่ใช่มุสลิมเพียงปากบอกว่า เราคือมุสลิม แต่มุสลิมที่ไม่ต่างอะไรกับกาเฟรเขา
ขออัลลอฮทรงทำให้ท่านยืนหยัดในหลักการของพระองค์ แล้วท่านจะเป็นมุสลิมที่ศรัทธา ที่สมบูรณ์ และบั้นปลายนั้นก็คงไม่พ้น สวรรค์ของพระองค์
ท่านรอซูลุลลอฮ กล่าวว่า “เพียงแค่นางละหมาดครบห้าเวลา ถือศีลอดในเดือนรอมฎอน รักษาพรหมจรรย์ของนาง และเชื่อฟังสามีของนาง นางจะเข้าสวรรค์จากประตูใดก็ได้ ตามที่นางต้องการ" (หะดิษศอเหี้ยะ)
ขอบคุณข้อความดีดีจาก : facebook.com