เมื่อได้ยินเสียงอาซานแล้วกินข้าวซูโฮรต่อได้หรือไม่?


121,888 ผู้ชม

เมื่อได้ยินเสียงอาซานแล้วกินข้าวซูโฮรต่อได้หรือไม่? ..


เมื่อได้ยินเสียงอาซานแล้วกินข้าวซูโฮรต่อได้หรือไม่?

คนที่จะถือศีลอดนั้น สุนัตให้รับประทานอาหารซูโฮร การรับประทานอาหารซูโฮรถูกท่านศาสดา (ซ.ล) กล่าวว่า เป็นการทานอาหารที่จะนำมาซึ่งความดีและความประเสริฐสำหรับผู้ที่ถือศีลอดนั้น สำหรับผู้ที่รับประทานอาหารซูโฮร เขาจะได้รับผลกำไรเป็น 2 เท่า กล่าวคืออิ่ม และได้รับบะรอกัต ที่อัลเลาะห์จะทรงประทานให้แก่ตัวเขาตลอดทั้งวันที่เขาถือศีลอด

เมื่อได้ยินเสียงอาซานแล้วกินข้าวซูโฮรต่อได้หรือไม่?

بِسْمِ اللهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ

اَلْحَمْدُ للهِ رَبِّ الْعَالَمِيْنَ وَ الصَّلاَةُ وَالسَّلاَمُ عَلىَ سَيِّدِنَا مُحَمَّدٍ وَعَليَ اَلِهِ وَصَحْبِهِ أَجْمَعِيْنَ

สิ่งดังกล่าวคยได้ยินจาก บางกลุ่มอ้างว่า กินดื่มต่อไปหลังจากอะซานซุบฮ์นั้นกระทำได้ ซึ่งผมคิดว่าเป็นความเข้าใจผิดในตัวบทฮะดิษ เพราะการอะซานซุบฮ์ ที่เมืองไทยบ้านเรานั้น อะซานเพียงครั้งเดียว คือ ขณะที่แสงอรุณจริง (ฟะญัรศอดิก) ดังนั้นเมื่อแสงอรุณจริงขึ้น แล้วยังรับประทานอาหารและดื่มน้ำอยู่อีกนั้นถือว่า ทำให้เสียศีลอด และต้องกอฏอในวันอื่น ดังที่อัลกุรอานได้ระบุยืนยันไว้ว่า

وَكُلُواْ وَاشْرَبُواْ حَتَّى يَتَبَيَّنَ لَكُمُ الْخَيْطُ الأَبْيَضُ مِنَ الْخَيْطِ الأَسْوَدِ مِنَ الْفَجْرِ ثُمَّ أَتِمُّواْ الصِّيَامَ إِلَى الَّليْلِ

"และท่านทั้งหลายจงกินและจงดื่ม  จนกว่าเส้นด้ายสีขาว  จากเส้นด้ายสีดำ  ของแสงอรุณจะปรากฏแก่พวกท่าน  จากนั้นให้พวกท่านจงถือศีลอดให้ครบถึงกลางคืนเถิด" อัลบะกอเราะฮ์ 187

คำว่าเส้นด้ายสีขาว  คือ แสงอรุณจริงของกลางวัน  คำที่ว่าเส้นด้ายสีดำ  คือความมืดของเวลากลางคืน  คำที่ว่าแสงอรุณ  หมายถึงแสงอรุณที่ขอบฟ้าซึ่งเป็นสิ่งบ่งบกว่าสิ้นสุดเวลากลางคืนและเริ่ม เข้าสู่กลางวัน  ดังนั้นเมื่อแสงอรุณจริงขึ้นแล้ว แสดงว่าเข้าเวลาช่วงกลางวันแล้ว  เราจึงไม่ควรทำเบาความในเรื่องการถือศีลอดที่เป็นรุ่กุ่นใหญ่ของอัลอิสลาม

ส่วน ฮะดิษที่กล่าวเรื่องการอะซานของท่านบิล้าล ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ ดังกล่าวนั้น  ท่านอัลบุคอรีย์ได้รายงานด้วยสายรายงานของท่านถึงท่านอิบนุอุมัร จากท่านอุมัร ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ  เขากล่าวว่า

‏أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ ‏ ‏صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ‏ ‏قَالَ ‏ ‏إِنَّ ‏ ‏بِلَالًا ‏ ‏يُؤَذِّنُ بِلَيْلٍ فَكُلُوا وَاشْرَبُوا حَتَّى يُنَادِيَ ‏ ‏ابْنُ أُمِّ مَكْتُومٍ ‏ ‏ثُمَّ قَالَ وَكَانَ رَجُلًا أَعْمَى لَا يُنَادِي حَتَّى يُقَالَ لَهُ أَصْبَحْتَ أَصْبَحْت

‏"แท้จริงท่าน ร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้กล่าวว่า  แท้จริงบิล้าลได้ทำการอะซานในช่วงกลางคืนอยู่  ดังนั้นพวกท่านทั้งหลายจงกินและจงดื่มเถิด  จนกระทั่งอิบนุอุมมุมักตูมได้ทำการอะซาน หลังจากท่านได้กล่าวว่า  อิบนุอุมมุมักตูมเป็นชายตาบอด ซึ่งจะทำการอะซานจนกว่าถูกบอกให้แก่เขาว่า ท่านอยู่ในเวลาซุบฮ์แล้ว ท่านอยู่ในเวลาซุบฮ์แล้ว" รายงานโดยบุคอรีย์ (582)

ในฮะดิษนี้บ่งชี้ให้เราทราบว่า การอะซานซุบฮ์นั้นมี 2 ครั้ง คือ อะซานตอนที่แสงอรุณไม่จริงขึ้น (ฟัจญ์กาซิบ) และอะซานช่วงที่แสงอรุณจริงขึ้น (ฟัจญ์ศอดิก) ซึ่งเมื่อแสงอรุณนั้นถือว่าเข้าเวลาซุบฮ์นั่นเอง ดังนั้นท่านบิล้าลได้ทำการอะซานในช่วงที่แสงอรุณไม่จริงขึ้นคือยังอยู่ใน ช่วงเวลากลางคืนอยู่  ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จึงใช้ให้บรรดาซอฮาบะฮ์ทำการกินและดื่มต่อไป จนกระทั่งท่านอิบนุอุมมุมักตูมได้อะซานนั่นแหละจึงหยุดรับประทาน

เมื่อได้ยินเสียงอาซานแล้วกินข้าวซูโฮรต่อได้หรือไม่?

ท่านชัยคุลอิสลาม อัลฮาฟิซฺ อิบนุญะญัร อัลอัสก่อลานีย์ได้กล่าวว่า...

وَأَقْرَبُ مَا يُقَال فِيهِ إِنَّ أَذَانَهُ جُعِلَ عَلَامَةً لِتَحْرِيمِ الْأَكْل وَالشُّرْب

"ที่ใกล้เคียงที่สุดจากสิ่งจะสามารถนำมากล่าวในฮะดิษนี้คือ  แท้จริงการอะซานของท่านอิบนุอุมมุมักตูมนั้น ถูกทำให้เป็นสัญลักษณ์ให้กับการห้ามกินและดื่ม" หนังสือฟัตฮุลบารีย์

ส่วนฮะดิษที่ท่านอิมามอะห์มัดและท่านอบูดาวูดรายงานจากท่านอบูฮุร็อยเราะฮ์ ฮุร็อยเราะฮ์ความว่า  ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้กล่าวว่า

 ‏إِذَا سَمِعَ أَحَدُكُمْ النِّدَاءَ وَالْإِنَاءُ عَلَى يَدِهِ فَلَا يَضَعْهُ حَتَّى يَقْضِيَ حَاجَتَهُ مِنْهُ

"เมื่อคนใดจากพวกท่านได้ยินเสียงอะซาน  โดยภาชนะอยู่บนมือเขา ดังนั้นก็อย่าวางมันจนกว่าจะรับประทานให้เสร็จสิ้นจากมัน" มุสนัดอิมามอะห์มัด (10220) , สุนันอะบีดาวูด (2003) 

ฮะดิษดังกล่าวนี้ขัดแย้งกับอัลกุรอานและฮะดิษบุคอรีย์ที่ซอฮิห์ข้างต้น  และยังเป็นฮะดิษฎออีฟไม่ซอฮิห์อีกด้วย  อย่างไรก็ตาม  ถ้าหากฮะดิษไม่ฎออีฟ  ก็ย่อมหมายถึงให้รับประทานอาหารต่อไปได้ในขณะที่มีการอะซานครั้งแรก(คือการอะซานของบิล้าล)  และเมื่ออะซานครั้งที่สอง(คือการอะซานของท่านอิบนุมักตูม)แล้วนั้น ก็จำเป็นต้องอิมซากและไม่อนุญาตให้รับประทานอาหารต่อไปได้  เพื่อตามอัลกุรอานและฮะดิษซอฮิห์บุคอรีย์ข้างต้นที่ระบุให้อิมซากเมื่อแสงอรุณขึ้น

 ดังนั้น การอะซานซุบฮ์ของพี่น้องเมืองไทยบ้านเรา คือ อะซานในช่วงเวลาที่ท่านอิบนุอุมมุมักตูมทำการอะซานไม่ใช่ท่านบิล้าลอะซาน เพราะฉะนั้น ผู้ใดเมื่อได้ยินเสียงอะซานซุบฮ์ในช่วงเวลาที่แสงอรุณขึ้น แล้วเขาก็รับประทานอาหารและดื่มอีกหลังจากนั้น  แน่นอนว่าการถือศีลอดของเขาย่อมใช้ไม่ได้และต้องกอฏอ (ชดใช้) ในช่วงวันอื่นจากรอมฎอน

ที่มา:    www.sunnahstudent.com

อัพเดทล่าสุด