หลายท่านคงเคยได้ยินคำพูดที่ว่า สวรรค์นั้นอยู่ในอก นรกอยู่ในใจ แต่นั้นไม่ใช่ความเชื่อของมุสลิม เพราะมุสลิมได้รับการบอกกล่าวจากอัลลอฮฺ ผ่านทางท่านนบี มาสอนมาบอกแล้วว่า
หลายท่านคงเคยได้ยินคำพูดที่ว่า สวรรค์นั้นอยู่ในอก นรกอยู่ในใจ แต่นั้นไม่ใช่ความเชื่อของมุสลิม เพราะมุสลิมได้รับการบอกกล่าวจากอัลลอฮฺ ผ่านทางท่านนบี มาสอนมาบอกแล้วว่า นรกกับสวรรค์นั้นมีอยู่จริง มีทั้งรายละเอียดลักษณะของนรกสวรรค์ และการตอบแทนทั้งความดีและความเชื่อ
การศึกษาเรื่องเหล่านี้ก็เป็นหนึ่งในหลักศรัทธาของมุสลิม ในเรื่องการตอบแทนความดีและความเชื่อของพระผู้ทรงสร้าง ในวันแห่งการตัดสิน
บทความเรื่องนรกนี้นำมาจากหนังสือ “หนทางแห่งการรอดพ้นจากไฟนรก” เขียนโดย อัลดุลกอเดรฺ บิน อะหฺมัด อัลไซน์ แปลโดย อิสมาแอล เซะวิเศษ ขอให้อัลลอฮฺทรงตอบแทนความดีแก่ท่านเหล่านี้ด้วย
นรก
ลักษณะของนรก
นรกเป็นสถานที่สำหรับการลงโทษ ที่อัลลอฮฺทรงเตรียมไว้แก่ผู้ปฏิเสธและผู้ทำความผิด ผู้ที่เข้านรกจะถูกครอบงำด้วยความอับอาย และขายหน้าเป็นอย่างยิ่ง และพวกเขาจะไม่พบผู้ช่วยเหลือแต่ประการใดเลย อัลลอฮฺทรงตรัสว่า
“พวกเขามิได้รู้ดอกหรือว่า แท้จริงผู้ใดที่ฝ่าฝืนอัลลอฮ์และร่อซูลของพระองค์ แน่นอนสำหรับเขานั้นคือไฟนรกญะฮันนัมโดยที่เขาจะอยู่ในนั้นตลอดกาลนั่นแหละคือความอัปยศอันใหญ่หลวง” (9 : 63)
รายชื่อนรก
1. อัน นารฺ (2 : 39) ไฟ(นรก)
2. อัล ญะฮีม (79 : 36) เปลวไฟ(ไฟนรก)
3. บิ ซัลมะซีรฺ (2 : 126) จุดหมายปลายทางแห่งความเลว(ที่พักแห่งความหายนะ)
4. บิ ซัลมิฮาด (2 : 206) เตียงนอนอันชั่วช้า
5. อัส ซะอีรฺ (42 : 7) สถานทีที่เลวร้ายที่พวกเขาถูกพาไป
6. บิ ซัลวัดดุเมารุด สถานที่ที่นำมาของความหายนะ
7. ซู อุดดารฺ (11 : 25) บ้านที่ร้ายกาจ
8. ดารุลบาวารฺ (14 : 28) บ้านแห่งความหายนะ
9. บิ ซัลกอรอรฺ (14 : 29) สถานที่พักที่เลวร้ายที่จำต้องอยู่
10. ญะฮันนัม (78 : 21-26) นรก
11. อัส สะมูม (15 : 27) ลมที่เผาจนไหม้เกรียม
12. ลาฎ (70 : 15) เปลวเพลิง
13. ซะกอรฺ (74 : 26-30) ไฟนรก
14. อัล ฮาวียะฮฺ (101 : 8-11) หลุมที่ไม่มีก้นหลุม
15. อัล หุฏอมะฮฺ (104 : 4-9) ไฟที่แตกกระจายเป็นเปลวเพลิง
นรกได้ถูกเตรียมไว้แล้ว
นักวิชาการมุสลิมมีความเห็นว่า ความจริงนรกและสวรรค์มีอยู่แล้วในปัจจุบันนี้ และจะไม่มีวันสาปสูญ อัลลอฮฺผู้ทรงเกรียงไกรได้ตรัสไว้ว่า
“และพวกท่านจงกลัวไฟนรกที่ได้เตรียมไว้แล้วแก่เหล่าผู้ปฏิเสธ” (3 : 131)
นรกมี 7 ประตู
นรกเป็นที่พำนักของผู้ทำบาปหลายประเภท แต่ละจำพวกของผู้ทำบาปจะมีประตูไปสู่นรก ผู้ที่ตามอิบลีส(ชัยตอน) มีประตูของพวกเขาเองที่อัลลอฮฺทรงเตรียมไว้สำหรับพวกเขาแล้ว อัลลอฮฺทรงตรัสว่า
“และแท้จริงนรกญะฮันนัม แน่นอนคือสัญญาของพวกเขาทั้งหมด มันมีเจ็ดประตู สำหรับทุกประตูมีส่วนที่ถูกจัดไว้แล้ว” (15 : 43-44)
บรรดาผู้ไม่ศรัทธาจะถูกขับลงนรกเป็นกลุ่ม และเมื่อพวกเขาถึงนรกประตูนรกจะเปิดออก อัลลอฮฺทรงกล่าวว่า
“และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาจะถูกไล่ต้อนสู่นรกเป็นกลุ่ม ๆ จนกระทั่งเมื่อพวกเขามาถึงมัน ประตูทั้งหลายของมันจะถูกเปิดออก ยามเฝ้าประตูของมันจะกล่าวแก่พวกเขาว่า บรรดาร่อซูลจากพวกท่านมิได้มายังพวกท่านเพื่อสาธยายสัญญาณต่าง ๆแห่งพระเจ้าของพวกท่านแก่พวกท่าน และกล่าวเตือนพวกท่านถึงการพบในวันนี้ของพวกท่านดอกหรือ ? พวกเขากล่าวว่ามีครับ แต่ว่าพระประกาศิตแห่งการลงโทษเป็นที่คู่ควรแล้วแก่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา” (39 : 71-72)
นรกครอบอยู่บนเขา
ประตูนรกจะปิด และไฟนรกจะครอบอยู่บนผู้ไม่ศรัทธาซึ่งจะถูกล้อมรอบด้วยไฟ
“ส่วนบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาต่อสัญญาณต่าง ๆ ของเรา พวกเขาคือพวกฝ่ายซ้าย บนพวกเขานั้นมีไฟนรกครอบคลุมอยู่อย่างมิดชิด” (90 : 19-20)
อัลลอฮฺทรงจุดไฟด้วยพระองค์เอง ไฟนี้จะลุกลามจนถึงหัวใจ และจิตใจของพวกเขา ไฟนี้จะอยุ่ใกล้ชิดกับเขาในทุกๆด้าน และปิดกั้นเขาเอาไว้ไม่มีผู้ใดสามารถช่วยเหลือเขาได้ และไม่มีผู้วิงวอนให้กับเขาได้ ภายในนั้นเขาถูกล่ามอยู่กับเสา เช่นเดียวกับสัตว์ที่ถูกล่าม โดยไม่มีการให้เกียรติแต่ประการใด
“มิใช่เช่นนั้น แน่นอนเขาจะถูกโยนลงไปในไฟนรก (อัลฮุเฏามะฮฺ) และอะไรเล่าที่ทำให้เจ้ารู้ได้ว่า ไฟนรก (อัลฮุเฏาะมะฮฺ) นั้นคืออะไร? คือไฟของอัลลอฮฺที่ถูกจุดให้ลุกโชน ซึ่งมันจะลุกไหม้เข้าไปในหัวใจ แท้จริงมันจะลุกไหม้คลุมบนพวกเขาอย่างมิดชิด อยู่ในสภาพของเสาสูงชะลูด” (104 : 4-9)
ความสามารถและความยิ่งใหญ่ของนรก
1. คนที่นรกมีจำนวนมากไม่สามารถนับได้
2. ชาวนรกแต่ละคนจะมีร่างกายใหญ่โต ฟันกรามของเขาใหญ่เท่ากับภูเขาอุฮุด และความกว้างระหว่างไหล่ทั้งสองของเขา เท่ากับระยะทางของการขับขี่อย่างเร็วเป็นเวลาสามวัน(บุคอรี) แต่กระนั้นก็ตามนรกก็ยังสามารถจัดหาที่อยู่ให้กับผู้ที่มีร่างกายใหญ่โตเช่นนี้ได้
3. เชื้อเพลิงของนรก คือ มนุษย์และหิน
4. อัลลอฮฺทรงบอกในอัลกุรอ่านว่า วันซื่งเราจะกล่าวแก่นรกญะฮันนัมว่า เจ้าเต็มแล้วหรือ? และมันจะกล่าวว่า ยังมีเพิ่มอีกไหม? (50 : 30)
5. อบู ฮุรอยเราะฮฺเล่าว่า พวกเราอยู่ร่วมกับท่านรอซุล เราได้ยินเสียงที่น่าสะพรึงกลัว ดังนั้นท่านรอซุลจึงกล่าวว่า ท่านทราบไหมว่านี่(เป็นเสียง)อะไร พวกเราพูดว่า อัลลอฮฺและรอซุลของพระองค์ทรงทราบดีและทราบดีที่สุด ดังนั้นท่านก็พูดว่า นั่นเป็นเสียงของหินที่ถูกโยนลงไปในนรกตั้งแต่ 70 ปีที่แล้ว และยังคงลื่นไหลลงและลงถึงก้นหลุมเดี๋ยวนี้(มุสลิม) หะดีษเป็นการแสดงให้เห็นถึงความใหญ่โตของนรก
6. อบู ฮุรอยเราะฮฺ เล่าว่า ท่านรอซุล กล่าวว่า นรกจะถูกนำออกมาในวันนั้น(วันพิพากษา) พร้อมด้วย 70 บังเหียน และทุกๆบังเหียนจะถูกควบคุมโดยมลาอิกะฮฺ 70 ท่าน (มุสลิม)
7. สิ่งถูกสร้างที่ใหญ่โต เช่นดวงจันทร์และดวงอาทิตย์จะถูกให้มารวมกันในนรก
8. ส่วนที่แตกต่างกันจะกินกันและกัน
9. เป็นสาเหตุให้เกิดความร้อนจัดในฤดูร้อน และหนาวจัดในฤดูหนาวในโลกนี้
ประเภทของการถูกลงโทษ
โทษแต่ละประเภทได้เตรียมไว้เรียบร้อยแล้วแล้วตามบาปของแต่ละคนที่ได้ทำเอาไว้ ผู้ทำบาปมากกว่าจะถูกให้ลงไปในนรกชั้นต่ำกว่า
ท่านรอซุล กล่าวว่า จะในบรรดาพวกเขา(ชาวนรก) บรรดาผู้ที่ไฟนรกลุกลามถึงข้อเท้าของพวกเขา และบางคนของพวกเขาจะลุกลามถึงหัวเข่าของพวกเขา และบางคนจะลุกลามถึงเอวของพวกเขา และบางพวกไฟจะลุกลามถึงกระดูกต้นคอของพวกเขา (มุสลิม)
อัลลอฮฺผู้ทรงอำนาจเด็ดขาดตรัสว่า
“และส่วนผู้ที่ตราชูของเขาเบา ที่พำนักของเขาก็คือเหวลึก (ฮาวิยะฮ์) และอะไรเล่าที่ทำให้เจ้ารู้ได้ว่าเหวลึกคืออะไร? คือไฟอันร้อนแรง” (101 : 8-11)
ชาวนรกมีความแตกต่างกัน และบาปของพวกเขาก็ไม่เท่ากัน เช่นเดียวกัน นรกไม่ได้มีระดับเดียว แต่มีความแตกต่างลดหลั่นกันลงไป การลงโทษมีหลายอย่าง และความร้อนก็แตกต่างกันด้วย อัลลอฮฺทรงตรัสว่า
“และสำหรับแต่ละคนนั้นมีหลายระดังชั้น เนื่องจากสิ่งที่พวกเขาได้ประกอบไว้และพระเจ้าของเจ้านั้นมิใช่เผลอไผลในสื่งที่พวกเขากระทำกัน” (6 : 132)
ขั้นลึกที่สุดของนรกมีไว้สำหรับพวกหน้าไหว้หลังหลอก(มุนาฟิก)
“แท้จริงบรรดามุนาฟิกนั้นอยู่ในชั้นต่ำสุดจากนรก และเจ้าจะไม่พบผู้ช่วยเหลือใด ๆ สำหรับพวกเขาเป็นอันขาด” (4 : 145)
เชื้อเพลิงของนรกคือมนุษย์และหิน
อัลลอฮฺผู้ทรงสูงเกียรติได้ทรงตักเตือนเรา และเราควรปกป้องตนเองและครอบครัวให้พ้นจากไฟนรก ดังอายะฮฺที่ว่า
“โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงคุ้มครองตัวของพวกเจ้าและครอบครัวของพวกเจ้าให้พ้นจากไฟนรก เพราะเชื้อเพลิงของมันคือมนุษย์ และก้อนหิน” (66 : 6)
คำว่ามนุษย์ในอายะฮฺนี้คือเหล่าบรรดาผู้ปฏิเสธ ผู้ที่กราบไหว้พระเจ้าจอมปลอมนอกจากอัลลอฮฺ พวกเขาจะถูกโยนให้เป็นเชื้อเพลิงในนรกพร้อมกับพระเจ้าจอมปลอมของพวกเขาด้วย อัลลอฮฺทรงตรัสว่า
“แท้จริงพวกเจ้า (มุชริกีน) และสิ่งที่พวกเจ้าเคารพบูชาอื่นจากอัลลอฮ์นั้น ทั้งหมดนั้นเป็นเชื้อเพลิงของนรก โดยพวกเจ้าจะเข้าไปอยู่ในนั้น” (21 : 98)
ผลกระทบของไฟนรกที่มีต่อโลกนี้
อบู ฮุรอยเราะฮฺ เล่าว่า ท่านรอซุล กล่าวว่า
“ไฟ(นรก)ได้บ่นกับพระเจ้าของมันว่า โอ้..พระเจ้าของฉัน ส่วนที่แตกต่างกันของฉันต่างก็กินกันเอง ดังนั้นพระองค์จึงทรงอนุญาตให้นรกได้ผ่อนหายใจได้สองครั้ง ครั้งหนึ่งในฤดูหนาว และอีกครั้งหนึ่งในฤดูร้อน(เป็นการแสดงให้รุ้ว่านรกมีทั้งความร้อนและความเย็นที่รุนแรง) และเพราะเหตุนี้จึงเป็นเหตุให้เกิดความร้อนอย่างรุนแรง และความหนาวเย็นอย่างที่สุดที่เจ้าได้ประสบ” (บุคอรี)
อบูสะอีดก็รายงานด้วยว่า ท่านรอซุล กล่าวว่า
“ให้ล่าช้าละหมาด(ดุฮฺริ) จนกระทั่งอากาศเย็นลง เพราะความร้อนอย่างรุนแรง เกิดจากการเพิ่มเปลวไฟในนรก และความร้อนได้แผ่กระจายออกมา” (บุคอรี)
ท่านหญิงอาอิชะฮฺเล่าว่า ท่านรอซุลกล่าวว่า
“การป่วยไข้มาจากการเพิ่มเปลวไฟของนรก และความร้อนของนรกก็แผ่ออกมา ดังนั้นจงทำให้เย้นด้วยน้ำ” (บุคอรี)
ความทุกข์ทรมานและการถูกลงโทษ
ในขณะที่พวกเราของความคุ้มครองจากอัลลอฮฺให้พ้นจากการถูกลงโทษของไฟนรก ขอให้เราลองจินตนาการถึงเหตุการณ์ต่อไปนี้ในนรกด้วย
ร่างใหม่
เพื่อให้การทุกข์ทรมานเจ็บปวดมากขึ้น เป็นความเจ็บปวดอันใหญ่หลวงและเป็นเวลายาวนาน ผุ้ไม่ศรัทธาจะมีร่างใหม่ดังที่ท่านรอซุล กล่าวไว้ดังนี้
“ฟันกรามหรือฟันเขี้ยวของผู้ปฏิเสธ จะเหมือนกับภูเขาอุฮุด และความหนาของผิวหนังของเขาจะเท่ากับจะเท่ากับการเดินทาง 3 คืน และความกว้างระหว่างไหล่ทั้งสองของผู้ปฏิเสธในนรกจะเท่ากับการเดินทางด้วยการขับขี่อย่างเร็วเป็นเวลา 3 วัน” (มุสลิม)
คนที่ได้รับโทษเบาที่สุด
รายงานจากอัน นัวะมาน บิน บาซีรฺ เล่าว่า ฉันได้ยินท่านรอซุล กล่าวว่า
“ในวันพิพากษาคนที่ได้รับโทษเบาที่สุดจะเป็นคนที่ส่วนโค้งของเท้าเขาวางลงบนถ่านไฟที่กำลังร้อนระอุ เป็นเหตุให้สมองของเขาเดือดพล่านเหมือนกับภาชนะทองแดง หรือภาชนะที่เป็นขอขวดที่มีน้ำกำลังเดือดพล่านอยู่ในนั้น” (บุคอรี)
รายงานจากอบู สะอีด อัลคุดรี เล่าว่า ฉันได้ยินท่านรอซุล พูดขณะที่ลุงของท่านถูกกล่าวถึงต่อหน้าท่าน ท่านกล่าวว่า
“ขอให้คำวิงวอนของฉันช่วยท่าน(อบูฏอลิบ) ในวันพิพากษา เพื่อว่าท่านอาจจะถูกให้เข้าอยุ่ในนรกชั้นตื้นๆ ที่ไฟนรกถึงข้อเท้าของเขา และเป็นเหตุให้สมองของเขาเดือด” (บุคอรี)
อาหารในนรก
มีอาหารเป็นจำนวนมากแต่เพื่อเป็นการทรมาน เพื่อให้ได้รับความอับอาย และความเจ็บปวดอยุ่ในนรก ชาวนรกจะถูกทำให้หิวและกระหาย และพวกเขาจะถูกกระตุ้นให้กินอย่างตะกละ และดื่มเหมือนกับอูฐที่เป็นโรคกระหายน้ำอย่างรุนแรง พวกเขาจะกินจะดื่มอะไรบ้างเป็นคำตอบที่น่ากลัวมาก อัลกุรอานได้บรรยายถึงอาหารไว้หลายชนิดดังนี้
1.ซักกูม (ต้นไม้มีรสขมและมีหนามในนรก)
อัลลอฮฺได้ตรัสไว้ในอัลกุรอานว่า
“แท้จริงต้นซักกูม จะเป็นอาหารของผู้ทำบาปมาก เช่นทองแดงที่ถูกหลอมเดือด มันจะต้มเดือดอยู่ในท้อง เช่นการเดือดพล่านของน้ำร้อน” (44 : 43-46)
จากนั้นต้นไม้อัปมงคลนั้นจะถูกนำเสนอแก่พวกเขาไว้ที่นี้เพื่อเป็นความทุกข์ฉกรรจ์ท่ามกลางเปลวไฟอันร้อนแรง และน้ำที่กำลังเดือด อัลกุรอานที่พวกเราอ่านคือ
“แล้วรวมทั้งพวกเจ้าอีกด้วย โอ้บรรดาผู้หลงผิด บรรดาผู้ปฏิเสธทั้งหลาย แน่นอนพวกเจ้าจะเป็นผู้กินต้นซักกูม และพวกเขาจะใส่มันเข้าไปเต็มท้อง และพวกเขาจะดื่มน้ำกำลังเดือดตามลงไป พวกเขาจะดื่ม (น้ำ) เช่นกับการดื่มของอูฐ ที่กระหายน้ำจัด” (56 : 51-56)
ต้นซักกูมเป็นต้นไม้ที่ข่มขื่นมากเป็นการทรมานอย่งแท้จริง แก่ผู้ทำความผิด มีลักษณะดังต่อไปนี้
1. เป็นต้นไม้ที่งอกจากก้นหลุมนรก
2. แม้แต่ผลของมันที่ควรจอ่อนนุ่ม ก็ยังเหมือนกับหัวปีศาจ
3. ถูกสร้างมาเพื่อให้กินอย่างตะกละ
4. บนยอดของต้นไม้มีน้ำกำลังเดือดใช้กลั้วคอเพื่อตัดลำไส้ของพวกเขา
5. ทุกครั้งที่ครบรอบความทรมานนี้แล้ว ก็จะเริ่มต้นอีก
2.ฎอเรียอะ – ต้นไม้อันแหลมคมในนรก
อัลลอฮฺผู้ทรงเกรียงไกรตรัสว่า
“ไม่มีอาหารอื่นนอกจากต้นหนามแห้ง(ฎอเรียอะ) มันจะไม่ทำให้อ้วน และไม่ทำให้หายหิว” (88 : 6-7)
ฎอเรียอะเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจเป็นอันตราย เป็นอาหารที่สะอิดสะเอียน ตามความเห็นของนักวิชาการบางท่าน เช่น อิบนิ อับบาส ฎอเรียอะเป็นต้นไม้มาจากไฟนรก
กอตาดะฮฺระบุว่าเป็นความเสียหาย เป็นอันตรายอย่างที่สุด และเป็นอาหารที่น่ารังเกียจ
ซัยยิดกุตุบ ได้อธิบายว่า เป็นต้นไม้ตระกูลหนามคล้ายตะบองเพชร มีพิษเป็นอาหารประเภทฆีสลิน และฆอสซาค ชื่อเหล่านี้ถูกระบุในอัลกุรอาน เมื่อกล่าวถึงอาหารที่มีอยุ่ในนรก ซึ่งไม่เป็นประโชฃยน์ต่อร่างกาย และไม่สามารถระงับความหิวได้เลย
3.อาหารที่ทำให้สำลัก
อัลลอฮฺทรงกล่าวไว้ว่า
“แท้จริง ณ ที่เรานั้นมีตรวนและกองไฟลุกโชน และอาหารที่ติดลำคอและการลงโทษอันเจ็บปวด” (73 : 12-13)
ในตัฟซีรฺอัล ญะลาเลน อธิบายว่า อาหารนี้คือซักกูม ฎอเรียอะ หรือฆีสลิน หรือหนามจากไฟ ซึ่งกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เป็นเหตุให้ขวางอยู่ในคอ อาหารประเภทนี้ทำให้สำลัก เพราะความน่าเกลียดน่ากลัว และสะอิดสะเอียน
4.การสวาปามไฟในนรก
มีคนที่อยู่ในนรกบางจำพวกถูกลงโทษ แม้กระทั่งดดยการทำให้พวกเขาสวาปามไฟเข้าไปในท้องของพวกเขา อัลลอฮฺทรงตรัสไว้ว่า
“แท้จริงบรรดาผู้ที่กินทรัพย์ของบรรดาเด็กกำพร้าด้วยความอธรรมนั้น แท้จริงพวกเขากินไฟเข้าไปในท้องของพวกเขาต่างหากและพวกเขาก็จะเข้าไปสู่เปลวเพลิง” (4 : 10)
และอีกอายะฮฺที่ว่า “แท้จริงบรรดาผู้ที่ปิดบังสิ่งซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคัมภีร์ ที่อัลลอฮ์ได้ทรงประทานลงมาและนำสิ่งนั้นไปแลกเปลี่ยนกับราคาอันเล็กน้อย ชนเหล่านั้นมิได้กินอะไรเข้าไปในท้องของพวกเขานอกจากไฟเท่านั้น” (2 : 174)
เครื่องดื่ม 4 ชนิด ชาวนรกเมื่อพวกเขากระหาย แน่นอนพวกเขาจะขอน้ำ และพวกเขาจะได้รับคำตอบและได้รับน้ำและพวกเขาจะดื่มเหมือนอูฐที่เป็นโรคกระหายน้ำอย่างรุนแรง พวกเขาจะได้รับเครื่องดื่ม 4 ชนิดดังนี้
1. อัล มุหฺลี – น้ำมันที่กำลังเดือด
อัลกุรอานได้บอกว่า
“แท้จริง เราได้เตรียมไฟนรกไว้สำหรับพวกอธรรมซึ่งกำแพงของมันล้อมรอบพวกเขา และถ้าพวกเขาร้องขอความช่วยเหลือ ก็จะถูกช่วยเหลือด้วยน้ำเสมือนน้ำทองแดงเดือดลวกใบหน้า มันเป็นน้ำดื่มที่ชั่วช้าและเป็นที่พำนักที่เลวร้าย” (18 : 29)
2. อัล ฆอสซากอฺ – ของเหลวที่กำลังเดือด น้ำเลือดและน้ำหนอง
อัลลอฮฺทรงตรัสว่า
“นี่ (คือการลงโทษอันเจ็บแสบ) ดังนั้นพวกเจ้าจงลิ้มรสมัน (คือ) น้ำเดือดพล่าน และน้ำเลือดน้ำหนอง (ของชาวนรก) และ (การลงโทษ) ชนิดอื่นอีก เยี่ยงการลงโทษดังกล่าวที่เท่าเทียมคู่ควรกัน” (38 : 57-58)
และอีกอาะยะฮฺที่ว่า
“ดังนั้น วันนี้เขาจะไม่มีมิตรสนิท ณ ที่นี้ และไม่มีอาหารอย่างใด นอกจากน้ำหนองที่ไหลมาจากแผลของชาวนรก ไม่มีผู้ใดกินมัน นอกจากบรรดาผู้กระทำความผิด” (69 : 35-37)
3. อัศ ศอดิก – น้ำหนองกำลังเดือด
อัศศอดิก คือ ของเสียที่ออกมาจากชาวนรก อัลลอฮฺทรงกล่าวไว้ว่า
“จากเบื้องหลังของเขาคือนรกญะอันนัม และจะได้ดื่มน้ำจากน้ำหนอง เขาจิบมันแต่ไม่อาจจะกลืนมันได้ และความตายมาหาเขาจากทุกทิศทาง โดยที่เขาก็ไม่ตาย” (14 : 16-17)
ความตายล้อมรอบด้าน แต่กระนั้นเขาจะไม่ตาย เขายังคงรอคอยความทุกข์ทรมานอันใหญ่หลวงอยุ่ ในเวลาเดียวกันเขาก็ถูกบังคับให้กลืนน้ำหนอง
4. อัล ฮามีม – น้ำกำลังเดือด
อัลลอฮฺผู้ทรงเดชานุภาพตรัสว่า
“(มีเสียงกล่าวแก่ยามเฝ้านรกว่า ) จงจับเขาไปและลากเขาไปสู่กลางไฟที่ลุกโชน แล้วจงราดลงบนหัวของเป็นการลงโทษแห่งน้ำเดือด จงลิ้มรสการลงโทษซิ แท้จริงเจ้า (เคยพูดว่า) เป็นผู้มีอำนาจ ผู้มีเกียรติ” (44 : 47-49)
และอัลลอฮฺทรงตรัสอีกว่า
“ซึ่งพวกเขาจะได้รับเครื่องดื่มจากน้ำที่ร้อนจัด และจะได้รับการลงโทษอันเจ็บแสบเนื่องจากที่พวกเขาปฏิเสธการศรัทธา” (6 : 70)
ความน่าเกลียดจากการถูกเผาไหม้
1.การเผาจนไหม้เกรียม
ความอับอายขายหน้าอย่างหนึ่ง นั่นคือ การถูกจับคว่ำหน้าแล้วโยนลงในนรก ขณะเดียวกันไฟก็โหมกระพือมากขึ้น และพวกเขาก็ลงลึกไปทุกๆที อัลลอฮฺตรัสว่า
“วันที่ใบหน้าของพวกเขาจะถูกพลิกกลับไปกลับมาในไฟนรก พวกเขาจะกล่าวว่า “โอ้ความระทมทุกข์ของเรา ! หากเราได้เชื่อฟังปฏิบัติตามอัลลอฮฺ และเราได้เชื่อฟังปฏิบัติตามร่อซูลก็จะดีหรอก !!” (33 : 66)
และอีกอายะฮฺที่ว่า
“เครื่องนุ่งห่มของพวกเขาทำด้วยวัสดุไหม้ไฟ และไฟจะลุกคลุมใบหน้าของพวกเขา” (14 : 50)
2.ใบหน้าเสียโฉม
อัลลอฮฺตรัสว่า
“วันซึ่งบรรดาใบหน้าจะขาวผ่อง และบรรดาใบหน้าจะดำคล้ำ ส่วนผู้ที่ใบหน้าของพวกเขาดำคล้ำนั้น (พวกเขาจะถูกถามว่า) พวกเจ้าได้ปฏิเสธศรัทธา หลังจากที่พวกเจ้าศรัทธาแล้วกระนั้นหรือ? พวกเจ้าจงชิมการลงโทษเถิด เนื่องจากการที่พวกเจ้าปฏิเสธศรัทธา” (3 : 106)
เกี่ยวกับนรก อัลลอฮฺผู้ทรงอำนาจเด็ดขาดตรัสว่า
“มันจะเผาไหม้ผิวหนังจนเกรียมดำ” (74 : 29)
“ไฟนรกจะเผาไหม้ใบหน้าของพวกเขา และพวกเขาจะมีใบหน้าที่บูดเบี้ยวในนรกนั้น” (23 : 104)
3.ความอับอาย การทำให้เสื่อมเสีย
ผลของการทำความชั่วจะเป็นดังเช่นที่อัลลอฮฺทรงเดชานุภาพ ตรัสไว้ว่า
” และบรรดาผู้ขวนขวายทำความชั่ว การตอบแทนความชั่วด้วยความชั่วเช่นเดียวกัน ความต่ำต้อยจะปกคลุมพวกเขา ไม่มีผู้คุ้มกันพวกเขาให้พ้นจากอัลลอฮ์ได้ เสมือนว่าใบหน้าของพวกเขาถูกคลุมไว้ด้วยส่วนหนึ่งของกลางคืนอันมืดทึบ” (10 :27)
อัลลอฮฺตรัสกับเขาว่า
“พระองค์ ตรัสว่า “พวกเจ้าจงตะเพิดไปจมอยู่ในนั้นเถิด และพวกเจ้าอย่าได้มาพูดกับข้าเลย” (23 : 108)
4.ตาบอด หูหนวก และเป็นใบ้
บรรดาผู้ที่ปฏิเสธโองการของอัลลอฮฺและวันอาคิเราะฮฺ การใช้ความสามารถทางสายตา คำพูด และการได้ยินของเขา ในวันฟื้นคืนชีพเขาจะถูกให้นอนคว่ำลง ใบหน้าของเขาจะหมดความสามารถจากสิ่งเหล่านี้ อัลลอฮฺทรงตรัสว่า
“และผู้ใดที่อัลลอฮทรงให้หลงทางแล้ว ดังนั้นสูเจ้าจะไม่พบอีกเลยสำหรับพวกเขา ซึ่งบรรดาผู้คุ้มครองอื่นจากพระองค์และเราจะชุมนุมพวกเขาในวันกิยามะฮ ถูกลากคว่ำหน้า โดยมีสภาพเป็นคนตาบอด เป็นใบ้และหูหนวก” (17 : 97)
สภาพร่างกายของผู้ที่อยู่ในนรก
1. เสื้อผ้าทำด้วยไฟ
อัลลอฮฺได้ตรัสไว้ว่า
“สำหรับบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธานั้น มีอาภรณ์ที่ทำด้วยไฟถูกตัดไว้สำหรับพวกเขา น้ำร้อนเดือดจะถูกเทราดลงบนศรีษะของพวกเขา” (22 : 19)
และอีกอายะฮฺที่ว่า
“เครื่องนุ่งห่มของพวกเขาทำด้วยวัสดุไหม้ไฟ และไฟจะลุกคลุมใบหน้าของพวกเขา” (14 : 50)
2. การล่ามโซ่
อัลลอฮฺได้ตรัสไว้ว่า
“แท้จริง ณ ที่เรานั้นมีตรวนและกองไฟลุกโชน” (73 : 12)
และอายะฮฺที่ว่า
“และวันนั้นเจ้าจะเห็นบรรดาอาชญากรถูกล่ามตรึงไว้ด้วยโซ่” (14 : 49)
3. โซ่และแอก
อัลลอฮฺผู้ทรงอำนาจตรัสว่า
“แท้จริงเราได้เตรียมโซ่ตรวน และกุญแจมือ และไฟที่ลุกโชติช่วงไว้สำหรับบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา” (76 : 4)
“และเราได้คล้องพันธนาการที่คอของบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา” (34 : 33)
“เมื่อห่วงคล้องคออยู่บนต้นของพวกเขา และโซ่ตรวนถูกลากไป” (40 : 71)
“(จะมีคำบัญชาแก่มะลาอิกะฮฺว่า) จงนำเขาไป แล้วจำตรวนเสีย แล้วโยนเขาเข้ากองไฟนรก แล้วล่ามโซ่เขา ซึ่งความยาวของมันเจ็ดสิบศอก” (69 : 30-32)
4. คฑาเหล็ก
มีคฑาเหล็กไว้สำหรับลงโทษชาวนรก ในอัลกุรอานที่เราอ่านมีดังนี้
“และสำหรับพวกเขา จะถูกทุบเขาด้วยท่อนเหล็ก ทุกครั้งที่พวกเขาต้องการจะออกไปจากนรกเนื่องจากความทุกข์ยาก พวกเขาก็ถูกให้กลับไปในนั้นอีก (มีเสียงกล่าวแก่พวกเขาว่า) “พวกเจ้าจงลิ้มรสการลงโทษที่มีไฟคุไหม้” (22 : 21-22)
5. การทำให้ละลาย
อัลลอฮฺ ทรงตรัสว่า
“สำหรับบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธานั้น มีอาภรณ์ที่ทำด้วยไฟถูกตัดไว้สำหรับพวกเขา น้ำร้อนเดือดจะถูกเทราดลงบนศรีษะของพวกเขา สิ่งที่อยู่ในท้องของพวกเขาและหนังจะถูกละลายด้วยน้ำร้อนเดือดร้อน” (22 : 19-20)
6. ไม่มีส่วนใดที่ไม่ถูกแตะต้อง
ไฟจะเผาผลาญเนื้อสดๆ กระดูกและลึกเข้าไปในส่วนใหญ่ของร่างกายของผู้ที่ถูกลงโทษ มันจะสวาปามหัวใจของพวกเขา ภายหลังจากเผาร่างกายส่วนใหญ่แล้ว ไม่มีส่วนใดเลยที่จะรอดพ้นจากการถูกแตะต้อง นี่เป็นคำยืนยันของอัลลอฮฺ ที่ตรัสไว้ว่า
“ในไม่ช้าข้าจะโยนเขาเข้าสู่กองไฟที่เผาไหม้ และอันใดเล่าทำให้เจ้ารู้ได้ว่า สิ่งที่เผาไหม้นั้นคืออะไร ? มันจะไม่เหลืออะไรเลย และมันจะไม่ปล่อยผู้ใดให้คงเหลือไว้ (เช่นกัน) มันจะเผาไหม้ผิวหนังจนเกรียมดำ” (74 : 26-29)
บางคนมีชื่ออยู่ในนรกแล้ว
1. ฟิรฺเอานฺ
ฟิรฺเอานฺได้ถูกกล่าวถึงในอัลกุรอาน เป็นหัวหน้าประชาชนของเขา และนำพวกเขาสู่นรกในวันพิพากษา
“และโดยแน่นอนเราได้ส่งมูซา พร้อมด้วยสัญญาณต่างๆ ของเราและหลักฐานอันชัดแจ้ง ยังฟิรเอาน์ และบรรดาบุคคลชั้นนำของเขา พวกเขาได้ปฏิบัติตามคำสั่งของฟิรเอาน์ และคำสั่งของฟิรเอาน์ นั้นไม่เหมาะสม เขาจะนำหน้ากลุ่มชนของเขาในวันกิยามะฮ์ และนำพวกเขาลงในไฟนรก และมันเป็นทางลงที่ชั่วช้าที่พวกเขาได้ลงไป” (11 : 96-98)
2. ภรรยาของนบีนุฮฺ และภรรยาของนบีลูฏ
อีกตัวอย่างหนึ่งที่อัลลอฮฺได้กล่าวไว้เกี่ยวกับสตรีว่า
“อัลลอฮฺทรงยกอุทาหรณ์แก่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาถึงภริยาของนูหฺ และภริยาของลู๊ฏ นางทั้งสองอยู่ภายใต้การปกครองของบ่าวที่ดีทั้งสองในหมู่ปวงบ่าวของเรา แต่นางทั้งสองได้ทรยศต่อเขาทั้งสองให้พ้นจากการลงโทษาของอัลลอฮฺแต่ประการใด จึงมีเสียงกล่าวขึ้นว่า เจ้าทั้งสองจงเข้าไปในไฟนรกพร้อมกับบรรดาผู้ที่เข้าไปในมัน” (66 : 10)
3. คู่สามีภรรยาอบู ละฮับ และภรรยาของเขา
อบู ละฮับ ผู้เป็นลุงของท่านรอซุล เขาเป็นศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดของท่านรอซุล เขาสาปแช่งท่านรอซุลลุลลอฮฺ
รายงานจากอิบนิ อับบาส เล่าว่า
“ครั้งหนึ่ง อบู ละฮับ พูดกับท่านรอซุล ว่า ความฉิบหายจงประสบแก่เจ้าตลอดทั้งวัน จากนั้นโองการของพระเจ้าก็ประทานลงมาว่า ความหายนะจงประสบแก่มือของอบีละฮับ และความหายนะจงประสบแก่เขา” (บุคอรี)
เขาประสบกับความหายนะทั้งในโลกนี้ภายหลังจากสงครามบะดัรฺ และจะประสบกับความหายนะในวันอาคิเราะฮฺ รวมทั้งภรรยาของเขา ดังที่อัลลอฮฺได้บอกไว้ว่า
“มือทั้งสองของอะบีละฮับจงพินาศ และเขาก็พินาศแล้ว ทรัพย์สมบัติของเขา และสิ่งที่เขาได้ขวนขวายไว้นั้นมิได้อำนวยประโยชน์แก่เขาเลย เขาจะเข้าไปเผาไหม้ในนรกที่มีไฟลุกโชน ทั้งภริยาของเขาด้วย นางเป็นผู้แบกฟืน ที่คอของนางมีเชือกถักด้วยใยอินทผลัม” (111 : 1-5)
4. อัมรฺ อิบนิ ลุฮัย
อีกคนหนึ่งคือ อัมรฺ บิน อมีรฺ อัล คุซะอี เขาเป็นคนแรกที่เอาสัตว์มาเป็นพระเจ้าก่อนการเกิดของท่านรอซุล สัตว์เหล่านี้คือ อัล บาฮีเราะฮฺ และอัส ซาบีอะฮฺ
อบู ฮุรอยเราะฮฺ เล่าว่า ท่านรอซุล กล่าวว่า
“ฉันเห็นอัมรฺ บิน อมีรฺ อัล คุซะอี กำลังเดินลากไส้ของเขาเองในนรก และเเป็นคนแรกที่เอาสัตว์มาเป็นพระเจ้า” (มุสลิม)
ที่มา: muslimchiangmai.net