ริบา (Riba) คือ การเกินเลย ส่วนเพิ่ม ในการทำธุรกรรม ที่จะทำให้เกิดความไม่ยุติธรรมในการทำธุรกรรม แก่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ดอกเบี้ย (interest) ถือเป็นส่วนหนึ่งของริบา (Riba)ริบาถือเป็นบาปใหญ่ประเภทหนึ่ง
ริบา(ดอกเบี้ย) บาปใหญ่ที่ต้องหลีกเลี่ยง
ริบา (Riba) คือ การเกินเลย ส่วนเพิ่ม ในการทำธุรกรรม ที่จะทำให้เกิดความไม่ยุติธรรมในการทำธุรกรรม แก่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ดอกเบี้ย (interest) ถือเป็นส่วนหนึ่งของริบา (Riba)ริบาถือเป็นบาปใหญ่ประเภทหนึ่ง ดังได้ถูกห้ามและพระเจ้าได้ประกาศสงครามกับผู้ที่ยุ่งเกี่ยวกับดอกเบี้ย โดยระบุไว้ในอัลกรุอ่าน ความว่า
“โอ้ ผู้ศรัทธาทั้งหลาย! จงอย่ากินริบา(ดอกเบี้ย) หลายเท่าที่ถูกทบทวี และพวกเจ้าพึงยำเกรงอัลลอฮฺเถิดเพื่อว่าพวกเจ้าจะได้รับความสำเร็จ”
(อาละอิมรอน: 130)
“บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย! พึงยำเกรงอัลลอฮฺเถิด และจงละเว้นริบา(ดอกเบี้ย) ที่ยังเหลืออยู่เสีย หากพวกเจ้าเป็นผู้ศรัทธา และถ้าพวกเจ้ามิได้ปฏิบัติตาม ก็พึงรับรู้ถึงสงครามจากอัลลอฮฺและศาสนทูตของพระองค์ และหากพวกเจ้าสำนึกผิดกลับเนื้อกลับตัวแล้วสำหรับพวกเจ้าก็คือต้นทุนแห่งทรัพย์ของพวกเจ้า โดยที่พวกเจ้าจะได้ไม่อธรรม และไม่ถูกอธรรม” (อัล-บะเกาะเราะฮฺ: 278-279)
ดังนั้น จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมมุสลิม หรือคนอิสลามจึงได้กลัวหรือต้องหลีกเลี่ยงดอกเบี้ย และต้องการระบบการเงินอิสลามที่ปราศจากดอกเบี้ย นอกจากนี้ยังมีหลักฐานจากฮาดิษ ดังนี้
ท่านศาสดามูฮัมหมัด(ซ.ล.)ได้กล่าวว่า “ผู้ใช้ ผู้ให้ ผู้บันทึก และผู้เป็นพยาน ในเรื่องของริบา (ดอกเบี้ย) ทั้งหมดนั้นย่อมเป็นผู้ที่ได้รับการสาปแช่งและเป็นผู้ที่ล้มเหลว”
(รายงานโดยมุสลิม, อบูดาวุด, อิบนุมาญะฮฺ, นาซาอี, อะหมัด)
ท่านศาสดามูฮัมหมัด(ซ.ล.)ได้กล่าวว่า “ดอกเบี้ยนั้นแบ่งออกเป็น 99 แขนง อย่างต่ำสุดของมันมีโทษร้ายแรง ดังเช่นคนๆหนึ่ง ร่วมเพศกับแม่ของเขา” บันทึกฮาดิษโดยอัดดารุกุฏนี
ไม่เพียงแต่ศาสนาอิสลามเท่านั้นที่ห้ามเรื่องดอกเบี้ย เนื่องจากความไม่ยุติธรรมที่เกิดจากดอกเบี้ย ดอกเบี้ยนั้นได้ถูกห้ามไว้ในศาสนาคริสต์และศาสนายิวมาก่อนแล้วเช่นกัน
ศาสนาคริสต์
ในคัมภีร์ไบเบิลใหม่ จากบทที่ 6 โองการที่ 34 และ 35 บทที่ 6 จากอินญิลลูกา ความว่า “เมื่อพวกท่านให้ยืมหนี้แก่ผู้ที่รอคอยความช่วยเหลือ แล้วประเสร็จอันใดอีกเล่า จะเป็นที่ทราบแก่พวกท่าน แต่จงทำความดีเถิด และจงให้ยืมหนี้ โดยไม่ต้องรอคอยผลประโยชน์ที่จะกลับคืนมา ดังนั้น ผลานิสงค์ของพวกเจ้านั้นมีอยู่มากมาย”
ศาสนายิว
คำภีร์โตราห์และตัลมูดของศาสนายิว ได้สนับสนุนการให้กู้ยืมโดยไม่มีการคิดดอกเบี้ย เพราะการคิดดอกเบี้ยนั้นถือเป็นบาปและเป็นที่ต้องห้ามตามกฏหมายของชาวยิว ในคำภีร์ตัลมูดได้เปรียบเทียบว่า ผู้ที่เอาดอกเบี้ยเสมือนหนึ่งผู้ที่ทำให้เลือดของผู้อื่นไหล
นอกจากนี้บรรดานักปราชญ์ชาวกรีกในสมัยโบราณล้วนประณามเกี่ยวกับดอกเบี้ย เช่น อริสโตเติล เพลโต
อริสโตเติล ได้กล่าวว่า“ไม่มีอะไรจริงมากไปกว่าคำพูดที่ว่าดอกเบี้ยเป็นสิ่งน่าเกลียดเพราะมันสร้างเงินจากเงิน”
ส่วนเพลโต ปรัชญากรีก ก็ได้กล่าวว่า “ไม่อนุญาตให้ใครให้เงินแก่พี่น้องของเขายืมโดยคิดดอกเบี้ย”
จะเห็นได้ว่าดอกเบี้ยได้ถูกประณามและเป็นที่รังเกียจมาตั้งแต่สมัยกรีกโบราณแล้ว ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่สังคมในปัจจุบันแสวงหาระบบการเงินที่เป็นธรรมและยุติธรรม เพื่อจรรโลงสังคมให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น และเป็นการสร้างความยั่งยืนแก่ระบบเศรษฐกิจโดยรวมอย่างแท้จริง
โดย Muhammad Azmii Mahamad
www.islamicfinancethai.com