จงละหมาดเถิด ก่อนที่ท่านจะถูกละหมาด


11,584 ผู้ชม

การละหมาดจึงถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งและจำเป็นที่จะต้องรู้จักความสำคัญของการละหมาดโดยตั้งคำถามว่า “เราละหมาดทำไม ?” และ คำตอบมีดังนี้


พี่น้องมุสลิม...จงละหมาดเถิด ก่อนที่ท่านจะถูกละหมาด

จงละหมาดเถิด ก่อนที่ท่านจะถูกละหมาด

ละหมาด...คือ...เสาหลักของ...อิสลาม

ยังมีข้ออ้างว่าไม่มีที่ละหมาดอีกมั๊ย?

คุณละหมาดแล้วหรือยัง ?

          มุสลิมจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะเยาวชนทั้งชายและหญิง กล้าที่จะละทิ้งการทำละหมาดโดยไม่มีเหตุผล  โดยไม่เกรงกลัวต่อบาป การละหมาดเป็นบทบัญญัติที่จะละเลยไม่ได้โดยเด็ดขาด ทั้งในเวลาสุขสบายหรือยากลำบาก แม้ในยามศึกสงครามก็จำเป็นต้องละหมาด บางคนอยู่ในระหว่างการเดินทางโดยรถไฟ หรือรถทัวร์แต่เขาไม่ยอมละหมาดด้วยเหตุผลที่ยอมรับไม่ได้ว่า เสื้อผ้ามีความสกปรก หรือไม่มีผ้าปูละหมาด บางคนไม่ละหมาดเพราะไม่รู้จักวิธีการละหมาด  บางคนทิ้งละหมาดโดยไม่เกรงกลัวต่อบาป และเขาจะต้องถูกลงโทษในนรกอย่างทรมานแน่นอน

การละหมาดจึงถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งและจำเป็นที่จะต้องรู้จักความสำคัญของการละหมาดโดยตั้งคำถามว่า “เราละหมาดทำไม ?” และ คำตอบมีดังนี้

     1.  การละหมาดเป็นเสาหลักของศาสนาอิสลาม ซึ่งมีความสำคัญเป็นลำดับแรกในการปฏิบัติศาสนกิจ หลังจากกล่าวคำปฏิญาณตน เมื่อใดเสาหลักล้มลง อิสลามในตัวของเราก็จะล้มตามไปด้วย

          แท้จริงการละหมาดนั้นเป็นการสร้างความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับพระผู้เป็น เจ้าในฐานะ ผู้ทรงอภิบาล ผู้ทรงสร้าง  ผู้ให้ริสกีและให้ความสะดวกในการดำรงชีวิตอยู่

     2. เราดำรงละหมาดเพราะความเชื่อมั่นและศรัทธาต่ออัลลอฮ์  พระองค์ทรงสั่งใช้ให้ทำละหมาด ซึ่งมุสลิมทุกคนจะต้องปฏิบัติตามให้สมบูรณ์ ครบถ้วนและดีที่สุด เพื่อเป็นการขอบคุณต่ออัลลอฮ์   ที่พระองค์ได้ให้ความโปรดปราน และความเมตตาตลอดเวลาอย่างนับไม่ถ้วน พระองค์ประทานริสกี(ปัจจัยยังชีพ) ให้กับทุกชีวิตเพื่อการดำรงชีพอย่างไม่ขาดสาย

     3. อะมัล(การงาน) อย่างแรกที่จะถูกพิจารณาในวันกิยามะฮ์ คือ การละหมาด ผู้ใดที่การละหมาดของเขาสมบูรณ์ (ตรงต่อเวลาและมีสมาธิ) เขาจะได้รับความสำเร็จ ส่วนผู้ที่การละหมาดของเขาบกพร่อง (ไม่ตรงต่อเวลา ไม่บริสุทธิ์ใจ ไม่มีสมาธิ) เขาจะขาดทุนและจะเสียใจในภายหลัง

นะบี   ได้เปรียบเทียบคนละหมาดห้าเวลาว่า

          ผู้ใดที่มีคลองอยู่บริเวณหน้าบ้านของเขา แล้วเขาได้อาบน้ำในคลองนั้นห้าเวลาต่อวัน ร่างกายของเขายังติดสิ่งสกปรกหรือ บรรดาศอฮาบะฮ์ตอบว่า ไม่มีอะไรจะเหลือเลย ท่านนะบี   กล่าวว่า  แท้จริงการการละหมาดห้าเวลานั้นสามารถที่จะลบล้างบาปต่างๆ ดั่งน้ำที่สามารถล้างสิ่งสกปรกได้ แน่นอนร่างกายของเขาจะสะอาดเนื่องจากเขาจำเป็นต้องอาบน้ำละหมาด หรือ มีน้ำละหมาดทุกครั้งที่เขาจะทำการละหมาด ไม่ว่าการละหมาดห้าเวลา หรือ การละหมาดซุนนะฮ์ ซึ่งจะทำให้จิตใจของเขาบริสุทธิ์ปราศจากสิ่งสกปรกทางจิตใจ โดยเฉพาะความสกปรกของบาปที่อิสลามถือว่าเป็นสิ่งที่จะนำมาซึ่งอันตรายและ ความหายนะต่อมนุษย์ทั้งในโลกนี้ และโลกหน้า

อัลลอฮ์   ตรัสไว้ ความว่า

( แท้จริงการละหมาด ( ที่ถูกต้อง ) นั้นจะยับยั้งการทำลามกและความชั่ว ) ( ซูเราะฮ์ อัลอังกะบูต :45 )

           การละหมาดที่สมบูรณ์และมีความประเสริฐที่สุด คือ การละหมาดที่ถูกต้องทุกประการ ทั้งรูปแบบ เวลาและการปฏิบัติ มีสมาธิที่ดี ท่านเราะซูล   ได้ให้ความสำคัญของการละหมาด เป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากที่สุด ท่านกล่าวว่า การงาน(อะมัล)ที่ดีที่สุด ที่อัลลอฮ์   ทรงชอบที่สุด (ส่วนหนึ่ง) คือ การละหมาดที่สมบูรณ์

         ตรงกันข้าม มุสลิมที่ทำการละหมาดไม่ตรงตามเวลา โดยเจตนาและไม่มีเหตุผลใดๆ ที่พอจะยอมรับได้ หรือทำการละหมาดแบบไม่มีความตั้งใจ เป็นการปฏิบัติที่ไม่พึงประสงค์ในอิสลาม ยิ่งกว่านั้นเขาจะอยู่ในกลุ่มซาฮูน (ผู้ที่ละเลยต่อการละหมาด) ซึ่งอัลลอฮ์   ทรงสัญญาไว้ว่าจะลงโทษด้วยความหายนะและความวิบัติ

ดังที่อัลลอฮ์   ตรัสในอัลกุรอานความว่า 

(ดังนั้นความหายนะจงมีแด่บรรดาผู้ทำการละหมาด คือ ผู้ที่พวกเขาละเลยต่อการละหมาดของพวกเขา) ( ซูเราะฮฺ อัลมาอูน  : 4-5 )

      5. เราละหมาด เพราะการละหมาดมีประโยชน์อย่างมากมายทั้งในโลกนี้และในโลกหน้า เช่น

 5.1 การละหมาดเป็นเครื่องหมายแสดงความเป็นมุสลิม  เราสามารถที่จะแยกแยะระหว่างคนมุสลิมกับคนที่ไม่ใช่มุสลิมออกจากกัน ด้วยกับการละหมาด

 5.2 การละหมาดเป็นคุณลักษณะของมุสลิมที่มีอามัลศอและห์(การงานที่ดี) และมีอัคล๊าก(จรรยามารยาท)ที่ดีงาม

 5.3 ผู้ที่ดำรงการละหมาด คือ ผู้เดินทางแสวงหาความบริสุทธิ์ แสวงหาทางแห่งสวรรค์ และตัดขาดจากความเลวร้ายทั้งปวง    ดังนั้นผู้ที่ละหมาดอย่างสม่ำเสมอและครบถ้วน ปฏิบัติอย่างถูกต้องด้วยจิตใจอันบริสุทธิ์  เขาจะได้รับผลบุญและได้เข้าสวรรค์ ซึ่งเป็นการสัญญาจากอัลลอฮ์   ผู้ทรงเมตตา กรุณาปรานี ต่อบ่าวที่เชื่อฟังและปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระองค์และเราะซูล  

      6. เราไม่ทิ้งละหมาด เพราะการทิ้งละหมาดถือว่าเป็นการทรยศและฝ่าฝืนคำบัญชาของอัลลอฮ์   และเราะซูล    ยิ่งไปกว่านั้นจะมีสภาพเป็นกาฟิร์ (ผู้ปฏิเสธ)หากเขาปฏิเสธการละหมาด

      7. การละหมาดนั้นเป็นหน้าที่ของมุสลิม ที่ต้องปฏิบัติ ถ้าไม่ละหมาดถือว่าเราเป็นผู้ทำลายศาสนาของเราเอง ซึ่งทุกวันนี้ศาสนาอิสลามได้ถูกบิดเบือนมากพอแล้ว จากผู้ไม่หวังดี

     8. เราละหมาด เพราะเราต้องการตายในสภาพมุสลิม ที่ปฏิบัติหน้าที่ภักดีต่ออัลลอฮ์   อย่างดีที่สุด ในทุกๆ อิบาดะฮ์(ทำความเคารพ) โดยเฉพาะการละหมาด

 ( พวกเจ้าจงอย่าตายเป็นอันขาดนอกจากพวกเจ้าเป็นมุสลิมเท่านั้น ) ( ซูเราะฮฺอาละอิมรอน :102)

      9. เราละหมาด เพราะไม่อยากเข้านรก ดังที่อัลลอฮ์    ทรงถามถึงสาเหตุที่ทำให้คนจำนวนหนึ่งเข้านรก “สะก็อร” 

พวกเขาตอบว่า “เรามิได้อยู่ในหมู่ผู้ทำละหมาด  เรามิได้ให้อาหารแก่บรรดาผู้ขัดสน และพวกเขาเคยมั่วสุมอยู่กับพวกที่มั่วสุม”

           โอ้ ! พี่น้องมุสลิม มาดำรงละหมาดกันเถอะ มาปฏิบัติอย่างถูกต้อง ตามที่ท่านนะบีมุฮัมมัด   ได้สอนไว้ ละหมาดให้ตรงเวลาด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ เต็มเปี่ยมไปด้วยสมาธิ และความตั้งใจอย่างแท้จริง

โอ้พี่น้องมุสลิมทั่วโลก

โปรดอย่าลืมหน้าที่ของพวกท่านที่พึงมีต่อเราในช่วงสิบคืนสุดท้ายของเดือนรอมฎอน

โอ้พี่น้องมุสลิมโอ้ผู้คนแห่งตะรอเวียหฺโอ้ผู้ลุกขึ้นยืนละหมาดในยามค่ำคืน

เราจะไม่มีวันยอมแพ้ และจะยืนหยัดต่อสู้จนกว่าอัลลอฮฺจะประทานชัยชนะให้แก่เราอินชาอัลลอฮฺ

โปรด ! ชัก ชวน พี่ น้อง สมาชิกในครอบครัว และเพื่อนๆ ของเราให้มาละหมาด เพื่อรับความเมตตาจาก อัลลอฮ์   ในโลกนี้ และพ้นจากความทรมาน และไฟนรกในโลกหน้า (อะคีเราะฮ์)

ความเข้มแข็งแห่งอิสลาม

แม้แดดจะแรง หิมะจะตก หรือฝนตก อากาศจะหนาวสักเพียงใด แต่ไม่เคยละจากอิบาดะฮฺเพื่อพระองค์

 “จงละหมาดเถิด ก่อนที่ท่านจะถูกละหมาด และจงเตาบัต (สำนึกผิด)กลับใจไปสู่อัลลอฮ์  เถิด ก่อนที่ประตูแห่งการเตาบัต จะถูกปิด”

ที่มา: ชมรมส่งเสริมกิจการอิสลามปัตตานี


อัพเดทล่าสุด