การสอบสวนมัยยิตหรือผู้ตาย หลังจากที่ร่างของมัยยิตถูกฝังเรียบร้อยแล้ว ถือเป็นส่วนหนึ่งของการศรัทธาต่อวันอาคิเราะฮฺ ซึ่งเป็นรุก่นอีมานข้อที่ห้า ซึ่งเป็นเรื่องที่เร้นลับ
การสอบสวนมัยยิต ในหลุมฝังศพ
คอเฏ็บ อับดุลสลาม เพชรทองคำ
ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงสั่งใช้เราให้มีตักวา ความยำเกรงต่อพระองค์ เพราะตักวา ความยำเกรงต่อพระองค์นั้น หากมีอยู่ในหัวใจของเราแล้ว มันก็จะเป็นเสมือนกำแพงที่ขวางกั้นเรา ไม่ให้ทำสิ่งที่เป็นชิริก สิ่งที่เป็นบิดอะฮฺ สิ่งที่เป็นมะอฺศิยะฮฺ สิ่งที่เป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา และมันก็จะเป็นแรงผลักดันเราให้ปฏิบัติในสิ่งที่เป็นอิบาดะฮฺ สิ่งที่เป็นอะมัลศอและฮฺต่างๆ
ซึ่งผลของการที่เรามีตักวา-ความยำเกรงต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา คือ การที่เราได้ปกป้องตัวของเราเองให้รอดพ้นจากการถูกทรมานในกุบูร และปกป้องเราจากการถูกลงโทษในไฟนรกในวันกิยามะฮฺ สำหรับในโลกดุนยานี้ เราก็จะได้รับชีวิตที่ดีงาม และในโลกอาคิเราะฮฺเราก็จะได้รับรางวัลตอบแทนด้วยสวนสวรรค์และสิ่งพิเศษมากมายที่อยู่ภายในสวนสวรรค์นั้น
ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลายครับ เมื่อวิญญาณของเราถูกมะละกุลเมาต์หรือมะลาอิกะฮฺแห่งความตายนำออกจากร่างของเราตามคำสั่งของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ถูกบรรดามะลาอิกะฮฺนำไปยังชั้นฟ้าต่างๆจนกระทั่งถึงชั้นฟ้าชั้นที่เจ็ดสำหรับมัยยิตที่เป็นผู้ศรัทธา ส่วนมัยยิตของผู้ปฏิเสธและผู้ฝ่าฝืนจะไปถึงแค่ชั้นฟ้าดุนยา ไม่สามารถเปิดประตูแห่งชั้นฟ้าได้ จนกระทั่งกลับสู่ร่างที่ถูกฝังอยู่ในกุบูรแล้ว (จากคุฏบะฮฺครั้งก่อนๆ) หลังจากนั้น กระบวนการของฟิตนะตุลก็อบรฺก็จะตามมา
ฟิตนะตุลก็อบรฺ หรือ การสอบสวนมัยยิตหรือผู้ตาย หลังจากที่ร่างของมัยยิตถูกฝังเรียบร้อยแล้ว ถือเป็นส่วนหนึ่งของการศรัทธาต่อวันอาคิเราะฮฺ ซึ่งเป็นรุก่นอีมานข้อที่ห้า ซึ่งเป็นเรื่องที่เร้นลับ พ้นญาณวิสัยที่เราจะสามารถมองเห็นได้ แต่เป็นเรื่องที่เราต้องศรัทธาในความมีอยู่จริงของมัน ตามหลักฐานที่ปรากฏอยู่ในอัลกุรอานและอัลหะดีษที่มีหลักฐานที่ถูกต้องและเชื่อถือได้ ที่ระบุไว้ เป็นเรื่องที่มนุษย์ทุกคนต้องเผชิญในโลกอะลัมบัรซัค ซึ่งเป็นโลกที่คั่นกลางระหว่างโลกดุนยากับโลกอาคิเราะฮฺ ไม่ว่าเขาจะเป็นใครมาจากไหนก็ตาม และไม่ว่าเขาจะตายในลักษณะใดก็ตาม จะถูกฝัง จะถูกเผา จะถูกสับ ทั้งหมดต้องได้พบกับฟิตนะตุลก็อบรฺกันทุกคน
ฟิตนะตุลก็อบรฺ คือ การสอบสวนมัยยิตเกี่ยวกับการงานที่เขาได้ประพฤติปฏิบัติไว้ในโลกดุนยา ด้วยกับคำถามสามคำถาม คือ
من ربك ؟ ใครคือพระเจ้าของท่าน ?
وما دينك ؟ อะไรคือศาสนาของท่าน ?
؟ نبيك ومن ใครคือนบีของท่าน ?
ส่วนคำถามที่ว่า ใครคืออิมามของท่าน ? ตามความเชื่อของกลุ่มชีอะฮฺนั้น คำถามนี้ไม่มีตามหลักฐานที่ระบุไว้ในหลักการเชื่อมั่นที่ถูกต้องของอัลอิสลาม คำถามที่ถามจะเกี่ยวกับเรื่องทั้งสามคำถามนี้ โดยถามถึงความเชื่อมั่นศรัทธาและการงานของเราที่ได้ปฏิบัติไว้ในโลกดุนยา ซึ่งเราทราบเรื่องเหล่านี้เพียงจำกัด ก็ให้เราเชื่อมั่นศรัทธาไปตามนั้น เท่าที่หลักฐานได้ระบุไว้ ส่วนรายละเอียดทั้งหมดเป็นเรื่องที่สติปัญญาของเราไปไม่ถึงนะครับ
เรามาดูหลักฐานจากอัลหะดีษที่ระบุไว้ในเรื่องนี้ และให้เราได้พิจารณาความแตกต่างระหว่างคำตอบของผู้ศรัทธากับผู้ปฏิเสธศรัทธา ผู้ที่ฝ่าฝืนต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา พร้อมทั้งผลตอบแทนที่แต่ละฝ่ายจะได้รับ เพื่อให้เราได้ตัดสินใจว่า เราควรจะจัดการกับตัวของเราในโลกดุนยานี้ อย่างไรดี ?
ในอัลหะดีษ รายงานจากท่านอัลบะรออ์ อิบนิ อาซิบ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้รายงานว่า ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้กล่าวว่า
เมื่อวิญญาณของมัยยิตที่เป็นผู้ศรัทธากลับสู่ร่างของเขาในกุบูร จะมีมะลาอิกะฮฺ 2 ท่านมาถามคำถามเขาว่า ใครคือพระเจ้าของท่าน ? มัยยิตนี้ก็จะตอบว่า อัลลอฮฺ คือพระเจ้าของฉัน ผู้ศรัทธาจะตอบได้ เพราะตอนอยู่บนโลกดุนยา เขาศรัทธาเชื่อมั่นในความมีอยู่จริงของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา มอบเตาฮีดทั้งหมดแด่พระองค์ เมื่อพระองค์ทรงสั่งใช้อะไรก็รีบทำ ขวนขวายทำ พระองค์ทรงห้ามอะไรก็ออกห่าง ละเว้น ไม่ทำ มัยยิตที่เป็นผู้ศรัทธาจะตอบคำถามได้ เพราะการอีมานและการงานที่เขาได้ทำไว้
แล้วมะลาอิกะฮฺทั้งสองก็ถามอีกว่า อะไรคือศาสนาของท่าน ? มัยยิตนี้ก็จะตอบว่า อัลอิสลามคือศาสนาของฉัน ตอบได้ เพราะตอนอยู่บนโลกดุนยาดำเนินชีวิตอยู่ในขอบเขตของบทบัญญัติศาสนาอยู่ตลอดเวลา ไม่ฝ่าฝืน
แล้วมะลาอิกะฮฺทั้งสองก็จะถามอีกว่า ท่านเคยกล่าวอย่างไรเกี่ยวกับชายผู้นี้ที่ถูกแต่งตั้งมายังพวกท่าน ? มัยยิตนี้จะตอบว่า เขาคือเราะซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม คำถามนี้ก็ตอบได้อีก เพราะตอนอยู่บนโลกดุนยาก็พยายามดำเนินชีวิตตามแบบอย่างของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมอยู่อย่างสม่ำเสมอ รักท่านนบีมากกว่าใครทั้งหมด มากกว่าทุกสิ่งทุกอย่าง รักรองมาจากอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทำตามแบบอย่างท่านนบีทุกอย่าง ไม่ทำบิดอะฮฺ
คำถามทั้งหมดที่จะตอบได้นั้น ต้องเชื่อมั่นและปฏิบัติตามด้วย ไม่ใช่พูดเฉยๆ เชื่ออย่างเดียว แต่ไม่ทำความดีใดๆ ไม่ออกห่างจากความชั่วใดๆ ถ้าเป็นอย่างนี้ก็จะไม่สามารถตอบคำถามได้ ต้องเชื่อมั่นศรัทธา พร้อมทั้งลงมือปฏิบัติด้วย อย่างนี้จึงจะตอบคำถามได้
มะลาอิกะฮฺทั้งสองก็กล่าวอีกว่า ท่านมีความรู้(ในเรื่องต่างๆเหล่านี้ได้)อย่างไร ? มัยยิตนี้ที่เป็นผู้ศรัทธาก็จะตอบว่า (ฉันได้รับความรู้เหล่านี้มาจากการที่)ฉันได้อ่านกิตาบของอัลลอฮฺ (ก็คือได้มาจากการอ่านอัลกุรอาน) แล้วฉันก็ได้ศรัทธา เชื่อมั่น เชื่อฟังและก็ปฏิบัติตามสิ่งท่านเราะซูลุลลอฮฺนำมาบอกด้วยความเชื่อมั่นว่าเป็นความจริง
(ท่านนบีก็เล่าต่อว่า..) หลังจากนั้น จะมีเสียงจากฟากฟ้ากล่าว(กับมะลาอิกะฮฺ)ว่า
“บ่าวของข้าคนนี้พูดด้วยความศรัทธาจริง ดังนั้น พวกเจ้าจงปูทางจากสวรรค์ให้แก่บ่าวของข้าคนนี้ (ก็คือเตรียมที่พำนัก เตรียมที่หลับที่นอนจากสวรรค์ให้แก่เขา) และสวมใส่เสื้อผ้าอาภรณ์จากสวรรค์ให้แก่เขา และจงเปิดประตูสวรรค์ให้แก่เขา แล้วกลิ่นหอมจากสวรรค์จะโชยมายังเขา และกุบูรของเขาก็จะขยายออก กว้างขวางจนสุดลูกหูลูกตา”
(สำนวนส่วนนี้อยู่ในบันทึกของอิมามอะหฺมัด)
แล้วก็จะมีชายหนุ่มรูปงาม หน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่ง สวมเสื้อผ้าอาภรณ์ที่สวยงาม มีกลิ่นตัวหอมได้มาหามัยยิตนี้ แล้วกล่าวกับเขาว่า ฉันมาแจ้งข่าวดีที่จะทำให้ท่านดีใจ(เป็นที่สุด) เพราะนี่เป็นวันของท่าน วันที่อัลลอฮฺได้ทรงให้สัญญากับท่านไว้ ถึงความโปรดปรานจากพระองค์(ที่จะมอบแก่ท่าน)
มัยยิตจะถามว่า ท่านคือใคร ? ใบหน้าของท่านน่าจะนำมาซึ่งความดี
ชายรูปงามคนนั้นจะตอบว่า ฉันคือการงานที่ดีของท่าน
ขอสาบานด้วยอัลลอฮฺ ฉันไม่รู้จักท่านเลยนอกจากท่านจะรีบเร่งในการอิบาดะฮฺต่ออัลลอฮฺ แล้วก็ล่าช้าในการฝ่าฝืนต่ออัลลอฮฺ
มะลาอิกะฮฺจะบอกว่า รู้จักมัยยิตนี้ ว่าทำแต่ความดี อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงสั่งใช้อะไรก็ขวนขวาย รีบเร่งทำ พระองค์ทรงสั่งห้ามอะไรก็ละห่าง ละเว้น ไม่ทำ ไม่ฝ่าฝืน ดังนั้น ขออัลลอฮฺประทานความดีงาม ประทานรางวัลแก่ท่านเถิด
(สำนวนส่วนนี้อยู่ในบันทึกของอิมามอะหฺมัด)
จงมองไปยังที่อยู่ของเจ้าในนรก ซึ่งอัลลอฮฺได้ทรงเปลี่ยนมันด้วยที่อยู่ในสวรรค์สำหรับเจ้า ก็คือเปลี่ยนที่อยู่ในนรกให้ไปอยู่ที่สวรรค์แทน อันเนื่องมาจากการที่เขาเป็นผู้ศรัทธาและปฏิบัติการงานที่ศอลิหฺดีงาม
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะซัลลัม ได้กล่าวว่า ’ มัยยิตนี้จะได้เห็นที่อยู่ทั้งสอง(ทั้งในนรกและในสวรรค์)’ (สำนวนส่วนนี้อยู่ในบันทึกของอิมามอัลบุคอรีย์ ในรายงานของท่านอะนัส เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ)
เมื่อมัยยิตผู้ศรัทธาเห็นสิ่งที่อยู่ในสวรรค์ فَيَقُول เขาจะกล่าวว่า
رَبِّ أَقِمْ السَّاعَةَ โอ้พระเจ้าของฉัน โปรดให้วันกิยามะฮฺมาถึง(โดยเร็วด้วยเถิด)
رَبِّ أَقِمْ السَّاعَةَ โอ้พระเจ้าของฉัน โปรดให้วันกิยามะฮฺมาถึง(โดยเร็วด้วยเถิด)
โอ้พระเจ้าของฉัน โปรดให้วันกิยามะฮฺมาถึง(โดยเร็วด้วยเถิด) เพื่อที่ฉันจะได้กลับไปหาครอบครัวและทรัพย์สมบัติของฉัน
แล้วจะมีเสียงกล่าวว่า เจ้าจงอยู่อย่างสงบเถิด
(สำนวนส่วนนี้อยู่ในบันทึกของอิมามอะหฺมัด)
ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลายครับ นั่นก็คือ การสอบสวนบรรดาผู้ศรัทธา และผลตอบแทนที่บรรดาผู้ศรัทธาจะได้รับ ซึ่งฟิตนะตุลก็อบรฺนี้ ถือเป็นความยุ่งยาก เป็นบททดสอบสุดท้ายที่ผู้ศรัทธาต้องเผชิญ แต่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาก็ทรงให้ผู้ศรัทธายึดมั่นอยู่กับคำพูดอันมั่นคง ยืนหยัดอยู่ในคำตอบที่ถูกต้อง ในอัลกุรอานซูเราะฮฺอิบรอฮีม อายะฮฺที่ 27 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสว่า
يُثَبِّتُ اللَّهُ الَّذِينَ آمَنُوا بِالْقَوْلِ الثَّابِتِ فِي الْحَيَاةِ الدُّنْيَا وَفِي الْآخِرَةِ ۖ وَيُضِلُّ اللَّهُ الظَّالِمِينَ ۚ وَيَفْعَلُ اللَّهُ مَا يَشَاءُ
“อัลลอฮทรงให้บรรดาผู้ศรัทธายืนหยัดด้วยถ้อยคำที่มีความมั่นคงในการมีชีวิตอยุ่ทั้งในโลกดุนยาและในโลกอาคิเราะฮฺ
และอัลลอฮทรงให้บรรดาผู้อธรรมหลงทาง และอัลลอฮทรงกระทำสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์”
ในส่วนของบรรดาผู้ปฏิเสธ ผู้ฝ่าฝืนต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา เมื่อวิญญาณของมัยยิตกลับสู่ร่างของเขาในกุบูร จะมีมะลาอิกะฮฺ 2 ท่านมาถามคำถามเขาเช่นกันว่า
- ใครคือพระเจ้าของท่าน ? มัยยิตผู้ปฏิเสธศรัทธา ผู้ฝ่าฝืนจะตอบว่า هَاهْ هَاهْ لَا أَدْرِي ฮะ ฮะ ฉันไม่รู้ ตอบไม่ได้ เพราะตอนอยู่บนโลกดุนยา ไม่เชื่อในความมีอยู่จริงของพระองค์ ไม่ยอมมอบเตาฮีดแด่พระองค์ พระองค์สั่งใช้อะไรก็ไม่ทำ สั่งห้ามอะไร ก็คอยจะฝ่าฝืนอยู่เรื่อยๆ
- แล้วมะลาอิกะฮฺทั้งสองจะถามต่อว่า อะไรคือศาสนาของท่าน ? เขาจะตอบว่า هَاهْ هَاهْ لَا أَدْرِي ฮะ...ฮะ อะไรนะ ฉันไม่รู้ ตอบไม่ได้อีก เพราะหลักปฏิบัติของศาสนาห้าประการก็ไม่ทำ หรือทำก็ไม่ครบถ้วน หลักอีมานหกประการก็ไม่ยึดมั่น หลักเอี๊ยะอฺซานก็ไม่ยึดมั่น มันก็จะตอบไม่ได้ ต่อให้ท่องจำอย่างขึ้นใจตอนอยู่บนโลกดุนยา แต่ถ้าไม่ลงมือปฏิบัติด้วย ก็ยากที่จะตอบคำถามได้
- แล้วมะลาอิกะฮฺทั้งสองจะถามอีกว่า ท่านเคยกล่าวอย่างไรเกี่ยวกับชายคนนี้ ผู้ที่ถูกแต่งตั้งมายังพวกท่าน ? มัยยิตที่เป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาจะตอบว่า هَاهْ هَاهْ لَا أَدْرِي ฮะ ฮะ ฉันไม่รู้ ในอัลหะดีษบางสำนวนก็มีรายงานบอกด้วยว่า ชื่อมุฮัมมัด ? (มีการบอกชื่อให้ด้วย) แต่มัยยิตผู้ปฏิเสธ เป็นมุนาฟิกก็ยังตอบว่า ฉันไม่รู้ ฉันไม่รู้จัก ฉันเคยได้ยินคนพูดกัน แต่ฉันไม่รู้จัก ตอบไม่ได้ เพราะไม่ได้ปฏิบัติตามแบบอย่างของท่านนบี ทำบิดอะฮฺเพิ่มเข้าไปอีก
- ตอบคำถามอะไรก็ไม่ได้ ...แล้วมัยยิตนั้นก็จะถูกตีด้วยค้อนที่ทำจากเหล็ก ถูกตีระหว่างหูทั้งสองของเขา แล้วเขาก็จะส่งเสียงกรีดร้องจนทุกสิ่งรอบตัวเขาจะได้ยินเสียงนั้น นอกจากษะเกาะลัยนฺ (คือญินและมนุษย์เท่านั้นที่ไม่ได้ยิน)
(สำนวนส่วนนี้อยู่ในบันทึกของอิมามอัลบุคอรีย์)
- (แล้วจะมีเสียงจากฟากฟ้าว่า) บ่าวของข้าคนนี้เป็นผู้ปฏิเสธจริง ดังนั้น พวกเจ้าจงปูทางเขาไปสู่นรก จงเปิดประตูนรกให้แก่เขา แล้วไฟแห่งความร้อนแรงก็มาถึงเขา ความร้อน ควันเหม็นก็กระจายออกมา กุบูรก็จะบีบเข้าหาเขา จนกระทั่งซี่โครงของเขาซ้อนประสานเข้าหากัน
- แล้วจะมีชายรูปร่างหน้าตาอัปลักษณ์น่ากลัว สวมใส่เสื้อผ้าที่น่ารังเกียจ มีกลิ่นเหม็น มาหาเขา แล้วกล่าวกับเขาว่า ฉันมาแจ้งข่าวร้ายแก่ท่าน ....นี่คือวันแห่งการลงโทษที่ท่านถูกสัญญาไว้
- มัยยิตผู้ปฏิเสธศรัทธาจะถามว่า ท่านคือใครกัน ? ใบหน้าของท่านน่าจะนำมาแต่ความเลวร้าย ชายคนนั้นก็ตอบว่า ฉันคือการงานที่ชั่วช้าของท่านที่ท่านทำไว้ในโลกดุนยาไงล่ะ...
- ขอสาบานด้วยอัลลอฮฺ ฉันไม่รู้สิ่งใดนอกจากว่า ท่านน่ะมักจะล่าช้าในการอิบาดะฮต่ออัลลอฮฺ แต่กลับรีบเร่งในการที่จะทำสิ่งที่ฝ่าฝืนอัลลอฮฺ ดังนั้น ขออัลลอฮฺทรงตอบแทนความชั่วร้ายแก่ท่าน
แล้วมะลาอิกะฮฺแห่งการลงโทษ ซึ่งหูหนวก ตาบอด เป็นใบ้ ก็จะนำค้อนใหญ่(ที่ทำจากเหล็ก)มา ซึ่งฆ้อนใหญ่นี้ ถ้าหากตีไปที่ภูเขา ภูเขาก็จะทลายลงกลายเป็นฝุ่นธุลี ดังนั้น เมื่อมัยยิตนี้ถูกตี ก็จะแหลกเป็นผุยผง แล้วอัลลอฮฺก็ทรงให้ร่างของเขากลับมารวมตัวอีกครั้งหนึ่ง แล้วมัยยิตนี้ก็จะถูกตีอีก เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เขาได้แผดเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด ทุกสิ่งได้ยินเสียงของเขา นอกจากญินและมนุษย์เท่านั้นที่ไม่ได้ยิน
แล้วประตูนรกก็ถูกเปิดแก่เขา ที่นอนจากนรกก็ถูกปูให้แก่เขา
เขาได้กล่าวว่า โอ้พระเจ้าของฉัน โปรดอย่าให้วันกิยามะฮฺเกิดขึ้นเลย
(สำนวนส่วนนี้อยู่ในบันทึกของอิมามอะบูดาวูด อิมามอะหฺมัด)
ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลายครับ นี่คือความจริงที่เกิดขึ้นแล้วในขณะนี้สำหรับผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว การลงโทษในกุบูรสำหรับผู้ปฏิเสธ ผู้ที่ฝ่าฝืนเกิดขึ้นแล้ว การถูกทรมานทั้งร่างกายและวิญญาณในกุบูรของบรรดาผู้ปฏิเสธ ผู้ฝ่าฝืน คนที่เป็นมุนาฟิกเกิดขึ้นแล้ว ....สำหรับผู้ศรัทธาและประกอบอะมัลศอลิหฺ ทำอิบาดะฮฺอยู่อย่างสม่ำเสมอนั้น ความผาสุก ความสุขสบายก็เกิดขึ้นแล้วเช่นกัน เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นแล้วสำหรับผู้เสียชีวิตไปแล้ว
และเมื่อไรก็ตามที่เราเสียชีวิตลง เราก็ต้องประสบเช่นกัน เป็นเรื่องที่เราต้องเชื่อ ต้องศรัทธาว่าเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่เรื่องนิทาน ไม่ใช่เรื่องนิยาย เป็นเรื่องที่พ้นวิญญาณวิสัยของเราที่จะมองเห็นในเรื่องนี้ เราไม่สามารถหยั่งรู้ถึงวิธีการและรายละเอียดทั้งหมดว่าเป็นอย่างไร ? เพราะสติปัญญาของเราไปไม่ถึง ทั้งหมดนั้นอยู่ภายใต้พระประสงค์ของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา หน้าที่ของเราคือ ศรัทธาในสิ่งเร้นลับ ยอมรับสิ่งที่ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมนำมาตักเตือนประชาชาติของท่าน โดยไม่มีความเคลือบแคลงสงสัยใดๆทั้งสิ้น ไม่ใช่ความงมงาย เพราะมีหลักฐานทั้งจากอัลกุรอาน และอัลหะดีษในระดับมุตะวาติรได้ระบุไว้
เป็นความรู้ในเรื่องเร้นลับเพียงบางส่วนที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงบอกให้เราทราบ และท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมนำมาตักเตือนแก่เรา เพื่อให้เราได้เตรียมตัวของเราเสียตั้งแต่ในโลกดุนยานี้ เพื่อให้เราได้เลือกว่าเราจะเลือกดำเนินชีวิตในโลกดุนยาอย่างไร ? จะเลือกแบบไหน ? อยู่ที่เราจะตัดสินใจ อย่าลืมตระหนักว่า ทุกๆสิ่งที่เราประพฤติปฏิบัติบนโลกดุนยานี้ ก็หมายถึงผลตอบแทนที่เราจะได้รับตลอดกาลในโลกอาคิเราะฮฺ
ก่อนจบคุฏบะฮฺในวันนี้ ขอให้เราได้ตระหนักว่า การลงโทษในกุบูรเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสสากรรจ์มาก ขนาดว่า อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงให้มะลาอิกะฮฺแห่งการลงโทษต้องหูหนวก ต้องตาบอด ต้องเป็นใบ้ ก็เพื่อไม่ให้มะลาอิกะฮฺท่านนั้น เกิดความสงสาร เกิดความเห็นใจ ในสิ่งที่มัยยิตต้องโดนลงโทษอย่างนั้น จนไม่อยากจะทำหน้าที่นี้นะครับ
ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมจึงได้มีความเป็นห่วงประชาชาติของท่านเป็นอย่างมาก กลัวว่าจะได้รับการลงโทษอย่างหนัก ท่านนบีจึงได้สอนเราให้ป้องกันตัวเองจากการถูกฟิตนะฮฺในกุบูร หนึ่งในวิธีการนั้นคือให้เราอ่านดุอาอ์ทุกครั้งก่อนให้สลามในทุกๆเวลาละหมด เพื่อให้อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงคุ้มครองเราให้พ้นจากการลงโทษในกุบูร เป็นดุอาอ์ที่มีบันทึกโดยอิมามมุสลิม รายงานจากท่านอบี ฮุรอยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุเล่าว่า
ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า :
เมื่อคนหนึ่งในพวกท่าน เสร็จจากการตะชะฮฺฮุดครั้งหลังแล้ว ให้เขาขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ ให้พ้นจากสี่อย่าง โดยกล่าวว่า :
«اللَّهُـمَّ إنِّي أَعُوذُ بِكَ مِنْ عَذَابِ جَهَنَّمَ، وَمِنْ عَذَابِ القَبْرِ، وَمِنْ فِتْنَةِ المَـحْيَا وَالمَـمَاتِ، وَمِنْ شَرِّ فِتْنَةِ المَسِيحِ الدَّجَّالِ»
“โอ้ พระเจ้าของข้าพระองค์ แท้จริงข้าพระองค์ขอความคุ้มครองต่อพระองค์
- ให้พ้นจากการทรมานในนรกญะฮันนัม
- ให้พ้นจากการทรมานในกุบูร
- ให้พ้นจากการทดสอบของชีวิตและความตาย และ
- ให้พ้นจากความชั่วร้ายที่เป็นบททดสอบของดัจญาล”
สุดท้ายนี้ ขออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงเมตตาเรา ทรงฮิดายะฮฺแก่เรา ให้เราได้เลือกการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง ให้เราเป็นผู้ที่อีมานอย่างดี อย่างเหนียวแน่นมั่นคง พร้อมทั้งลงมือปฏิบัติในสิ่งที่เป็นคำสั่งใช้ ออกห่างจากสิ่งที่เป็นคำสั่งห้าม ขอให้เราเป็นผู้ที่ขออิสติฆฟาร ขอเตาบะฮฺตัว กลับเนื้อกลับตัว ปรับปรุงตัวของเราให้ยึดมั่นในบทบัญญัติของศาสนาอยู่เสมอ และให้เราเสียชีวิตในสภาพที่นอบน้อมยอมจำนนต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาโดยสิ้นเชิง
คุฏบะฮฺวันศุกร์ มัสยิด ดารุ้ลอิห์ซาน