เรื่องเล่าของภรรยาถึงกับน้ำตาไหล! เมื่อรู้ว่าทำไมสามีถึงได้ขอให้เธอได้ทำอาหารให้ทานทุกวัน
ภรรยาถึงกับน้ำตาไหล! เมื่อรู้ว่าทำไมสามีถึงได้ขอให้เธอได้ทำอาหารให้ทานทุกวัน
ทุกวัน เมื่อสามีดิฉันกลับมาถึงบ้าน สามีดิฉันมักจะมีของติดไม้ติดมากลับมาบ้านอยู่เสมอ บางทีก็เป็นขนมปัง บางทีก็กล้วยทอด บางทีก็ผลไม้ สรุปแล้วคือสามีดิฉันไม่เคยกลับมาบ้านมือเปล่า ทุกวันจะต้องมีของติดไม้ติดมือกลับมาด้วยทุกวัน และทุกครั้งที่กลับถึงบ้าน สามีดิฉันก็มักจะขอให้ดิฉันจัดเตรียมอาหารให้โดยบอกว่าหิว
อยู่มาวันหนึ่ง.. ขณะที่สามีดิฉันกำลังทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ดิฉันเลยถามสามีขึ้นมาว่า “อืมม... บัง.... เด๊ะ ถามอะไรหน่อยได้มั๊ย?” สามีดิฉันก็ได้ตอบขณะที่กำลังเคี้ยวอาหารอยู่ “ได้สิ.. ที่รัก, เด๊ะจะถามอะไรหรอ?” ดิฉันก็ถามสามีว่า “ช่วงกลางวัน บังไม่ได้ทานข้าวที่ ที่ทำงานหรอ?” สามีดิฉันตอบว่า “อืมม.. ไม่ได้ทาน ทำไมหรอ?” ดิฉันก็ตอบว่า “ไม่มีไรหรอก.. เพราะเห็นบังใช้ให้ เด๊ะทำอาหารให้ทุกวัน บางวันเด๊ะก็อยากพักผ่อนเหมือนกัน.. เด๊ะรู้สึกเหนื่อยอะบัง”
“เจ้าตัวเล็กนี่ก็อยู่ไม่นิ่งเลย, บ้านก็รกรุงรัง, เสื้อผ้าก็เต็มตะกร้ายังไม่ได้ซัก ที่ซักแล้วก็ยังไม่ได้ตาก.. บอกตามตรง.. เด๊ะไม่ไหวจริงๆ รู้สึกเหนื่อย....”
ดิฉันเอง ก็พยายามเรียบเรียงคำพูดทุกคำ เพราะเกรงว่าจะทำให้สามีโมโห เพราะอุสตาซแถวบ้านก็เคยสอนไว้ว่า หน้าที่ทำอาหารนั้นมิใช่เป็นหน้าที่ของภรรยา แต่เป็นหน้าที่ของสามี จึงทำให้ดิฉัน อยากระบายความรู้สึกออกไปบ้าง และอีกอย่างนึง คือ ดิฉันเพียงแค่ ขอพักจากการทำอาหารเท่านั้นเอง มิได้ขออย่างอื่นเลย หวังว่าสามีดิฉันจะเข้าใจ
หลังจากนั้น สามีดิฉันก็หยุดทานข้าวทันที.. และหันมามองหน้าดิฉัน ด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับพูดว่า“ที่รัก... บังขอมาอัฟจริงๆ ที่ทำให้เด๊ะต้องลำบาก บังไม่รู้ว่าเด๊ะเหนื่อย ถ้าบังรู้บังจะไม่ขอให้เด๊ะทำอาหารให้บังเลย จริงๆนะ....”สามีดิฉันก็หยุด.. เหมือนกับจะถอนหายใจ สักพัก ก็ได้พูดต่อว่า“อืมม... บังมีสาเหตุ 3 อย่าง ที่อยากให้เด๊ะรู้ ว่าทำไมบังถึงไม่ทานข้าวกลางวัน และกลับมาทานข้าวที่บ้านทุกวัน?”
ดิฉันจึงรู้สึก ตื่นเต้นว่า 3 อย่างนั้นคืออะไรกันแน่.. สามีดิฉันก็จึงพูดต่อว่า“ข้อแรกคือ.. บังคิดถึงอาหารที่เด๊ะทำจากฝีมือของเด๊ะ ซึ่งเป็นอาหารที่อร่อยมาก ไม่มีร้านอาหารที่ไหนมาเทียบเคียงฝีมือการทำอาหารของที่รักของบังได้เลย”
มาชาอัลลอฮ์.. ดิฉันถึงกับสะอึก กับหัวใจที่มีเกียรติและสูงส่งของสามีที่พูดออกมาเช่นนั้น จนทำให้ดิฉันเองรู้สึกผิด เพราะระบายอะไรออกไปโดยไม่ได้คิดถึงความรู้สึกของสามี และก่อนที่ดิฉันจะขอมาอัฟกับสามี สามีก็ได้กล่าวต่ออีกว่า
“สาเหตุข้อที่สอง... หากบังทานอาหารกลางวันที่ออฟฟิศ มันก็จะทำให้บังอิ่มจนถึงบ้าน พอกลับมาบ้านบังก็คงไม่ต้องทานอะไรอีกแล้ว ดังนั้นเพื่อรักษาความรู้สึกของที่รัก บังจึงยอมอดไม่ทานข้าวกลางวันที่ออฟฟิศ เพื่อกลับมาทานข้าวที่บ้านกับที่รักทุกวัน”
ในขณะนั้น.. ดิฉันเองรู้สึกละอายใจเป็นอย่างยิ่ง น้ำตาดิฉันเริ่มรินหลั่งออกมาจากเบ้าตาอย่างมากมายโดยไม่รู้ตัว.. แต่ดิฉันก็ยังคงควบคุมความรู้สึกเอาไว้ เพื่อฟังให้ครบทั้งสามข้อจากสามี สามีดิฉันก็ได้กล่าวต่อไปอีกว่า“และสาเหตุข้อที่สามก็คือ.. บังไม่มีเงินที่จะทานอาหารกลางวันที่ออฟฟิศ เพราะเงินส่วนนั้น บังได้เก็บเอาไว้ เพื่อซื้ออะไรต่ออะไรกลับไปฝากให้ที่รักและลูกๆที่บ้าน”ทันใดนั้นเอง.. ดิฉันถึงกลับโผเข้าไปหาสามีดิฉัน พร้อมกับก้มลงจูบมือที่ยังคงมีน้ำแกงติดอยู่ พร้อมกับกล่าวคำขอโทษต่อสามี และสามีดิฉันก็ได้ตอบด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือว่า
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะที่รัก.. ที่รักของบังไม่ได้ทำผิดอะไรสักหน่อย บังต่างหากที่เป็นฝ่ายผิด เพราะมอบความรับผิดชอบต่างๆมากมายในบ้านให้กับที่รักคอยดูแลจัดการทั้งหมด ต่อไปนี้... อินชาอัลลอฮ์ บังจะขอทำกับข้าวเองแล้วกันนะ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของที่รัก.. เอาล่ะๆ ไม่ต้องร้องไห้”
ในขณะที่ร้องไห้ ดิฉันก็ส่ายหัว ปฎิเสธขอเสนอของสามี ที่จะทำกับข้าวเอง เพราะในแต่ละวัน สามีดิฉันก็เหนื่อยจากการทำงานหาริสกีทุกวัน พร้อมกับยอมหิวไม่ทานข้าวกลางวัน ซึ่งความจริงแล้วดิฉันเองที่จะต้องดูแลและเอาใจใส่ต่อสามีเป็นพิเศษในทุกวัน เหมือนที่สามีคอยทุ่มเทเสียสละให้กับครอบครัวทุกวัน
“โอ้อัลลอฮ์.. ขอพระองค์ได้โปรดทรงอภัยโทษให้กับฉัน และโปรดประทานความรักความเมตตาให้กับสามีของฉัน”
ขอขอบคุณข้อมูลจาก: อิควาน เบเกอรี่