ความประเสริฐ 10 วันแรกของเดือนซุลฮิจญะฮฺ


16,456 ผู้ชม

ซุลฮิจญะฮฺเป็นเดือนลำดับที่ 12 ตามปฏิทินอิสลาม เดือนนี้เป็นเทศกาลแห่งการทำอิบาดะฮฺทั้งฟัรดูและซุนนะฮฺ โดยเฉพาะช่วงสิบวันแรกที่รวมอิบาดะห์หลักไว้ในช่วงเวลาดังกล่าว อันประกอบไปด้วยละหมาด


ความประเสริฐ 10 วันแรกของเดือนซุลฮิจญะฮฺ

ซุลฮิจญะฮฺเป็นเดือนลำดับที่ 12 ตามปฏิทินอิสลาม เดือนนี้เป็นเทศกาลแห่งการทำอิบาดะฮฺทั้งฟัรดูและซุนนะฮฺ โดยเฉพาะช่วงสิบวันแรกที่รวมอิบาดะห์หลักไว้ในช่วงเวลาดังกล่าว อันประกอบไปด้วยละหมาด การถือศีลอด การทำทานและการประกอบพิธีฮัจญ์ ณ บัยตุลลอฮฺ ดังนั้นศาสนาส่งเสริมให้ทำอิบาดะฮฺให้มาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นการละหมาดซุนนะฮฺต่าง ๆ การถือศีลอด การบริจาคทาน หรือการกล่าวถ้อยคำระลึกถึงพระองค์อัลลอฮฺ และรวมถึงความประเสริฐของ วันอะรอฟะฮฺ วันนะหฺรุ วันตัชรีก

1. ความประเสริฐในช่วง 10 วันแรกของเดือนซุลฮิจญะฮฺ

รายงานจากท่านอับดุลลอฮฺอิบนิอับบาสว่า ท่านร่อซูลศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า

[مَا مِنْ أَيَّامٍ اْلعَمَلُ الصَّالِحُ فِيهِنَّ أَحَبُّ إِلَى اللهِ مِنْ هَذِهِ اْلأَيَّامِ اْلعَشْرِ ، فَقَالُوْا يَارَسُولَ اللهِ وَلاَ اْلجِهَادُ فِي سَبِيْلِ اللهِ ؟ ، فَقَالَ رَسُوْلُ اللهِ صلى الله عليه وسلم : وَلاَ اْلجِهَادُ فِي سَبِيْلِ اللهِ ، إِلاَّ رَجُلٌ خَرَجَ بِنَفْسِهِ وَمَالِهِ فَلَمْ يَرْجِعْ مِنْ ذَلِكَ بِشَيْءٍٍٍ]رواه البخاري وأبوداودوالترمذي وابن ماجه وأحمد


"ไม่มีการปฏิบัติการงานที่ดีในวันใดที่อัลลอฮฺทรงชอบมากกว่าการปฏิบัติในสิบวันแรกของเดือนซุลฮิจญะฮฺ" บรรดาซอฮาบะฮฺก็ได้ ถามว่า "แม้กระทั่งการญิฮาด(การทำสงครามต่อสู้)ในหนทางของอัลลอฮฺกระนั้นหรือ ?" ท่านร่อซูล กล่าวว่า "แน่นอน แม้กระทั่งการญิฮาดในหนทางของอัลลอฮฺ เว้นแต่ผู้ที่ออกญิฮาดด้วยตัวของเขาเอง และทรัพย์สินของเขา แล้วไม่กลับมาพร้อมกับทรัพย์สินดังกล่าว (เพราะเสียชีวิตในสงครามและทรัพย์สินถูกศัตรูยึดไป)" (บันทึกโดยบุคอรียฺ ติรมีซียฺ อบูดาวุด อะหมัด อิบนุมาญะฮฺ )

เชคมุฮัมหมัด ซอและห์ อัลอุษัยมีน กล่าวว่า "การงานที่ดีนั้นประมวลไปด้วยการละหมาด ทำทาน ถือศิลอด ซิกรุ้ลลอฮฺ ตักบีร อ่านอัลกุรอ่าน ทำดีต่อบิดามารดา เชื่อมสัมพันธ์กับเครือญาติ ทำดีกับมนุษย์ ทำดีต่อเพื่อนบ้าน และความดีทุกอย่าง นอกเหนือจากดังกล่าว"(มูฮัมหมัด ซอและฮฺ อัลอุษัยมีน ในชัรหุริยาฎุซซอลิฮีน 267/3)

2. กล่าวซิกรุลลอฮฺให้มาก ๆ ในช่วง 10 วัน แรก


อัลลอฮฺกล่าวว่าว่า وَيَذْكُرُوا اسْمَ اللَّهِ فِي أَيَّامٍ مَعْلُومَاتٍ عَلَى مَا رَزَقَهُمْ مِنْ بَهِيمَةِ الْأَنْعَامِ 

“...และกล่าวพระนามอัลลอฮฺในบรรดาวันที่รู้กันอยู่แล้ว ตามที่พระองค์ทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่พวก เขาจากสัตว์สี่เท้า...” (อัลหัจญฺ : 28)

ท่านอิบนิอับบาส กล่าวว่า คำว่า “บรรดาวันที่รู้กันอยู่แล้ว” คือ 10 วันแรกของเดือนซุลฮิจญะฮฺ (อิบนุกะซีร ในตัฟซีรอัลกุร อ่านนุลอะซีม ซูเราะฮฺอัลหัจญฺ อายะฮฺที่ 28)

ท่านอับดุลลอฮฺอิบนุอุมัร ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุเล่าว่า ท่านร่อซูลศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

[مَا مِنْ أَيَّامٍ أَعْظَمُ عِنْدَ اللَّهِ وَلَا أَحَبُّ إِلَيْهِ مِنْ الْعَمَلِ فِيهِنَّ مِنْ هَذِهِ الْأَيَّامِ الْعَشْرِ فَأَكْثِرُوا فِيهِنَّ مِنْ التَّهْلِيلِ وَالتَّكْبِيرِ وَالتَّحْمِيدِ]

"ไม่มีวันใดอีกแล้วที่การ ทำความดีจะมีคุณค่าความยิ่งใหญ่และเป็นที่โปรดปรานมากที่สุด ณ ที่อัลลอฮฺ มากไปกว่า การทำความดี ในช่วงสิบวันแรก ของเดือนซุลฮิจญะฮฺ ดังนั้นพวกท่านจงพยายามกล่าว ตะฮลีล ตักบีร และตะหฺมีด ให้มากๆ เถิด"(บันทึกโดยอะหมัด )

3. อัลลอฮฺทรงสาบานด้วยกับช่วงเวลา 10 วันนี้

เมื่ออัลลอฮฺทรงสาบานด้วยกับสิ่งใดสิ่งนั้นต้องเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก และในช่วง 10 วันแรกของเดือนซุลฮิจญะฮฺเป็นช่วงเวลาที่อัลลอฮฺทรงสาบานว่า 

وَالْفَجْرِ (1) وَلَيَالٍ عَشْرٍ (2) 

“ข้าสาบานด้วยยามรุ่งอรุณ (1) และด้วยค่ำคืนทั้งสิบ (2) ” (อัลฟัญรฺ : 1-2)

“และด้วยค่ำคืนทั้งสิบ” คือ 10 วันของเดือนซุลฮิจญะฮฺ เป็นคำอธิบายของอิบนุอับบาส อิบนุ ซุบัยรฺ มุญาฮิด และคำกล่าวอีกหลาย ๆ ท่านจากชาวสะลัฟ

4. วันอะรอฟะฮฺ

วันอะรอฟะฮฺคือวันที่ 9 ของเดือนซุลหิจญะฮฺ ซึ่งเป็นวันที่บรรดาผู้ที่ประกอบพิธีฮัจญ์ไปรวมตัวกันที่ทุ่งอะรอฟะฮฺ เป็นวันที่มีความสำคัญที่สุดสำหรับผู้ที่ประกอบพิธีฮัจญ์ และยังเป็นวันที่ประเสริฐที่สุดของปี และในวันนี้ มีความประเสริฐ อันมากมาย ได้แก่

4.1 พระองค์อัลลอฮฺทรงทำให้ศาสนาอิสลามสมบูรณ์

จากฎอริก อิบนฺชิฮาบว่า

أَنَّ أُنَاسًا مِنْ الْيَهُودِ قَالُوا لَوْ نَزَلَتْ هَذِهِ الْآيَةُ فِينَا لَاتَّخَذْنَا ذَلِكَ الْيَوْمَ عِيدًا فَقَالَ عُمَرُ : أَيَّةُ آيَةٍ فَقَالُوا : الْيَوْمَ أَكْمَلْتُ لَكُمْ دِينَكُمْ وَأَتْمَمْتُ عَلَيْكُمْ نِعْمَتِي وَرَضِيتُ لَكُمْ الْإِسْلَامَ دِينًا فَقَالَ عُمَرُ : إِنِّي لَأَعْلَمُ أَيَّ مَكَانٍ أُنْزِلَتْ أُنْزِلَتْ وَرَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ وَاقِفٌ بِعَرَفَةَ

“ มีชาวยิวคนหนึ่งได้พูดว่า หากว่าอายะฮฺนี้ได้ถูกประทานลงมาแก่พวกเราชาวยิว เราย่อมยึดวันนั้น เป็นวันอีดของ เราอย่างแน่นอน ท่านอุมัรจึงถามขึ้นว่า อายะฮฺไหนหรือ ? ชาวยิวตอบว่า 

الْيَوْمَ أَكْمَلْتُ لَكُمْ دِينَكُمْ وَأَتْمَمْتُ عَلَيْكُمْ نِعْمَتِي وَرَضِيتُ لَكُمُ الْإِسْلَامَ دِينًا

" วันนี้ข้าได้ทำให้ศาสนาของพวกเจ้าสมบูรณ์แก่พวกเจ้าแล้ว และข้าได้ให้ความ กรุณาเมตตาของข้าครบถ้วนแก่พวกเจ้าแล้ว และข้าได้เลือกอิสลามให้เป็นศาสนาแก่พวกเจ้าแล้ว " (อัลมาอิดะฮฺ : 3)

ท่านอุมัร กล่าวตอบว่า "แท้จริงพวกเราทราบดีถึงสถานที่ที่อายะฮฺนี้ถูกประทานแก่ท่านนบี ศ็อลลัล ลอฮุอะลัยฮิวะ ซัลลัม ซึ่งขณะนั้นท่านกำลังยืนอยู่ที่ทุ่ง อะรอฟะฮฺ" (บันทึกโดยบุคอรี)

4.2 พระองค์อัลลอฮฺทรงปลดปล่อยบ่าวของพระองค์จากไฟนรกมากที่สุด

ท่านหญิงอาอิชะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮารายงานว่า ท่านร่อซูลศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

[مَا مِنْ يَوْمٍ أَكْثَرَ مِنْ أَنْ يُعْتِقَ اللَّهُ فِيهِ عَبْدًا مِنْ النَّارِ مِنْ يَوْمِ عَرَفَةَ]

"ไม่มีวันใดอีกแล้วที่อัลลอฮฺจะทรงปลดปล่อยปวงบ่าวออกจากไฟนรก มากไปกว่าวันอะรอฟะฮฺ " (บันทึกโดยมุสลิม )

4.3 เป็นวันอีดสำหรับผู้ที่ประกอบพิธีฮัจญ์ที่อยู่ ณ ทุ่งอะรอฟะฮฺ

ท่านอุกบะฮฺ บิน อามิร ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ รายงานว่า ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า

[يَوْمُ عَرَفَةَ وَيَوْمُ النَّحْرِ وَأَيَّامُ التَّشْرِيقِ عِيدُنَا أَهْلَ الْإِسْلَامِ وَهِيَ أَيَّامُ أَكْلٍ وَشُرْبٍ]

"วันอะรอฟะฮฺ วันเชือด และวันตัชรีก เป็นวันอีดของพวกเราชาวอิสลาม เป็นวันแห่งการกินและดื่ม" (บันทึกโดยอบูดาวุด ติรมีซียฺ นะซาอียฺ เชคอัลบานียฺ ระบุว่าหะดีษบทนี้เศาะเหี๊ยะหฺ )

4.4 การถือศิลอดในวันนั้นจะลบล้างบาปถึงสองปี

ท่านอบูกอตาดะฮฺอัลอันศอรีรายงานว่า ท่านร่อซูลศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมถูกถามเกี่ยวกับการถือศีลอดในวันอะรอฟะฮฺ ท่านรอซูลุลลอฮ์ตอบว่า 

[صِيَامُ يَوْمِ عَرَفَةَ أَحْتَسِبُ عَلَى اللهِ أَنْ يُكَفِّرَ السَّنَةَ الَّتِي قَبْلَهُ وَالسَّنَةَ الَّتِي بَعْدَهُ]

"การถือศีลอดในวันอะรอฟะฮฺ ฉันคาดหวังว่าอัลลอฮฺจะทรงลบล้างบาปของหนึ่งปีที่ผ่านมา และหนึ่งปีที่ จะมาถึง" (บันทึกโดยมุสลิม )

4.5 เป็นช่วงเวลาที่ดีของการขอดุอาอฺ 

ท่านอับดุลลอฮ บินอัมรฺ รายงานว่า ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

[خَيْرُ الدُّعَاءِ دُعَاءُ يَوْمِ عَرَفَةَ وَخَيْرُ مَا قُلْتُ أَنَا وَالنَّبِيُّونَ مِنْ قَبْلِي لَا إِلَهَ إِلَّا اللَّهُ وَحْدَهُ لَا شَرِيكَ لَهُ لَهُ الْمُلْكُ وَلَهُ الْحَمْدُ وَهُوَ عَلَى كُلِّ شَيْءٍ قَدِيرٌ]

"ดุอาอฺที่ดีคือการขอดุอาอฺในวันอะรอฟะฮฺ และประโยคที่ดีที่ฉันและบรรดานบีในยุคก่อนใช้กล่าวกล่าวคือ 

[ لَا إِلَهَ إِلَّا اللَّهُ وَحْدَهُ لَا شَرِيكَ لَهُ لَهُ الْمُلْكُ وَلَهُ الْحَمْدُ وَهُوَ عَلَى كُلِّ شَيْءٍ قَدِيرٌ ]

"ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอก จากอัลลอฮฺเพียงพระองค์เดียว ไม่มีการตั้งภาคีใดๆร่วมกับพระองค์ การปกครองเป็นของพระองค์ และมวลการสรรเสริญเป็นของพระองค์ และพระองค์ทรงสามารถเหนือทุกสิ่ง"
(บันทึกโดยติรมีซียฺ มาลิก เชคอัลบานียฺ ระบุว่าเป็นหะดีษฮะซัน)

5. วันนะหฺรุ

วันนะหฺรุ คือวันเชือด ตรงกับวันที่ 10 เดือนซุลฮิจญะฮฺ ส่วนใหญ่จะเรียกวันนี้ว่า"วันอีดิ้ลอัฏฮา" ซึ่งมีความประเสริฐดังนี้คือ

5.1 วันที่ดีวันหนึ่งในรอบปี 

ท่านอับดุลลอฮฺบินกุรฏฺรอฎิยัลลอฮุอันฮุ รายงานว่าท่านร่อซูลศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

أَعْظَمُ الْأَيَّامِ عِنْدَ اللَّهِ يَوْمُ النَّحْرِ 

"หนึ่งในวันต่างๆที่ยิ่งใหญ่ ณ อัลลอฮฺคือวันเชือด"  (บันทึกโดยอะหมัด อบูดาวุด )

5.2 วันนะหฺรุ คือวันอีดิ้ลอัฎฮา เป็นวันแห่งการกินและการดื่ม วันแห่งความสนุกสนานของประชาชาติอิสลาม ท่านร่อซูลศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า 

[ يَوْمُ عَرَفَةَ وَيَوْمُ النَّحْرِ وَأَيَّامُ التَّشْرِيْقِ عِيْدُنَا أَهْلَ الإِسْلاَمِ وَهِيَ أَيَّامُ أَكْلٍ وَشُرْبٍ]

"วันอะรอฟะฮฺ วันนะหฺรุและวันตัชรีก เป็นวันรื่นเริงของเราโอ้ชาวอิสลามมันคือวันแห่งการกิน และดื่ม "

6. วันตัชรีก

วันตัชรีก คือสามวันหลังจากวันอีดิ้ลอัฎฮา คือวันที่ 11-12-13 เดือนซุลฮิจญะฮฺ ส่วนสาเหตุที่เรียกว่าวันตัชรีก เพราะผู้ที่เชือดสัตว์อุฎฮิยะฮฺในวันอีดิ้ลอัฎฮาส่วนใหญ่จะนำเนื้อส่วนที่เหลือออกมาตากแดดให้แห้ง เพื่อเก็บรักษาไว้กินได้นานๆ

7. การทำอุฎฮียะฮฺ 

อุฎฮียะฮฺคือ สิ่งที่จะถูกเชือดจากบรรดาสัตว์ใหญ่ในช่วงวันอีดิลอัฎฮาเพื่อสร้างความใกล้ชิดต่ออัลลอฮฺ และเป็นพิธีกรรมหนึ่งของอิสลามที่ถูกกำหนดให้เป็นบัญญัติศาสนาโดยอัลกุรอ่าน ซุนนะฮฺของท่านรอซูลุลลอฮิซอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และมติของปวงปราชญ์อิสลามอัลลอฮฺได้กล่าวว่า

[ فَصَلِّ لِرَبِّكَ وَانْحَرْ ]الكوثر :2

"และเจ้าจงละหมาดเพื่อองค์อภิบาลของเจ้าและจงเชือดสัตว์พลี" อัลเกาซัร/2

ในซอเฮียะฮฺบุคอรีและมุสลิม จากท่านอนัสอิบนฺมาลิกรอฎิยัลลอฮุอันฮุกล่าวว่า

[ ضَحَّي النَّبِيُّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ بِكَبْشَيْنِ أَمْلَحَيْنِ ذَبَحَهُمَابِيَدِهِ وَسَمَّى وَكَبَّرَ وَضَعَ رِجْلَهُ عَلَى صَفَاحِهِمَا ]

"ท่านนบีซอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้ทำอุฎฮียะฮฺด้วยแกะสองตัวสีเทามีเขา ท่านเชือดแกะทั้งสองด้วยมือของท่านเอง พร้อมกล่าวนามของอัลลอฮฺ (บิสมิลลาฮฺ) และกล่าวตักบีรฺ (อัลลอฮุอักบัรฺ) โดยท่านรสูลวางเท้าบนสีข้างของแกะทั้งสอง”

เรียบเรียงโดย :  ดาวุด รอมาน

https://islamhouse.muslimthaipost.com/article/21915

อัพเดทล่าสุด