สาเหตุที่แท้จริงที่ อเมริกา ต้องครอบครองประเทศอิรัก อิหร่าน ซีเรีย และซาอุดิอารเบีย
ใกล้วันกิยามะฮ์ขึ้นทุกวันแล้วพี่น้อง หากเป็นแบบนั้นจริง...ก็เป็นไปดั่งท่านนบีได้บอกเอาไว้
สงครามรัสเซีย และอเมริกา ในการถล่มไอซิสที่ซีเรีย อาจเป็นสาเหตุนี้
สาเหตุที่แท้จริงที่ อเมริกา ต้องครอบครองประเทศอิรัก อิหร่าน ซีเรีย และซาอุดิอารเบีย
มีหะดีษมากมายที่ระบุเกี่ยวกับการมีจริงของภูเขาทองคำในเขตลุ่มน้ำยูเฟรติส และต่อไปนี้เป็นส่วนหนึ่งของบรรดาหะดีษต่างๆเหล่านั้น
1. อบูฮุร็อยเราะฮฺเล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลออุอะลัยฮิวะสัลลัมกล่าวความว่า “วันกิยามะฮฺจะไม่เกิดขึ้นจนกว่าแม่น้ำยูเฟรติสจะเปิดเผยภูเขาที่มีทองคำออก มา มนุษยชาติจะสู้รบกันเพื่อที่จะได้ครอบครองมัน โดยที่ในจำนวน 100 คนจะถูกฆ่าตายเสีย 99 คน (และจะรอดชีวิตเพียงคนเดียว) และทุกๆคนในหมู่พวกเขาต่างกล่าวว่า “หวังว่าผู้ที่รอดชีวิตคนนั้นจะเป็นฉัน” (หะดีษมุตตะฟักอะลัยฮฺ)
2. ในอีกรายงานหนึ่งระบุว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมกล่าวความว่า “แม่น้ำยูเฟรติสใกล้ถึงเวลาที่จะเปิดเผยขุมทรัพย์ที่เป็นทองคำออกมาแล้ว ดังนั้นผู้ใดที่เดินทางไปหามันจะไม่ได้ครอบครองมันเลยแม้แต่นิดเดียว (เพราะทุกคนจะถูกฆ่าตายจนหมดสิ้น)” (หะดีษมุตตะฟักอะลัยฮฺ, อบูดาวูด และอัตติรมิวีย์)
3. อุบัยย์ บิน กะอับ กล่าวว่า “บรรดาผู้นำ หรือผู้มีอำนาจแห่งประชาชาติจะยังคง (หมกมุ่นอยู่กับการ) แสวงหาทางโลก อย่างไม่มีสิ้นสุด)” ฉัน (ผู้รายงานหะดีษจากอุบัยย์) กล่าวว่า
“ใช่แล้ว” อุบัยย์จึงตอบว่า “แท้จริงฉันได้ยินท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวความว่า “แม่น้ำยูเฟรติสใกล้ถึงเวลาที่จะเปิดเผยขุมทรัพย์ที่เป็นทองคำออกมาแล้ว ดังนั้นเมื่อผู้คนได้ยินเกี่ยวกับมัน ทุกคนต่างจะเดินทางไปหามัน แล้วกล่าวกับตัวเองว่า “ถ้าหากเราปล่อยให้ผู้คนหยิบฉวยมันไป ย่อมจะไม่มีเหลือให้กับเราแน่” ท่านกล่าวต่อไปว่า “แล้วพวกเขาก็จะสู้รบกันเพื่อหวังที่จะครอบครองมัน จนกระทั่งคนจำนวน 100 คนจะถูกฆ่าตายถึง 99 คน (จะเหลือเพียงคนเดียวเท่านั้นที่รอดชีวิต)” (บันทึกโดยมุสลิม)
4. อบูฮุร็อยเราะฮฺเล่าว่า ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมกล่าวความว่า “โลกจะยังไม่สูญสลายจนกว่าแม่น้ำยูเฟรติสของพวกเจ้าจะเปิดเผยเกาะที่เป็น ทองคำออกมา แล้วพวกเขาก็จะสู้รบกันเพื่อหวังที่จะครอบครองมัน จนกระทั่งคนจำนวน 100 คนจะถูกฆ่าตายถึง 99 คน” (บันทึกโดยหันบัล บิน อิสหาก ในหนังสืออัลฟิตันด้วยสายรายงานที่เศาะหีหฺ)
5. มีรายงานเพิ่มเติมในมุสนัดอิมามอะหมัดว่า “ทุกคนเห็นว่าตัวเอง คือผู้ที่รอดชีวิตคนนั้น)
6. ในบางรายงานระบุว่า “วันสิ้นโลกจะไม่เกิดขึ้นนอกจากกลางวันของวันนั้น”
7. และในอีกรายงานหนึ่งระบุว่า “เมื่อพวกเจ้าทันกับเหตุการณ์ดังกล่าว พวกเจ้าจงอย่าเข้าใกล้มัน” (อัลฟิตัน ของนุอีม บิน หัมมาด)
ความเป็นมาของแม่น้ำยูเฟรติสยู เฟรติส (Euphrates) เพี้ยนมาจากสำเนียงอาหรับว่า อัลฟุรอต (Al-Furaat) มีความหมายว่า “จืดสนิทหรือน้ำบริสุทธิ์ที่มีรสชาติหอมหวานและไม่กร่อย” ดังคำตรัสของอัลลอฮฺที่ว่า
هَذَا عَذْبٌ فُرَاتٌ سَائِغٌ شَرَابُهُ (فاطر : 12
“อันนี้อร่อยน่าดื่มและจืดสนิท สามารถดื่มอย่างง่ายดาย”
เชื่อ กันว่าต้นกำเนิดของแม่น้ำยูเฟรติส (Euphrates) ซึ่งมีความยาวประมาณ ๒๘๐๐ กิโลเมตร เกิดจากภูเขาอาร์เมเนีย (ปัจจุบันอยู่ในรัฐอาร์เมเนียประเทศรัสเซีย) เช่นเดียวกับต้นกำเนิดของแม่น้ำไทกริส (Tigris) หรือดิจญ์ละฮฺ ซึ่งมีความยาว ๒๐๐๐ กิโลเมตร ตอนต้นน้ำแม่น้ำทั้งสองแยกกัน แม่น้ำยูเฟรติสจะไหลอ้อมผ่านไปทางประเทศซีเรียและทางตะวันตกของอิรัก ส่วนแม่น้ำไทกริส จะไหลอ้อมไปทางเปอร์เซีย (ประเทศอิหร่าน) จากนั้นจึงไหลขนานกันไปออกสู่ทะเลอินเดียหรืออ่าวเปอร์เซียปัจจุบัน ตอนที่จะออกอ่าวเปอร์เซีย แม่น้ำทั้งสองจะไหลโค้งและโอบเข้าหากันจนเกือบบรรจบ ระหว่างแม่น้ำทั้งสองนี้มีที่ราบกว้างใหญ่ เนื้อที่ประมาณ ๒๗,๐๐๐๐ กิโลเมตร คือบริเวณที่มีชื่อเรียกว่า เมโสโปเตเมีย (Mesopotamia) ซึ่งแปลว่า ดินแดนระหว่างแม่น้ำทั้งสอง หรือเป็นที่รู้จักในภาษาอาหรับว่า “บิลาด อัรรอฟิดัยน์” (ดินแดง/เมืองแห่งสองลำน้ำ) ซึ่งปัจจุบันเป็นพื้นที่ครอบคลุมประเทศอิรัก อิหร่าน ซีเรีย และซาอุดิอารเบีย โดยมีเมืองแบกแดดเป็นศูนย์กลาง ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดอารยธรรมเก่าแก่นับสิบอารยธรรม
นับ ได้ว่า ลำน้ำยูเฟรติส นี้เป็นปลักโคลนแห่งความตึงเครียดและขัดแย้งด้านการ เมืองระหว่างสามประเทศในเขตดังกล่าว และได้เพิ่มความตึงเครียดอย่างแรง หลังจากที่ตุรกีสร้างเขื่อนที่แข็งแกร่งสกัดกั้นทางน้ำที่ไหลผ่านไปยัง ประเทศซีเรียและอิรัก จนทำให้น้ำที่เคยไหลผ่านไปยังประเทศทั้งสองลดน้อยลงเป็นอย่างมาก โครงการต่างๆของตุรกีบนลำน้ำยูเฟรติสแห่งนี้กลายเป็นแหล่งที่มาแห่งความวิตก กังวลของซีเรีย ซึ่งได้พึ่งพาน้ำจากลำน้ำแห่งนี้อย่างมากมายสำหรับการเพาะปลูกและสร้างกระแส ไฟฟ้า
การปรากฏตัวของภูเขาทองคำ
อิ มามอันนะวะวีย์ได้กล่าวอธิบายถึงความหมายของการเปิดเผยหรือการปรากฏตัวของ ภูเขาทองคำแห่งลำน้ำยูเฟรติสว่า “คือการโผล่ขึ้นมาของมันด้วยการเหือดหายไปของน้ำ ซึ่งบางทีอาจเกิดขึ้นเพราะการเปลี่ยนแปลงของเส้นทางเดินน้ำ เพราะขุมทรัพย์หรือภูเขาทองดังกล่าวถูกกลบและปกคลุมด้วย (การทับถมของ) ดิน ดังนั้น เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเส้นทางเดินน้ำด้วยสาเหตุใดสาเหตุหนึ่ง และได้ไหลผ่านไปทางภูเขานั้น (น้ำก็จะชะล้างดินที่ปกคลุมมันออก แล้ว) มันก็จะเปิดเผยออกมา”
ทัศนะของอิมามอันนะวะวีย์นี้ นับว่าแหลมคมมาก เพราะจากสภาพการปัจจุบัน ทั้งซีเรียและตุรกีต่างแข่งขันกันสร้างทำนบและเขื่อนกักเก็บน้ำเป็นจำนวนมาก บนลำน้ำยูเฟรติส ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญยิ่งที่นำไปสู่การเหือดแห้งของน้ำในเส้นทางเดิมภายใน เวลาไม่กี่ปีให้หลัง วัลลอฮุอะอฺลัม
ระหว่างขุมทรัพย์และภูเขาทองคำ
อิบ นุหะญัรได้กล่าวอธิบายในหนังสือฟัตหุบารีย์ ถึงความหมายและความแตกต่างระหว่างสองสำนวนหะดีษที่สำนวนหนึ่งระบุว่าเป็น “ขุมทรัพย์” และอีกสำนวนหนึ่งระบุว่าเป็น “ภูเขาทองคำ” ว่า “เหตุที่เรียกว่า “ขุมทรัพย์” เนื่องเพราะมันยังไม่ปรากฏออกมาให้เห็น และเหตุที่เรียกว่า “ภูเขาทองคำ” (เป็นการเปรียบเปรย) ถึงความมากมายมหาศาลของทองคำ”
วัลลอฮุอะอฺลัม
สงครามเพื่อแย่งชิงขุมทรัพย์ เมื่อไหร่ กับใคร?
อบู ฮุร็อยเราะฮฺเล่าว่า ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมกล่าวความว่า “กลียุค (ฟิตนะฮฺอันเป็นสัญญาณหนึ่งของวันกิยามะฮฺ) ครั้งที่สี่จะดำเนินไปอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 12 ปี แล้วมันก็จะปรากฏ แท้จริงแม่น้ำยูเฟรติสจะเผยภูเขาทองคำออกมา ผู้คนต่างจะหมกมุ่นอยู่กับมัน และจะมีการฆ่ากันตายที่นั่นทุกๆเก้าคนจะตายเจ็ดคน” (มุสนัดอะหมัด)
เษา บานเล่าว่า ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมกล่าวความว่า “จะมีการต่อสู้กัน ณ ขุมทรัพย์ของพวกเจ้าแห่งนี้สามคน ทุกคนล้วนเป็นบุตรหลานของเคาะลีฟะฮฺ...” (อิบนุมาญะฮฺ)
เพื่อ ที่เราจะได้กำหนดเวลาที่ภูเขาทองคำจะปรากฏออกมาได้อย่างถูกต้อง เราจำเป็นต้องเชื่อมโยงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น และก่อนอื่นใด เราควรทราบก่อนว่า กลียุคหรือฟิตนะฮฺครั้งที่สี่ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 12 ปี นั้นหมายถึงฟิตนะฮฺใด เพื่อที่เราจะได้ทราบว่า ณ วันนี้ ยังเหลือเวลาอีกเท่าไหร่ที่แม่น้ำยูเฟรติสจะคายหรือเปิดเผยภูเขาทองคำออกมา
คำ ว่า กลียุคครั้งที่สี่ ตามทัศนะของอุละมาอฺหมายถึง สงครามอ่าวเปอร์เชียและการปิดล้อมอิรัก หมายความว่า สงครามอ่าวเปอร์เชียและการปิดล้อมอิรักจะกินเวลาทั้งหมด 12 ปี หลังจากนั้นภูเขาทองคำก็จะปรากฏตัวออกมา หลังจากนั้นก็จะมีสงครามแย่งชิงกันระหว่างสามประเทศในโลกอาหรับ (ผู้รู้บางท่านระบุว่าเป็นสงครามสามฝ่ายระหว่างซีเรีย อิรัก และจอร์แดน) ซึ่งจะมีการเสียชีวิตเป็นจำนวนถึง 9 ใน 10 ของจำนวนประชาชน วัลลอฮุอะอฺลัม
ข้อมูลบางอย่างที่น่าคิด
1. บุช เคยกล่าวเมื่อครั้งที่กองกำลังอเมริกันบุกคูเวตเพื่อปลดปล่อยจากการยึดครอง ของอิรักว่า “หากแม้นว่าคูเวตเป็นประเทศที่ผลิตแคร้อท เราย่อมไม่เดินมาอย่างแน่นอน แต่เป็นเพราะคูเวตมี...”
2. โทมาส เฟร็ดแมน กล่าวในบทความตอนหนึ่งว่า “น้ำมันคือสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มีการเตรียมการเพื่อทำสงครามกับอิรัก และหากมีใครสักคนพยายามจะโน้มน้าวเราให้สละออกจากสิ่งนั้น แสดงว่าเขาไม่เคารพในแนวคิดของเราอย่างแน่นอน”
3. ก่อนจะมีการบุกอิรักได้มีความขัดแย้งภายในสภาบริหารของอเมริกันระหว่าง สองกระทรวงหลัก กระทรวง กลาโหมกับกระทรวงการต่างประเทศ เกี่ยวกับผู้ที่จะทำหน้าที่ควบคุมคลังน้ำมันของอิรักหลังจากที่สงครามได้ สิ้นสุดลงแล้ว โดยที่แพนทากอนเห็นว่า อเมริกาจำเป็นต้องควบคุมบ่อน้ำมันเองทั้งหมด”
4. ตุรกีได้สร้างเขื่อนกั้นน้ำใหม่เมื่อปี 2002 จำนวน 15 เขื่อน 12 เขื่อนตั้งอยู่บนลำน้ำยูเฟรติส และอีก 3 เขื่อนตั้งอยู่บนลำน้ำไทกริส ซึ่งจะทำให้น้ำในแม่น้ำยูเฟรติสที่ไหลผ่านไปยังซีเรีย และอิรักเหือดแห้งลง
5. มีการกล่าวขานตามกระแสข่าวในอิรักว่าหินทองคำเริ่มปรากฏออกมาให้เห็นแล้ว ใกล้ๆกับลำน้ำยูเฟรติส และประชาชนชาวอิรักเริ่มแสวงหามันโดยผ่านตะแกรงร่อน
6. รัฐบาลอิรักกำลังเสาะหาหุ้นส่วนชาวต่างชาติเพื่อทำการสำรวจ
7. ที่สำคัญที่สุดคือ มีบทความระบุว่า สงครามที่ก่อโดยอเมริกันและอังกฤษต่อรัฐบาลอิรักนั้น เป็นผลมาจากภาพถ่ายผ่านดาวเทียมที่จับภาพลำน้ำยูเฟรติส และมีปรากฏแสงสะท้อนจาก (ภูเขา) ทองคำในก้นบึงของแม่น้ำ ดังนั้นจึงอาศัยช่องว่างทางการเมืองเพื่อเป็นข้ออ้างในการบุกเข้าครอบครอง อิรักภายใต้ร่มเงาแห่งสหประชาชาติ ด้วยข้ออ้างที่ว่า เพื่อปกป้องพลเรือนจากการถูกคุกคาม แต่เป้าหมายที่แท้จริงคือ เพื่อเข้าครอบครองทองคำและตักตวงความร่ำรวยอย่างไม่คณานับ ทั้งจากน้ำมันและอื่นๆ เช่นเดียวกับเหตุผลที่เข้าบุกอัฟกานิสถาน หลังที่มีการสำรวจพบแร่ทองคำตามหุบเขาต่างๆ
โดย Abu Asybal
อ้างจาก Yasin Anannab