มนุษย์สามารถป้องกันตัวเองจากชัยฏอนและจากความชั่วร้ายของมัน ด้วยดุอาอฺและบทซิเกรที่มี ระบุในอัลกุรอานและซุนนะฮฺของท่านนบีมุฮัมัด ซ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะซัลลัม
15 วิธีป้องกันตัวเองจากชัยฏอน
มนุษย์สามารถป้องกันตัวเองจากชัยฏอนและจากความชั่วร้ายของมัน ด้วยดุอาอฺและบทซิเกรที่มี ระบุในอัลกุรอานและซุนนะฮฺของท่านนบีมุฮัมัด ซ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะซัลลัม
ดุอาอฺและบทซิเกรเหล่านั้นมีสิ่งที่ใช้ในการเยียวยา ความเมตตา ทางนำ และการปกป้องจากความชั่วร้ายต่างๆ ในโลกดุนยาและอาคิเราะฮฺ ด้วยอนุมัติของอัลลอฮฺ
โดยวิธีการป้องกันตัวเองจากชัยฎอนมีดังต่อไปนี้
1.ขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮฺ
เพราะอัลลอฮฺได้สั่งรอซูลของพระองค์ให้ขอความคุ้มครองต่อพระองค์จากชัยฏอนในสภาวะทั่วๆ ไป และในสภาวะเฉพาะ เช่น เมื่อต้องการอ่านอัลกุรอาน เมื่อมีความโกรธ เมื่อมีความลังเล เมื่อฝันร้าย เป็นต้น
อัลลอฮฺได้ตรัสว่า : "และหากว่ามีการยุแหย่เจ้าจากชัยฏอนด้วยการยั่วยุใดๆ ก็จงขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮฺ แท้จริงพระองค์ทรงเป็นผู้ได้ยินและผู้รอบรู้ยิ่ง"
(อัลกุรอาน ซูเราะฮฺฟุศศิลัต อายะฮฺที่ 36)
"ดังนั้น เมื่อเจ้าอ่านอัลกรุอาน ก็จงขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮฺให้พ้นจากชัยฏอนที่ถูกสาปแช่ง แท้จริงมันไม่มีอำนาจใด ๆ เหนือบรรดาผู้ศรัทธา โดยที่พวกเขาได้มอบหมาย(การงาน)ต่อพระเจ้าของพวกเขา"
(อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัน-นะห์ลฺ อายะฮฺที่ 98-99)
2. กล่าวพระนามของอัลลอฮฺ (กล่าว บิสมิลลาฮฺ)
การกล่าวพระนามของอัลลอฮฺเป็นการป้องกันจากชัยฏอน และปกป้องไม่ให้มันมายุ่งเกี่ยวปะปนกับมนุษย์เวลาดื่มกิน ยามหลับนอนกับภรรยา เมื่อเข้าบ้าน และทุกๆ อิริยาบทของมนุษย์
จากญาบิรฺ อิบนุ อับดุลลอฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุมา เล่าว่า ได้ฟังท่านนบีมุฮัมมัด ซ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะซัลลัม กล่าวว่า:
«إذَا دَخَلَ الرَّجُلُ بَيْتَـهُ، فَذَكَرَ الله عِنْدَ دُخُولِـهِ، وَعِنْدَ طَعَامِهِ، قَالَ الشَّيْطَانُ: لا مَبِيتَ لَكُمْ وَلا عَشَاءَ، وَإذَا دَخَلَ فَلَـمْ يَذْكُرِ الله عِنْدَ دُخُولِـهِ، قَالَ الشَّيْطَانُ: أَدْرَكْتُـمُ المَبِيتَ، وَإذَا لَـمْ يَذْكُرِ الله عِنْدَ طَعَامِهِ قَالَ: أَدْرَكْتُـمُ المَبِيتَ وَالعَشَاءَ».
"เมื่อชายคนหนึ่งเข้าบ้านของเขา แล้วได้กล่าวถึงอัลลอฮฺตอนเข้าบ้านและตอนทานอาหาร ชัยฏอนก็จะพูดว่า ไม่มีที่หลับนอนและไม่มีอาหารให้เราอีกแล้ว และเมื่อชายคนหนึ่งเข้าบ้านแต่ไม่ได้กล่าวถึงอัลลอฮฺตอนเข้าบ้าน ชัยฏอนก็จะพูดว่า พวกเจ้าได้ที่หลับนอนแล้ว และหากเขาไม่กล่าวถึงอัลลอฮฺตอนทานอาหาร ชัยฏอนก็จะพูดว่า พวกเจ้าได้ที่หลับนอนและมีอาหารกินแล้ว"
(บันทึกโดย มุสลิม)
และจาก อิบนุ อับบาส เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุมา กล่าวว่า ท่านนบีมุฮัมมัด ซ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะซัลลัม กล่าวว่า:
«لَو أَنَّ أَحَدَكُمْ إذَا أَرَادَ أَنْ يَأْتِيَ أَهْلَـهُ فَقَالَ: بِاسْمِ الله، اللَّهُـمَّ جَنِّبْنَا الشَّيْطَانَ، وَجَنِّبِ الشَّيْطَانَ مَا رَزَقْتَنَا، فَإنَّهُ إنْ يُـقَدَّرْ بَيْنَـهُـمَا وَلَدٌ فِي ذَلِكَ لَـمْ يَضُرَّهُ شَيْطَانٌ أَبَدًا».
"หากพวกท่านคนใดคนหนึ่งต้องการหลับนอนมีเพศสัมพันธ์กับภรรยาของเขา แล้วเขากล่าวว่า บิสมิลลาฮฺ, อัลลอฮุมมัจญ์นิบนัชชัยฏอน วะ ญันนิบิชชัยฏอน มา เราะซักตะนา (ควาหมาย ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ขอทรงโปรดให้เราห่างไกลจากชัยฏอน และให้ชัยฏอนห่างไกลจากสิ่งที่พระองค์ประทานให้เรา) ดังนั้น แท้จริงแล้ว ถ้าหากว่าถูกกำหนดให้มีลูกระหว่างทั้งสอง เนื่องด้วย(การมีเพศสัมพันธ์)ในครั้งนั้น ชัยฏอนก็จะไม่สามารถทำร้ายเขา(ลูกคนนั้น)ได้ตลอดไป"
(บันทึกโดย อัล-บุคอรีย์และ มุสลิม )
3.อ่าน 2 ซูเราะฮฺ อัล-มุเอาวิซะตัยน์
คือ ซูเราะฮฺ อัล-ฟะลัก และ ซูเราะฮฺ อัน-นาส
มีรายงานจากอุกบะฮฺ บิน อามิรฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ กล่าวว่า เมื่อครั้งที่เราได้เดินทางกับท่านรอซูลุลลอฮฺ ซ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะซัลลัม ระหว่าง ญุฮฺฟะฮฺ กับ อับวาอ์ อยู่นั้น
ได้เกิดมีลมพัดแรงและฟ้ามืดทึบมาปกคลุม ท่านรอซูลุลลอฮฺ ซ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะซัลลัม ก็ได้ขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮฺด้วยการอ่านสูเราะฮฺ(الناس) และ (الفلك) และท่านได้กล่าวว่า :
«يَا عُقْبَةُ تَعَوَّذْ بِـهِـمَا فَمَا تَعَوَّذَ مُتَعَوِّذٌ بِمِثْلِـهِـمَا». قَالَ: وَسَمِعْتُـهُ يَؤُمُّنَا بِـهِـمَا فِي الصَّلاةِ.
"โอ้ อุกบะฮฺ จงขอความคุ้มครองด้วยมันทั้งสอง(สองซูเราะฮฺนี้) เพราะไม่มีสิ่งใดที่จะใช้ขอความคุ้มครอง(ได้ดีเท่า)เหมือนกับสองซูเราะฮฺนี้" อุกบะฮฺเล่าว่า ฉันได้ยินท่านอ่านซูเราะฮฺนี้ในการเป็นอิมามละหมาดกับเรา
(หะดีษ เศาะฮีหฺ บันทึกโดย อะห์มัดและ อบู ดาวูด)
4. อ่านอายะฮฺกุรซีย์
จาก อบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ กล่าวว่า ท่านนบีมุฮัมมัด ซ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะซัลลัม ได้มอบหมายให้ฉันเฝ้าซะกาตข องเดือนเราะมะฎอน และแล้วก็มีสิ่งหนึ่ง (คือญินตนหนึ่ง) มาหาฉัน มันได้ขุดคุ้ยหาอาหาร ฉันจึงจับมันไว้และบอกว่า :
"ขอสาบานว่าข้าจะนำเจ้าไปให ้ท่านรอซูลุลลอฮฺ ซ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม" แล้วท่านก็เล่าหะดีษที่ยาวซ ึ่งในตอนท้ายของหะดีษมีว่า มัน(ญินที่มาขโมยอาหารนั้น) ได้กล่าวว่า :
"เมื่อท่านเอนกายลงบนที่นอน ก็จงอ่านอายะฮฺ กุรซีย์ แล้วอัลลอฮฺจะให้มีสิ่งที่ค อยเฝ้าพิทักษ์ท่าน และชัยฏอนตัวไหนก็มิอาจจะเข ้าใกล้ท่านได้จนกระทั่งรุ่ง เช้า แล้วท่านนบี มุฮัมมัด ซ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะซัลลัม ก็กล่าวว่า :
«صَدَقَكَ وَهُوَ كَذُوبٌ، ذَاكَ شَيْطَانٌ»
"มันซื่อสัตย์กับเจ้า ทั้งๆ ที่มันเป็นจอมโกหก นั่นแหล่ะคือชัยฏอน"
(บันทึกโดย อัล-บุคอรีย์)
5.อ่าน 2 อายะฮฺสุดท้ายของสูเราะฮฺ อัล-บะเกาะเราะฮฺ
จาก อบู มัสอูด อัล-อันศอรีย์ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ กล่าวว่า
ท่านนบีมุฮัมมัด ซ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะซัลลัม กล่าวว่า
«مَنْ قَرَأَ هَاتَينِ الآيَتَيْنِ مِنْ آخِرِ سُورَةِ البَقَرَةِ فِي لَيْلَةٍ كَفَتَاهُ».
"ผู้ใดที่อ่านสองอายะฮฺนี้ของท้ายซูเราะฮฺ อัล-บะเกาะเราะฮฺ ในเวลากลางคืน มันจะช่วยคุ้มครองเขา"
(บันทึกโดย อัล-บุคอรีย์ และ มุสลิม)
6. อ่านอัลกุรอานซูเราะฮฺ อัล-บะเกาะเราะฮฺ
จาก อบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ เล่าว่า ท่านนบีมุฮัมมัด ซ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะซัลลัม กล่าวว่า :
«لا تَـجْعَلُوا بُيُوتَـكُمْ مَقَابِرَ إنَّ الشَّيْطَانَ يَنْفِرُ مِنَ البَيْتِ الَّذِي تُقْرَأُ فِيهِ سُورَةُ البَقَرَةِ».
"อย่าได้ทำให้บ้านของพวกท่านเป็นเหมือนสุสาน (คือไม่มีการอ่านอัลกุรอานและทำอิบาดะฮฺในบ้าน) แท้จริงแล้วชัยฏอนจะหนีออกจากบ้านที่มีการอ่านซูเราะฮฺ อัล-บะเกาะเราะฮฺ" (บันทึกโดย มุสลิม)
7.กล่าวรำลึกถึงอัลลอฮฺ(ซิกิร)ให้มาก
ด้วยการอ่านอัลกุรอาน การตัสบีหฺ ตะหฺมีด ตักบีร ตะฮฺลีล เป็นต้น
จาก อบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ เล่าว่า
ท่านนบีมุฮัมมัด ซ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะซัลลัม กล่าวว่า
«مَنْ قَالَ: لا إلَـهَ إلا الله وَحْدَهُ لا شَرِيكَ لَـهُ، لَـهُ المُلْكُ وَلَـهُ الحَـمْدُ وَهُوَ عَلَى كُلِّ شَيْءٍ قَدِيرٌ مِائَةَ مَرَّةٍ كَانَتْ لَـهُ عَدْلَ عَشْرِ رِقَابٍ، وَكُتِبَتْ لَـهُ مِائَةُ حَسَنَةٍ، وَمُـحِيَتْ عَنْـهُ مِائَةُ سَيِّئَةٍ، وَكَانَتْ لَـهُ حِرْزاً مِنَ الشَّيْطَانِ يَومَهُ ذَلِكَ حَتَّى يُـمْسِيَ، وَلَـمْ يَأْتِ أَحَدٌ بِأَفْضَلَ مِـمَّا جَاءَ إلَّا رَجُلٌ عَمِلَ أَكْثَرَ مِنْـهُ».
"ผู้ใดกล่าวว่า ลาอิลาฮะ อิลลัลลอฮฺ วะห์ดะฮู ลา ชะรีกะละฮฺ, ละฮุลมุลก์ วะละฮุลหัมดุ วะฮูวา อะลา กุลลิ ชัยอิน เกาะดีรฺ
(ความหมายดุอาอฺ : ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺแต่เพียงพระองค์เดียว ไม่มีภาคีใดสำหรับพระองค์ อำนาจการปกครองและมวลการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิ์ของพระองค์ และพระองค์ทรงอำนาจเหนือสรรพสิ่งทั้งมวล)
จำนวนหนึ่งร้อยครั้ง ย่อมเท่ากับ(การปล่อยทาส)สิบคน และถูกบันทึกแก่เขาหนึ่งร้อยความดีงาม และถูกลบล้างแก่เขาหนึ่งร้อยความผิด และมันจะเป็นปกป้องเขาจากชัยฏอนในวันนั้นจนกระทั่งเย็น และไม่มีผู้ใดในวันกิยามะฮฺที่จะนำสิ่งใดๆ อันประเสริฐไปกว่าสิ่งที่เขาได้นำมา(ด้วยการกล่าวบทซิกิรดังกล่าว) นอกจากผู้ที่อ่านมากกว่าเขา"
(บันทึกโดย อัล-บุคอรีย์ และ มุสลิม )
8. อ่านดุอาอฺเมื่อออกจากบ้าน
จากอะนัส อิบนุ มาลิก เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ เล่าว่า ท่านนบีมุฮัมมัด ซ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะซัลลัม กล่าวว่า
«إذَا خَرَجَ الرَّجُلُ مِنْ بَيْتِـهِ فَقَالَ: بِاسْمِ الله، تَوَكَّلْتُ عَلَى الله، لا حَوْلَ وَلا قُوَّةَ إلَّا بِاللهِ٬» قَالَ: «يُـقَالُ حِينَئِذٍ هُدِيتَ وَكُفِيتَ وَوُقِيتَ فَتَتَنَحَّى لَـهُ الشَّيَاطِينُ، فَيَـقُولُ لَـهُ شَيْطَانٌ آخَرُ: كَيفَ لَكَ بِرَجُلٍ قَدْ هُدِيَ وَكُفِيَ وَوُقِيَ».
"เมื่อชายผู้หนึ่งออกจากบ้านของเขาและได้กล่าวว่า :
บิสมิลลาฮฺ ตะวักกัลตุ อะลัลลอฮฺ, ลาเหาละ วะลา กุว์วะตะ อิลลา บิลลาฮฺ (ความว่า ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ฉันขอมอบหมายที่พึ่งยังอัลลอฮฺ ไม่มีความสามารถและพละกำลังใดที่เกิดขึ้นเว้นแต่ด้วยการอนุมัติของอัลลอฮฺ)
เมื่อนั้นก็จะถูกกล่าวแก่เขาว่า
ท่านได้รับการชี้นำแล้ว
ท่านได้รับการคุ้มครองแล้ว
ท่านได้รับการปกป้องแล้ว
และชัยฏอนทั้งหลายก็จะพยายามเข้าใกล้เขา
แต่จะมีชัยฏอนตัวอื่นกล่าวว่า
เจ้าจะทำอย่างไรได้เล่ากับชายซึ่งได้รับการชี้นำ
ได้รับการคุ้มครองและปกป้องแล้ว?"
(บันทึกโดย อบู ดาวูดและอัต-ติรมิซีย์ )
9, ดุอาอฺเมื่อแวะพักระหว่างทาง
จาก เคาละฮฺ บินตุ หะกีม อัส-สุละมียะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮา เล่าว่า ฉันได้ยินท่านนบีมุฮัมมัด ซ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะซัลลัม กล่าวว่า:
«إذَا نَزَلَ أَحَدُكُمْ مَنْزِلاً فَلْيَـقُلْ: أَعُوذُ بِكَلِـمَاتِ الله التَّامَّاتِ مِنْ شَرِّ مَا خَلَقَ، فَإنَّهُ لا يَضُرُّهُ شَيْءٌ حَتَّى يَرْتَـحِلَ مِنْـهُ».
ความว่า "เมื่อพวกท่านคนใดคนหนึ่งหย ุดพัก(ระหว่างเดินทาง) ณ ที่ใดที่หนึ่ง แล้วเขาก็กล่าวว่า อะอูซุ บิกะลีมาติลลาฮิต ต๊ามมาต, มิน ชัรริ มา เคาะลัก (ความหมาย ฉันขอความคุ้มครองด้วยถ้อยค ำอันสมบูรณ์แห่งอัลลอฮฺ จากความชั่วร้ายที่พระองค์ท รงสร้าง) ดังนั้น จะไม่มีสิ่งใดที่ทำร้ายเขาไ ด้ จนกระทั่งเขาเดินทางออกไปจา กที่นั้น"
(บันทึกโดย มุสลิม )
10. พยายามระงับการหาวและใช้มือปิดปากตอนหาว
จาก อบู สะอีด อัล-คุดรีย์ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ กล่าวว่า ท่านนบีมุฮัมมัด ซ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะซัลลัม กล่าวว่า
«إذَا تَثَاوَبَ أَحَدُكُمْ فَلْيُـمْسِكْ بِيَدِهِ عَلَى فِيهِ فَإنَّ الشَّيْطَانَ يَدْخُلُ».
ความว่า "เมื่อพวกท่านคนใดคนหนึ่งหาว ก็จงใช้มือของเขาปิดปากเสีย เพราะแท้จริงแล้วชัยฏอนจะเข้าไป"
(บันทึกโดย มุสลิม )
และจาก อบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ เล่าว่า ท่านนบีมุฮัมมัด ซ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะซัลลัม กล่าวว่า
«التّثَاوُبُ مِنَ الشَّيْطَانِ، فَإذَا تَثَاءَبَ أَحَدُكُمْ فَلْيَكْظِمْ مَا اسْتَطَاعَ».
ความว่า "การหาวนั้นมาจากชัยฏอน ดังนั้นเมื่อพวกท่านคนใดหาวก็จงพยายามระงับมันเท่าที่สามารถทำได้"
(บันทึกโดย อัล-บุคอรีย์ และ มุสลิม )
11.การอะซาน
จาก อบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ เล่าว่า ท่านนบีมุฮัมมัด ซ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะซัลลัม กล่าวว่า
«إذَا نُودِيَ لِلصَّلاةِ أَدْبَرَ الشَّيْطَانُ لَـهُ ضُرَاطٌ حَتَّى لا يَسْمَعَ التَّأْذِينَ، فَإذَا قُضِيَ النِّدَاءُ أَقْبَلَ، حَتَّى إذَا ثُوِّبَ لِلصَّلاةِ أَدْبَرَ، حَتَّى إذَا قُضِيَ التَّثْوِيبُ أَقْبَلَ، حَتَّى يَـخْطُرَ بَيْنَ المَرْءِ وَنَفْسِهِ، يَـقُولُ اذْكُرْ كَذَا، اذْكُرْ كَذَا لِـمَا لَـمْ يَكُنْ يَذْكُر حَتَّى َيظَلَّ الرَّجُلُ لا يَدْرِي كَمْ صَلَّى».
"เมื่อมีการอะซานเรียกสู่การละหมาด ชัยฏอนจะหนีไปไกลพร้อมกับตดไปด้วย (วิ่งหนีไปด้วยสภาพเช่นหางจุกตูด) เพื่อไม่ให้ได้ยินเสียงอะซาน เมื่อสิ้นเสียงอะซานมันก็จะกลับมาอีก จนกระทั่งเมื่อมีการอิกอมะฮฺเพื่อละหมาด มันก็จะหนีอีกครั้ง และเมื่ออิกอมะฮฺเสร็จมันก็จะกลับมา จนกระทั่งมันได้เข้าไปรบกวนคนคนหนึ่งกับใจของเขา ด้วยการล่อลวงว่า 'จงนึกถึงสิ่งนี้และสิ่งนั้น' ให้เขานึกถึงสิ่งที่เคยนึกไม่ได้ จนกระทั่งชายคนหนึ่งอาจจะไม่รู้สึกตัวว่าได้ละหมาดไปเท่าไรแล้ว"
(บันทึกโดย อัล-บุคอรีย์และ มุสลิม )
12. อ่านดุอาอฺตอนเข้ามัสญิด
จาก อุกบะฮฺ กล่าวว่า อับดุลลอฮฺ อิบนุ อัมร์ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุมา ได้เล่าให้เราฟังจากท่านนบีมุฮัมมัด ซ้อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะซัลลัม ว่า
เมื่อท่านนบีเข้ามัสญิดท่านจะกล่าวว่า
«أَعُوذُ بِالله العَظِيمِ، وَبِوَجْهِهِ الكَرِيمِ، وَسُلْطَانِـهِ القَدِيمِ مِنَ الشَّيْطَانِ الرَّجِيمِ». قَالَ: أَقَطُّ؟ قُلْتُ: نَعَمْ، قَالَ: فَإذَا قَالَ ذَلِكَ قَالَ الشَّيْطَانُ: حُفِظَ مِنِّي سَائِرَ اليَومِ.
(คำอ่าน อะอูซุบิลลาฮิลอะซีม, วะบิวัจญ์ฮิฮิล กะรีม, วะสุลฏอนิฮิล เกาะดีม, มินนัช ชัยฏอนิร เราะญีม)
"ข้าขอความคุ้มครองด้วยอัลลอฮฺผู้ทรงยิ่งใหญ่ และด้วยพระพักตร์อันทรงเกียรติของพระองค์ และด้วยอำนาจอันดั้งเดิมของพระองค์ จากชัยฏอนผู้ถูกสาปแช่ง"
อุกบะฮฺ ถามคนที่ฟังหะดีษ(นักรายงานที่ชื่อ หัยวะฮฺ)อยู่ว่า
"ท่านฟังจากฉันเท่านี้เองหรือ?"
เขา(หัยวะฮฺ)ตอบว่า
"ใช่"
อุกบะฮฺ จึงกล่าวต่อไปว่า
"เมื่อเขากล่าวดุอาอ์นั้น ชัยฏอนก็จะพูดว่า เขาถูกปกป้องจากฉันวันนั้นทั้งวัน"
(หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดย อบู ดาวูด )
13.การอาบน้ำละหมาด
14.ทำให้บ้านปลอดจากรูปภาพ รูปปั้น สุนัข และกระดิ่ง(หรือระฆัง)
หะดีษบทแรก จาก อบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ กล่าวว่า นบีมุฮัมมัด ซ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะซัลลัม กล่าวว่า
«لا تَدْخُلُ المَلائِكَةُ بَيْتاً فِيهِ تَـمَاثِيلُ أَوْ تَصَاوِيرُ»
"มลาอิกะฮฺจะไม่เข้าบ้านที่มีรูปปั้นและรูปภาพ"
(บันทึกโดย มุสลิม 2112)
และอีกบท จาก อบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ เล่าว่า ท่านนบีมุฮัมมัด ซ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า:
«لا تَصْحَبُ المَلائِكَةُ رُفْقَةً فِيْـها كَلْبٌ وَلا جَرَسٌ»
"มลาอิกะฮฺจะไม่อยู่ร่วมกับผู้เดินทางที่มีสุนัขและกระดิ่ง"
(บันทึกโดย มุสลิม )
15. หลีกเลี่ยงสถานที่อาศัยของญินและชัยฏอน
เช่น ที่โสโครกมีนะญิส อาทิ สุขา(หรือสถานที่ปัสสาวะหรืออุจจาระ) ที่ทิ้งขยะ เป็นต้น หรือที่ร้าง และสถานที่ที่ไม่มีผู้คนอาศัย เช่น ทะเลทราย ชายหาดที่เปลี่ยว เป็นต้น รวมทั้งคอกอูฐ และอื่นๆ ในทำนองเดียวกัน
ขอขอบคุณเนื้อหาส่วนหนึ่งจาก มุคตะศ็อร อัลฟิกฮิล อิสลามีย์
แปลโดย : ซุฟอัม อุษมาน Islam House