คือ ดุอาอฺก่อนจะเสร็จสิ้นจากการละหมาด ในช่วงท่านั่งสุดท้าย ก่อนที่จะให้สล่ามหันขวา และซ้าย
บทขอพรหลังตะชะฮฺฮุด และก่อนสลาม
(คือ ดุอาอฺก่อนจะเสร็จสิ้นจากการละหมาด ในช่วงท่านั่งสุดท้าย ก่อนที่จะให้สล่ามหันขวา และซ้าย)
1 . รายงานจากท่านอบี ฮุรอยเราะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่า : ท่านร่อซุล ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า :
เมื่อคนหนึ่งในพวกเจ้า เสร็จจากการตะชะฮฺฮุดครั้งหลังแล้ว ให้เขาขอความ คุ้มครองจากอัลลอฮฺ ให้พ้นจากสี่อย่าง โดยกล่าวว่า :
اَللَّهُمَّ إِ نِّيْ أَعُوْذُبِكَ مِنْ عَذَابِ جَهَنَّمَ وَمِنَ عَذَابِ الْقَبْرِوَمِنْ فِتْنَةِالْمَحْيَاوَالْمَمَاتِ وَمِنْ فِتْنَةِ
الْمَسِيْحِ الدَّجَالِ
คำอ่าน : อัลลอฮุมม่าอินนี อะอูซุบีก้า มินอะซาบิญะฮันนัม วามินอะซาบิลก็อบริ ว่ามินฟิตนะติล มะฮฺยาวัลม่ามาต ว่ามินฟิตนะติล มะซีฮิดดัจญาล
คำแปล : โอ้ อัลลอฮฺ ฉันขอความคุ้มครองต่อพระองค์ ให้พ้นจากการลงโทษในนรก การลงโทษในหลุมฝังศพ ความวุ่นวายของการมีชีวิต และความตาย และให้พ้นจากความวุ่นวาย (ชั่วร้าย) ของมะซีฮฺอัดดัจญาล
บันทึกโดย มุสลิม
** ดุอาอฺบทนี้ บรรดาซอฮาบะห์เน้นย้ำและสนับสนุนให้ลูกๆของเขาทุกคนได้อ่านก่อนให้สล่ามในละหมาด เพราะขอให้รอดพ้นจาก 4 อย่าง คือ
1.การถูกลงโทษในนรก ญะฮันนัม
2.การลงโทษในกุโบร์ (ออเดิร์ฟก่อนโดนจริงในกิยามะฮฺ)
3.ความวุ่นวายจากการฟิตนะห์(นินทาว่าร้าย)ทั้งตอนมีชีวิตและเสียชีวิตไปแล้ว (ตายไปแล้วคนยังว่าลับหลัง)
4.ให้รอดพ้นจาก ดัจญาล ที่น่ากลัว
มุสลิมจะตกนรกเพราะการนินทามากมาย ฟิตนะห์กลายเป็นเรื่องสนุกปาก จงออกห่าง..เรื่องคนอื่นชอบกันจริงๆ
2 . รายงานจากท่านอับดิลลอฮฺ อิบนิอัมรฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่า :
แท้จริงอบูบักรฺได้กล่าวกับท่านร่อซูล ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมว่า : โปรดสอนดุอาอฺที่ฉันควรจะใช้ในละหมาดด้วยเถิด
ท่านบอกว่า :กล่าวอย่างนี้ซิ
اَللَّهُمَّ إِنِّيْ ظَلَمْتُ نَفْسِيْ ظُلْمًا كَثِيْرًاوَلاَ يَغْفِرُالذُّنُوْبَ إِلاَّ أَنْتَ فَاغْفِرْلِيْ مَغْفِرَةًمِنْ عِنْدِكَ وَارْحَمْنِيْ إِنَّكَ أَ نْتَ الْغَفُوْرُ الرَّحِيْمُ
คำอ่าน : อัลลอฮุมม่า อินนี ซ่อลัมตุนัฟซี ซุลมันกะษีร็อน วะลายัฆฟิรุซซุนูบ้า อิลลาอันตะ ฟัฆฟิรลี มัฆฟิร่อตัน มินอินดิก้า วัรฮัมนี อินนะก้า อันตัลฆ่อฟูรุร ร่อฮีม
คำแปล : โอ้ อัลลอฮฺ ฉันได้อธรรมแก่ตัวของฉันเองอย่างมหันต์ และไม่มีใครจะอภัยโทษให้ได้ นอกจากพระองค์ ดังนั้น ขอพระองค์ได้โปรดอภัยให้ฉัน ซึ่งเป็นการอภัยที่มาจากพระองค์ ขอพระองค์ได้โปรดเมตตาแก่ฉันด้วย แท้จริงพระองค์คือผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ
บันทึกโดย อับบุคอรีย์ และมุสลิม
3 . รายงานจากท่านอาลี ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่า :
ปรากฏว่าท่านร่อซูล ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เมื่อท่านละหมาด คำสุดท้าย ที่ท่านกล่าวระหว่างตะชะฮฺฮุด กับสลาม คือ
اَللَّهُمَّ اغْفِرْلِيْ مَا قَدَّ مْتُ وَمَا أَخَّرْتُ وَ مَاأَسْرَرْتُ وَمَا أَعْلَنْتُ وَمَاأَسْرَفْتُ وَمَاأَنْتَ أَعْلَمُ بِهِ مِنِّيْ أَنْتَ الْمُقَدِّمُ
وَأَنْتَ الْمُؤِّخِرُ لاَإِلَهَ إِلاَّ أَنْتَ
คำอ่าน : อัลลอฮุม มัฆฟิรลี มาก็อดดัมตุ ว่ามาอัคค็อรตุ ว่ามาอัซร็อสตุ ว่ามาอะอฺลันตุว่ามาอัซร็อฟตุ ว่ามาอันตะอะอฺล่ามุบิฮี มินนี อันตั้ล มุก็อดดิมุ ว่าอันตั้ล มุอัคคิรุ ลาอิลา ฮะอิลลาอันต้า
คำแปล : โอ้ อัลลอฮฺ ขอพระองค์ทรงโปรดอภัยความผิดที่ฉันได้กระทำมาก่อน และที่กระทำขึ้นในภายหลัง และได้ทำอย่างเร้นลับและเปิดเผย และที่ได้ทำบาป และสิ่งที่พระองค์ทรงทราบดีกว่าฉัน พระองค์คือผู้ทรงอยู่ก่อน พระองค์คือผู้ทรงสุดท้าย ไม่มีพระเจ้าอื่นใด นอกจากพระองค์เท่านั้น
บทขอพรหลังให้สลาม
(หลังจบการนมาซ)
1 . รายงานจากท่านเซาบาน ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่า : เมื่อท่านร่อซูล ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ละหมาดเสร็จ ท่านกล่าวว่า : อัสตัฆฟิรุลลอฮฺ ขออภัยโทษต่ออัลลอฮฺ 3 ครั้ง และกล่าวว่า
اَللَّهُمَّ أَنْتَ السَّلاَمُ وَمِنْكَ السَّلاَمُ
تَبَارَكْتَ يَاذَاالْجَلاَلِ وَالإِكْرَامِ
คำอ่าน : อัลลอฮุมม่า อันตัสสลามุ ว่ามิงกัสสลามุ ตะบาร็อกต้า ยาซัลญะลาลิ วัลอิกรอม
คำแปล : โอ้ อัลลอฮฺ พระองค์คือผู้ทรงสันติ และความสันติมาจากพระองค์ พระองค์ผู้ทรงสิริมงคล โอ้ผู้ทรงสูงส่งและผู้ทรงมีเกียรติ
บันทึกโดย มุสลิม อบูดาวูด
2 . รายงานจากท่านมุอาซ อิบนิญะบัล ว่า : วันหนึ่งท่านนบี ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้จับมือฉัน แล้วกล่าวว่า :
โอ้ มุอาซ ! ฉันรักท่านจริงๆมุอาซตอบว่า : โอ้ ท่านร่อซูล ขอเอาพ่อแม่เป็นประกันว่าแท้จริง ฉันรักท่าน ท่านนบีกล่าวกับมุอาซว่า ฉันขอสั่งเสียท่านว่า เมื่อเสร็จจากการละหมาดทุกครั้งอย่าทิ้งที่ จะ กล่าวดุอาอฺนี้ :
اَللَّهُمَّ أَعِنِّيْ عَلَىذِكْرِكَ
وَشُكْرِكَ وَحُسْنِ عِبَادَتِكَ
คำอ่าน : อัลลอฮุมม่า อะอินนี อะลาซิกริก้า ว่าชุกริก้า วะฮุซนิ อิบาดะติก้า
คำแปล : โอ้ อัลลอฮฺ ขอทรงโปรดให้ฉันรำลึกถึงพระองค์ ขอบพระคุณ (ซุโก๊ร) ต่อพระองค์ และปฎิบัติอิบาดะฮฺต่อพระองค์ด้วยดีเถิด
บันทึกโดย อะฮฺหมัด อบูดาวูด อันนะซาอี
3 . รายงานจากท่านมุฆีเราะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่า :
ตอนท้ายของการละหมาดฟัรฎูทุกครั้ง ท่านร่อซูล ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมจะกล่าวว่า :
لاَإِلَهَ إِلاَّاﷲُ وَحْدَهُ لاَشَرِيْكَ لَهُ لَهُ
الْمُلْكُ وَلَهُ الْحَمْدُوَهُوَعَلَىكُلِّ شَيْءٍ قَدِيْرٌ اَللَّهُمَّ لاَ مَانِعَ لِمَاأَعْطَيْتَ وَلاَ مُعْطِيَ لِمَامَنَعْتَ وَلاَ يَنْفَعُ ذَاالْجَدِّ مِنْكَ الْجَدُّ
คำอ่าน : ลาอิลาฮะ อิลลัลลอฮุ วะฮฺดะฮู ลาชะรีก้าละฮฺ ละฮุลมุลกุ ว่าละฮุลฮำดุ ว่าฮุว่าอะลา กุลลิชัยอิน ก้อดีรฺ อัลลอฮุมม่า ลามานิอ้า ลิมาอะอฺตอยต้า ว่าลามัวะอฺติย่า ลิมา มะนะอฺต้า ว่าลา ยันฟะอุ ซัลญัดดิ มิงกัลญัดดุ
คำแปล : ไม่มีพระเจ้าอื่นใด นอกจากอัลลอฮฺองค์เดียวเท่านั้น ไม่มีภาคีใดๆ สำหรับพระองค์ อำนาจและการสรรเสริญเป็นสิทธิ์ของพระองค์ และพระองค์ผู้ทรงเดชานุภาพเหนือทุกสิ่ง โอ้ อัลลอฮฺ ไม่มีผู้ขัดขวางใดๆ ในสิ่งที่พระองค์ทรงประทานให้ และไม่มีผู้ให้ใดๆ ในสิ่งที่พระองค์ทรงขัดขวาง ความมีเกียรติจะไม่เกิดประโยชน์แก่ผู้ที่มีเกียรติ ( ให้พ้นจากการลงโทษของอัลลอฮฺได้ )
บันทึกโดย อัลบุคอรีย์ มุสลิมและอะฮฺหมัด
ที่มา: muslimchiangmai.net