ตามความเชื่อโบราณ ผู้หญิงถูกมองว่าเป็นสิ่งแปดเปื้อนที่ถูกสร้างโดยชัยฏอน สิ่งที่ต้องทำก็คือ การหนีห่างจากเธอไปเข้าสู่ชีวิตแบบนักบวชที่ตัดซึ่งกิเลส ส่วนความเชื่ออื่นๆมองว่าภรรยาเป็นเครื่องมือที่ให้ความสำราญแก่ผู้ชายทำอาหารให้เขาหรือเป็นคนรับใช้ในบ้าน
ผู้หญิงในฐานะภรรยา
ตามความเชื่อโบราณ ผู้หญิงถูกมองว่าเป็นสิ่งแปดเปื้อนที่ถูกสร้างโดยชัยฏอน สิ่งที่ต้องทำก็คือ การหนีห่างจากเธอไปเข้าสู่ชีวิตแบบนักบวชที่ตัดซึ่งกิเลส ส่วนความเชื่ออื่นๆมองว่าภรรยาเป็นเครื่องมือที่ให้ความสำราญแก่ผู้ชายทำอาหารให้เขาหรือเป็นคนรับใช้ในบ้าน
อิสลามเข้ามาล้มล้างระบบชีวิตแบบนักบวช และความสันโดษจากทางโลก โดยสนับสนุนให้มีการแต่งงานและถือว่าการแต่งงานเป็นหนึ่งในสัญญาณและหลักฐานของอัลลอฮฺในสากลจักรวาล
“และในบรรดาสัญญาณของพระองค์ก็คือ พระองค์ได้ทรงสร้างคู่ครองสำหรับเจ้าจากหมู่พวกเจ้าเองเพื่อว่าพวกเจ้าจะได้มีใจสงบในตัวนางและพระองค์ได้ทรงให้มีความรักและความเมตตาในระหว่างพวกเจ้า แน่แท้ในสิ่งนั้นเป็นสัญญาณสำหรับผู้ใคร่ครวญ” อัรรูม 21
เมื่อบรรดาเศาะฮาบะฮฺต้องการความสันโดษจากทางโลกและอุทิศตัวของพวกเขาในการเคารพภักดีต่ออัลลอฮฺ โดยถือศีลอดตลอดวันใช้เวลาทั้งหมดในเวลากลางคืนทำอิบาดะฮฺ และออกห่างจากบรรดาผู้หญิง ท่านเราะซูลได้เตือนพวกเขาว่า
“ขอสาบานต่ออัลลอฺฮฺ ฉันคือผู้ที่เกรงกลัวอัลลอฮฺที่สุดในหมู่พวกท่าน แต่ฉันถือศีลอดและก็ละศีลอดฉันตื่นขึ้นมาอิบาดะฮฺต่ออัลลอฮฺในเวลากลางคืนและฉันก็นอนและฉันแต่งงานกับผู้หญิง ใครที่หันห่างออกจากแบบอย่างของฉันก็ไม่ใช่พวกฉัน” (รายงานโดยอัลบุคอรี และมุสลิม)
อิสลามได้ทำให้ภรรยาที่ดีให้เป็นทรัพย์สมบัติที่มีค่ามากที่สุดของผู้ชายคนหนึ่งเท่าที่ในชีวิตของเขาสามารถจะมีได้ ภายหลังจากการเชื่อในอัลลอฮฺและปฏิบัติตามคำสั่งของพระองค์ เธอจะเป็นกุญแจที่นำไปสู่ความสุข ดังหะดีษที่ท่านนบีกล่าวว่า
“ฉันจะบอกทรัพย์สมบัติที่ดีที่สุด สำหรับผู้ชายคนหนึ่งให้ เอาไหม? นั่นก็คือ ภรรยาที่ดี ถ้าเขามองดูเธอ เธอก็จะทำให้เขาปลื้มปิติยินดีและหากสูเจ้าใช้เธอ เธอก็จะเชื่อฟังและถ้าเขาไม่อยู่กับเธอ เธอก็จะรักษาไว้ซึ่งทรัพย์สินของเขาและตัวของเธอเอง” (รายงาน โดยอบูดาวูด)
ท่านเราะซูล กล่าวว่า “โลกดุนยา (โลกนี้) คือความสุข และสิ่งเป็นความสุขมากที่สุด คือสตรีที่ดี” (รายงานโดยมุสลิม)
และท่านยังกล่าวอีกว่า “เมื่อบ่าวของอัลลอฮฺแต่งงาน เขาได้ทำให้ศาสนาของเขาสมบูรณ์ ไปครึ่งหนึ่ง และเขาต้องยำเกรงต่ออัลเลาะฮฺเพื่อทำให้อีกครึ่งหนึ่ง สมบูรณ์” (รายงาน โดยฮากิม)
ท่านได้กล่าวอีกว่า “ความผาสุกของลูกหลานอาดัมมีอยู่ 3 ประการและความทุกข์ของลูกหลานอาดัมมีอยู่ 3 ประการเช่นกัน ซึ่งสิ่งที่เป็นความผาสุกของลูกหลานอาดัม ก็คือ ภรรยาที่ดี ที่พักอาศัยที่ดี พาหนะที่ดี และภรรยาที่เลว ที่พักอาศัยที่เลว พาหนะที่เลว เป็นสิ่งที่ทำให้ลูกหลานอาดัมมีความทุกข์” (รายงานโดยอะฮฺหมัด)
ท่านนบียังกล่าวความว่า “มี 4 สิ่ง ถ้าคนใดคนหนึ่ง ได้รับ เขาก็จะได้รับสิ่งที่ดีที่สุด ในโลกนี้ และโลกหน้า คือ หัวใจที่ขอบคุณ ลิ้นที่รำลึกถึงอัลลอฮฺ ร่างกายที่อดทน ต่อความยากลำบาก และภรรยาที่ไม่มองสิ่งเลวร้าย และเงินตราของเขา” (รายงานโดยอัลฮัยตามี) ในอีกรายงานหนึ่ง “ไม่มองความเลวร้าย เพื่อต่อต้านเขา”
อิสลามได้ให้ความสำคัญแก่ผู้หญิงในฐานะของภรรยาและมองว่าการทำหน้าหน้าที่ของเธอเมื่อมีการแต่งงานเปรียบเสมือนการญิฮาด (ต่อสู้ในหนทางของอัลเลาะฮฺ) อัล-เฏาะบะเราะนียฺ รายงานว่า มีผู้หญิงคนหนึ่งมาหาท่านเราะซูล (ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม) และกล่าวว่า “โอ้ท่านเราะซูล ของอัลเลาะฮฺ ฉันเป็นตัวแทนในหมู่ผู้หญิงมาบอกบางอย่างแก่ท่าน ไม่มีใครในหมู่พวกเขาที่สามารถรู้ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้ และไม่มีใครมอบหมายให้ฉันมาหาท่าน” เธอบอกเกี่ยวกับเรื่องของเธอ และเธอได้กล่าวว่า “อัลลอฮฺ คือพระเจ้าของทั้งผู้ชายและผู้หญิง การต่อสู้ในหนทางของอัลเลาะฮฺ (ญิฮาด) มีให้สำหรับผู้ชาย ถ้าพวกเขาทำสำเร็จ พวกเขาได้รับสิ่งตอบแทน และถ้าพวกเขาทำไม่สำเร็จ ก็จะได้ตายชะฮีด พวกเขาก็จะไม่ตาย (สำหรับผู้ได้รับชะฮีด จะไม่นับว่าตาย) และได้รับสิ่งที่อัลลอฮฺได้จัดเตรียมไว้ ดังนั้น อะไรเล่า เป็นสิ่งที่เท่ากัน (สำหรับผู้หญิง)ในการเชื่อฟังอัลลอฮฺของพวกเรา ? ท่านเราะซูลกล่าวความว่า “การเชื่อฟังสามีของเจ้าและทำตามหน้าที่ของเธอ” (รายงานโดย อัลฮัยตามียฺ)
อิสลามได้ประกาศให้มีสิทธิของภรรยาต่อสามีของเธอ และไม่ได้ทำให้เธอเป็นเพียงแค่หุ่นเชิด ในทางตรงกันข้าม อิสลามได้จัดสิ่งที่เหนือกว่าผู้ปกป้องและผู้ดูแลให้แก่เธอ สิ่งแรก คือศรัทธาและเคร่งครัดในศาสนา เรื่องที่สอง คือการรู้รับผิดชอบในทางสังคม และการมีความตื่นตัว(ทางสังคม) ประการที่สาม คือชะรีอะฮฺและการปฏิบัติตาม
สิทธิอันแรกของเธอ คือค่ามะฮัร ซึ่งอิสลามกำหนดให้ผู้ชายมอบแก่ผู้หญิงเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความปรารถนา(จากการแต่งงาน)ในการสมรสและความต้องการเธอ อัลลอฮฺกล่าวว่า
“และจงให้แก่บรรดาหญิง ซึ่งมะฮัรของนางด้วยความเต็มใจ แต่ถ้านางเห็นชอบที่จะให้สิ่งหนึ่งแก่พวกเจ้าจากมะฮัรนั้นแล้ว ก็จงบริโภคสิ่งนั้นด้วยความเอร็ดอร่อยและโอชา” สูเราะฮฺ อัน นิซาอฺ 4
วลีที่ว่า “ด้วยความเต็มใจ” เป็นเครื่องหมายว่า มะฮัรฺ เป็นของขวัญ ไม่ใช่ราคาหรือค่าความพอใจที่เขาได้จากเธออย่างที่บางคนยืนกราน
เราพบเห็นในอารยธรรมอื่นๆที่ผู้หญิงจ่ายเงินของเธอเองโดยทั้งหมด ซึ่งตามธรรมชาติแล้วผู้ชายเรียกร้องกับเธอมากกว่าที่เธอเรียกร้องกับเขากระนั้นหรือ?
สิทธิประการสองของเธอ คือการได้รับการเลี้ยงดู สามีจำเป็นต้องจัดหาอาหาร เสื้อผ้า ที่พักอาศัย และยารักษาโรคแก่ภรรยาของเขา ตามสภาพฐานะและรายได้ คนรวยก็มีระดับของมัน และคนจนก็มีระดับสำหรับมัน ท่านเราะซูลได้กล่าวถึงสิทธิต่อผู้หญิงความว่า “ท่านจำเป็นต้องให้อาหารและเสื้อผ้าอย่างให้เกียรติแก่หล่อน” (บันทึกโดยอบู ดาวูด)
เกียรติในที่นี้หมายถึงสิ่งที่ปฏิบัติต่อผู้ศรัทธาและมีศีลธรรมตามประเพณีนิยมที่ปฏิบัติกัน อัลลอฮฺ ทรงกล่าวความว่า
“ควรให้ผู้มีฐานะร่ำรวยจ่ายตามฐานะของเขา ส่วนผู้ที่การยังชีพของเขาเป็นที่คับแค้นแก่เขาก็ให้เขาจ่ายตามที่อัลลอฮฺทรงประทานมาให้แก่เขา อัลลอฮฺมิได้ทรงให้เป็นที่ลำบากแก่ชีวิตใด เว้นแต่ตามที่พระองค์ทรงประทานมาแก่ชีวิตนั้น หลังจากความยากลำบาก อัลลอฮฺจะทรงทำให้เกิดความสะดวกสบาย” (65: 7)”
สิทธิประการทีสามของเธอคือ การอยู่ร่วมโดยให้เกียรติกับเธอ อัลลอฮฺทรงกล่าวความว่า “และจงอยู่ร่วมกับพวกนางด้วยดี” สูเราะฮฺ อัน นิซาอฺ 19
มันเป็นสิทธิร่วมกันระหว่างความสัมพันธ์ของสามีภรรยาที่จะต้องปฏิบัติดีต่อกันในทุกด้าน ดังเช่นการมีมารยาทดีต่อกัน การถ้อยทีถ้อยอาศัย การพูดดีต่อกันการยิ้มให้กัน การหยอกล้อและมีอารมณ์ขัน และอื่นๆ ท่านเราะซูลได้กล่าวความว่า 'ผู้ศรัทธาที่ดีที่สุด คือผู้ที่มีมารยาทดี และอ่อนโยนที่สุด ต่อผู้ใต้ปกครองของเขา' (บันทึกโดย ตริมีซียฺ)
อิบนุ ฮิบบานได้บันทึก ในสายรายงานของท่านหญิงอาอีชะฮฺที่ท่านเราะซูลกล่าวความว่า “คนที่ดีที่สุดในหมู่พวกท่าน คือผู้ที่ทำดีต่อครอบครัวของเขา และฉันคือผู้ที่ทำดีต่อครอบครัวของฉัน” (บันทึกโดย อิบนุ ฮิบบาน)
จากประวัติของท่านเราะซูล ได้แสดงให้เห็นถึงความอ่อนโยนต่อผู้คน และการปฏิบัติดีต่อภรรยาของท่าน ดังจะเห็นว่าท่านได้ช่วยพวกเธอ ทำงานบ้าน และมีตัวอย่างการหยอกล้อของท่านกับภรรยาของท่าน เมื่อท่านได้วิ่งแข่งกับท่านหญิงอาอีชะฮฺ 2 ครั้ง ครั้งแรกเธอชนะ ครั้งที่สองท่านชนะ ท่านได้กล่าวว่า 'เสมอกัน' (บันทึกโดยอิบนุ มาญะฮฺ )
ในการตอบแทนสิทธิที่เธอได้รับ ภรรยาจำเป็นต้องเชื่อฟังสามีของเธอ ทุกๆอย่าง ยกเว้นในเรื่องการไม่เชื่อฟังอัลลอฮฺ เธอต้องดูแลรักษาทรัพย์สินของเขา ไม่ใช้จ่ายไปนอกจากจะได้รับอนุญาตจากสามี และไม่อนุญาตให้ใครเข้ามาในบ้าน แม้แต่ญาติของตัวเองยกเว้นจะได้รับการอนุญาตจากสามี
หน้าที่เหล่านี้ไม่เป็นภาระหนักเกินไปหรืออยุติธรรมต่อเธอ เนื่องจากทุกๆ สิทธิที่ได้รับจะต้องมีหน้าที่ที่ตอบแทน มันเป็นสิ่งที่ยุติธรรมในอิสลามที่หน้าที่ทั้งหมดไม่ได้ตกเป็นของฝ่ายหญิงหรือฝ่ายชายฝ่ายเดียว อัลลอฮฺทรงกล่าวว่า
“และพวกนางนั้นจะได้รับเช่นเดียวกับสิ่งที่เป็นหน้าที่ของพวกนางจะต้องปฏิบัติโดยชอบธรรม” สูเราะฮฺ อัล-บะเกาะเราะฮฺ 228
ดังนั้นสตรีได้รับสิทธิมากมาย ในขณะเดียวกัน เธอก็มีหน้าที่หลายอย่างที่จะต้องปฏิบัติ ถ้อยคำยกย่องที่ถูกบันทึกถึงคำกล่าวของท่านอิบนุ อับบาส ขณะท่านกำลังส่องกระจกดูการแต่งตัวและเครื่องแต่งกายของท่าน ขณะท่านมองกระจกท่านได้กล่าวว่า 'ฉันแต่งตัวของฉันเพื่อภรรยาของฉัน ดังที่เธอได้ทำเพื่อฉัน หลังจากนั้นท่านได้กล่าว อายะฮฺกุรอาน “หากพวกเขาปรารถนาประนีประนอม และพวกนางนั้นจะได้รับเช่นเดียวกับสิ่งที่เป็นหน้าที่ของพวกนางจะต้องปฏิบัติโดยชอบธรรม”' สูเราะฮฺ อัล-บะเกาะเราะฮฺ 228
นี่เป็นตัวอย่างอันดีเลิศที่แสดงถึงความรู้อันลึกซึ้งในอัล กุรอานของบรรดาเศาะฮาบะฮฺ)
ชัยคฺ ยูสุฟ อัล เกาะเราะฎอวียฺ
www.muslimthaipost.com