เป็นสิ่งน่ารังเกียจที่จะยุ่งเกี่ยวทางเพศในระหว่าง 3 คืนของ แต่ละเดือนคือคืนแรก คืนสุดท้าย และคืนที่15 กล่าวกันว่า
ความสัมพันธ์ทางเพศ มีบทบาทสำคัญยิ่งในชีวิตสมรส ถือเป็นหน้าที่ที่สามีและภรรยาจะต้องไม่ละเลยที่จะเรียนรู้ การหาความรู้ก่อนที่จะสมรส และในช่วงที่สมรสแล้ว หากว่าเราให้ความสำคัญกับเรื่องของเพศสัมพันธ์ทั้งเหตุและผลอย่างเพียงพอ ก็จะทำให้ชีวิตสมรสมีความสุข อันจะทำให้ความรักและชีวิตสมรสชองเรายืนยงตลอดไป
เวลาที่ต้องห้ามมีเพศสัมพันธ์ในอิสลาม
ผู้เขียนอิห์ยากล่าวว่า: เป็นสิ่งน่ารังเกียจที่จะยุ่งเกี่ยวทางเพศในระหว่าง 3 คืนของ แต่ละเดือนคือคืนแรก คืนสุดท้าย และคืนที่15 กล่าวกันว่า ชัยฏอนออกเร่ร่อนในค่ำคืนเหล่านี้ เรื่องนี้ได้บอกกล่าวไว้โดยฮัซรัตอะลี ฮัซรัตมุอาวิยฮ์ และฮัซรัตอบูหุร็อยเราะห์ (ร.ฎ.)
ผู้เขียนริฟาอะตุมุสลิมีน กล่าวเกี่ยวกับเรื่องข้างต้นว่า คืน วันพุธ และกลางคืนของทั้งสองวันอีด ควรจะหลีกเลี่ยงรวมทั้งคืนหลังจากที่บุคคลตั้งใจจะเดินทางในวันรุ่งขึ้น ก็ควรจะหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ การมีเพศสัมพันธ์ในคืนเหล่านี้อาจจะมีผลต่อลูก
รายงานในติบบุนนะบะวีย์ ว่ารอซูลุลลลอฮ์ (ศ็อลฯ) ได้แนะนำ ฮัซรัตอะลี (ร.ฎ.) ว่า "อย่าได้มีเพศสัมพันธ์ในคืนที่สิบห้าเนื่องจากชัยฏอน (ชะยาฎีน) ปรากฏขึ้นจำนวนมากในคืนนี้"
ในฟุตโน๊ตของชะมาอีลติรมีซี กล่าวว่า "หากมีการตั้งครรภ์ขึ้นในระหว่างเวลาละหมาด (โดยละเลยการทำละหมาด) ผลก็คือเด็กที่เกิดมาจะเป็นเด็กที่ไม่เชื่อฟัง"
- อ่าน การนอนเปลือยระหว่างสามีภรรยา ในอิสลามอนุญาตหรือไม่?
- อ่าน หลักการมีเพศสัมพันธ์ในศาสนาอิสลาม
- อ่าน มารยาทในการหลับนอน ระหว่าง สามีภรรยาในอิสลาม (ละเอียด)
การเตรียมตัวเตรียมใจ
สิ่งนี้ได้กล่าวมาแล้วในเรื่องการเตรียมตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อแนะนำของ อัลละมะฮ์อินุลเญาซี (รอฮมะฮุมุลลอฮ์) ซึ่งมีความสำคัญในเรื่องนี้ยิ่งกว่านั้นฮัซรัต อิบนุอับบาส (รอฎิยัลลอฮุอันฮุม) กล่าวว่า
"ข้าพเจ้ารักที่จะแต่งตัวให้งดงามเพื่อสตรี (ภรรยา) ของข้าพเจ้ามากเท่าที่ข้าพเจ้าหวังว่า เธอจะแต่งตัวของเธอให้งามสำหรับข้าพเจ้า" นี่แสดงให้เห็นการเตรียมตัวทางด้านจิตใจจากทั้ง สองฝ่าย
การเล้าโลมก่อนมีเพศสัมพันธ์
การเล้าโลมเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับความสุขและชีวิตแต่งงานที่ไม่ควรถูกละเลย เป็นเรื่อง สำคัญอย่างแท้จริงว่า สามีควรปลุกเร้าทางเพศแก่ภรรยาของเขาโดยผ่านการเล้าโลมก่อนที่จะหาความสำราญในการร่วมเพศความจริงแล้วเป็นความเห็นแก่ตัวและโหดร้าย ที่ผู้ชายสำเร็จความใคร่ทางเพศของเขาเหมือนสัตว์ โดยที่ผู้หญิงยังไม่มีอารมณ์แต่อย่างใด สิ่งนี้เป็นความไร้ศีลธรรมต่อผู้หญิงอย่างที่สุด และจะมีผลอันยุ่งยากตามมาสำหรับการเป็นสามีภรรยาและการแต่งงาน ดังนั้นสามีภรรยาจะต้องยุ่งยากสักหน่อย ในการสำรวจตรวจตราว่า ตรงไหนของร่างกายของคู่รัก ที่จะปลุกความปรารถนาและทำให้ความสำราญเพิ่มขึ้น บริเวณเหล่านี้เรียกว่า "จุดปลุกเร้าทางเพศ" จุดเหล่านี้แตกต่างกันไปในแต่ละคน แต่โดยทั่วไปแล้วจะมุ่งไปที่บริเวณส่วนบนของร่างกายและบริเวณที่อยู่ต่ำกว่าสะดือ หลังเข่าและที่ปาก ฯลฯ จุดเหล่านี้หากถูกลูบไล้อย่างอ่อนโยนจะก่อให้เกิดความปรารถนาทางเพศขึ้นและจุดอารมณ์ขึ้นมาแม้แต่ในเรื่องนี้เราจะพบคำสอนอันงดงามของรอซูลุลลอฮ์ (ศ็อลฯ) อันเป็นทางนำให้แก่เรา
ด้วยพฤติกรรมอันลึกซึ้งท่านได้ประทับความคิดลงบนสาวก (ร.ฎ.) ของท่านถึงความสำคัญและความจำเป็นในการเล้าโลมก่อนร่วมเพศกับภรรยา ตัวอย่างเช่น
มีรายงานจากหลายหะดีษว่าครั้งหนึ่ง รอซูลุลลอฮ์ (ศ็อลฯ) มารู้ว่าฮัซรัตญาบิร (ร.ฎ.) ได้แต่งงานกับแม่ม่าย ท่านกล่าวว่า "ทำไมท่านจึงไม่แต่งงานกับหญิงสาวบริสุทธิ์ซึ่งท่านจะหาความสำราญกับเธอก็จะหาความสำราญกับท่าน?" บุคอรี มุสลิม
นี่เป็นการบ่งบอกอย่างลึกซึ้งถึงการเล้าโลม และเป็นการแสดงความรักระหว่างคู่ชายหญิงยิ่งกว่านั้นความสำคัญของการแสดงออกทางความรักและความรู้สึกต่อกันนั้นสามารถเรียนรู้ได้จากหลายหะดีษของท่านรอซูลุลลอฮ์ (ศ็อลฯ) จนมีผลกระทั่งว่าเมื่อสามีหรือภรรยาจ้องมองกันด้วยความรักและความผูกพันธ์อัลลอฮ์ (สุบห์ฯ) จะจ้องมองพวกเขาด้วยความเมตตากรุณา เมื่อสามีและภรรยาจับมือกันและกันด้วยความรักและความผูกพันธ์ อัลลอฮ์จะยกโทษในบาปของพวกเขาให้ในระหว่างที่ภรรยามีน้ำนมไหลออกมา แต่เกิดมามีเพศสัมพันธ์กับสามีสามีควรระมัดระวังไม่ให้น้ำนมไหลเข้าคอในระหว่างหาความสำราญเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ สำหรับสามีที่จะดื่มนมภรรยาของเขาด้วยความไม่รู้ถ้าบุคคลใดไปละเมิดกฎเกณฑ์ของชะรีอะฮ์เข้า วิธีเดียวที่จะตอบแทนความผิดก็คือการสารภาพโทษ (เตาบะฮ์) อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ไม่ได้มีผลต่อข้อผูกมัดทางการนิกะฮ์ อย่างที่หลายคนมีความเข้าใจผิดแต่อย่างใด
อ่านดุอาอฺ
เพื่อป้องกันจากชัยฎอนและอันตรายอื่นๆ จำเป็นที่จะต้องอ่านดุอาอ (การขอพร) มัสนูน ในเวลามีเพศสัมพันธ์ ในหนทางเช่นนี้สามีภรรยาและลูกจะได้รับการปกป้องจากอันตรายที่มีอยู่มากมาย ดุอาอฺที่ดีตามลำดับในโอกาสนี้มีดังต่อไปนี้ (อ่านเพิ่มเติม: ดุอาอฺเมื่อมีเพศสัมพันธ์กับภรรยา)
1. ในเวลาที่เริ่มต้นมีเพศสัมพันธ์ให้อ่าน :
ด้วยพระนามของอัลลอฮ์ ข้าแต่อัลลอฮ์โปรดทรงให้ชัยฏอน (มารร้าย) ห่างไกลจากเรา และโปรดให้ชัยฏอนห่างไกลจาก สิ่งที่พระองค์ให้เป็นริสกีย์แก่เราด้วย
2. ในเวลาหลั่งน้ำอสุจิออกมาให้อ่านว่า:
ข้าแต่อัลลอฮ์ อย่าปล่อยให้ชัยฏอนมีส่วนในสิ่งที่พระองค์ประทานให้เรา
***ข้อควรจำ
1. ในเวลาที่หลั่งน้ำอสุจิออกมาควรอ่านดุอาอฺในใจเท่านั้น ไม่ต้องอ่านทางปาก
2. ทั้งสามีและภรรยาควรอ่านดุอาอฺมีรายงานว่าหากบุคคลใดไม่อ่านดุอาอฺเหล่านี้ชัยฏอนจะเข้าร่วมกับเขาในการมีเพศสัมพันธ์นั้น และจะหาความสำราญจากภรรยาของเขาด้วยการไม่อ่านดุอาอฺยังเป็นสาเหตุให้ลูกๆ ดื้อดึงไม่เชื่อฟังอย่างที่ได้เห็นในสมัยของเรา ชาฮ์อับดุลอักเดฮ์ลาวี (รอฮิมะฮุมุลลอฮ์) ได้กล่าวในเรื่องนี้ไว้ว่า "หากว่าไม่มีการอ่านอ้อนวอนขอในเวลามีเพศสัมพันธ์ โดยมีแต่แรงกระตุ้นทางเพศของเขาเหมือนอย่างสัตว์อย่างเดียวแล้ว ลูกที่เกิดมาจากการรวมตัวกันนี้จะไม่ปลอดภัยจากอิทธิพลอันเลวร้ายของชัยฏอน นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ว่าศีลธรรมของคนรุ่นเราไม่ดี" ริฟาอะตุลมุสลีมีนอีกจุดหนึ่งที่สำคัญก็คือการทำซิกร์ (รำลึกถึงอัลลอฮ์) อิสลามนั้นไม่เหมือนกับศาสนาอื่นๆอิสลามถือว่า กิจการทางโลก เป็นการกระทำที่เป็นการภักดี (อิบาดะฮ์) และเป็นการเชื่อฟัง (ฏออัต) หากกระทำตามกฎเกณฑ์ชะรีอะฮ์ และด้วยความตั้งใจที่ถูกต้องและด้วยการรำลึก (ซิกร์) ถึงอัลลอฮ์
ดังนั้น การกระทำที่โดยทั่งไปในศาสนาอื่นคิดว่าเป็นการกระทำที่ไม่ได้รับการยอมรับกลับเป็นการกระทำการภักดีที่มีเกียรติยศและเป็นการเชื่อฟังเป็น เป็นการกระทำที่ได้รับรางวัล
ในอิสลาม
ดุอาอฺเหล่านี้เป็นการพัฒนาความมีสติสำนึกต่ออัลลอฮ์และความมีใจกุศลในมุสลิม เป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งว่าสามีภรรยาจะต้องเรียนรู้จดจำ และอ่านดุอาอฺเหล่านี้ในเวลาที่เหมาะสม อาจต้องใช้ความพยายามและการเสียสละสักเล็กน้อย แต่สิ่งที่จะได้กลับมา จะมีผลอีกยาวนานในอนาคต
- อ่าน เวลาที่เหมาะสมสำหรับการมีเพศสัมพันธ์(อิสลาม)
- อ่าน ลืมอาบน้ำยกหะดัษ หลังมีเพศสัมพันธ์ ละหมาดใช้ได้หรือไม่?
- อ่าน ท่าร่วมหลับนอนที่อนุญาติในอิสลาม
ท่าที่อนุญาต
ในร่างกายของมนุษย์ตามธรรมชาติที่สุดแล้วมีอยู่สามท่าคือ ยืน นั่ง (หรือนั่งยองๆ) และนอน ในเรื่องท่าทางที่เกี่ยวกับเพศสัมพันธ์นั้น โดยทั่วไปอิสลามจะอนุญาตยกเว้นจะกระทำอย่างผิดธรรมชาติ อย่างเช่น การใช้เว็จมรรค (ทางทวารหนัก หรือประตูหลัง) ดังนั้น จึงยังคงเหลืออยู่สองท่าคือ ท่านั่งหรือท่านั่งยองๆ และท่านอนในเรื่องนี้มีนัยต่างๆที่บ่งบอกไว้ในกุรอานและหะดีษ
"พระองค์เป็นผู้ทรงสร้างสูเจ้าจากชีวิตหนึ่งและจากนั้นพระองค์ทรงสร้างคู่ของเขาขึ้นมา เพื่อว่าเขาจะได้หาความสำราญจากนางเมื่อเขาอยู่เหนือนาง (มีเพศสัมพันธ์กับนาง) นางก็จะตั้งครรภ์อ่อนๆ"
คือเมื่อภรรยาอยู่ในท่านอนหงาย ร่างกายของผู้ชายวางอยู่เหนือเธอในท่าที่เขาครอบคลุมตัวเธอด้วยร่างกายของเขา ในหะดีษที่อธิบายถึงแบบอย่างของกุซอลนั้น วิธีการมีเพศสัมพันธ์ร่วมกันที่พาดพิงถึง มีดังนี้
" เมื่อใดก็ตามที่พวกท่านนั่งอยู่ระหว่างสี่จุดของฝ่ายหญิง และใช้แรงของ ท่านต่อเธอเกี่ยวกับเรื่อง "สี่จุดของฝ่ายหญิง" นี้มีความคิดต่างกันไปในเรื่องของการตีความ ดูเหมือนว่าจะหมายถึงท่าที่ผู้หญิงยกเข่าขึ้น และผู้ชายสอดใส่ในท่านั่งยองๆทำให้ต้นขาและน่องของผู้หญิงกลายเป็นสี่ส่วน และอัลลอฮ์รู้ดีที่สุด
นอกจา กนั้นท่าทางหรือตำแหน่งอื่นๆ ที่สามีและภรรยาเลือกนั้นค่อนข้างจะเป็นเรื่องธรรมดาๆ ครั้งหนึ่งฮัซรัต อุมัร (รอฎิยัลลอฮุอันฮุม) มีเพศสัมพันธ์กับภรรยาของท่านทางข้าง
หลัง (แต่ไม่ใช่ทางทวารหนัก) ต่อมาท่านมีความคิดว่าท่านได้กระทำสิ่งอันไม่พึงปรารถนาลงไป โดยทันทีท่านได้เร่งรุดออกไปหารอซูลุลลอฮ์ (ศ็อลฯ) โดยร้องว่า
"ข้าพเจ้าแย่แน่แล้ว ข้าพ เจ้าแย่แน่แล้ว!" ท่านถูกถามว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ซึ่งท่านได้เล่าเรื่องความกลัวของท่านที่ท่าน ได้กระทำสิ่งมิพึงปรารถนาลงไป รอซูลุลลอฮ์ (ศ็อลฯ) คงนิ่งเฉยและมิได้ตอบอะไรลงไป ต่อมาโองการของอัลกุรอานดังต่อไปนี้ได้ถูกประทานลงมา "ภรรยาของเจ้าคือไร่นาสำหรับเจ้าดังนั้นจงเข้าไปสู่ทุ่งนาของเจ้าตามประสงค์เถิด" 2/223
หลังจากนั้นรอซูลุลลอฮ์ (ศ็อลฯ) ได้อธิบายข้อความของโองการนี้ว่า การมีเพศสัมพันธ์นั้นได้รับอนุญาตทุกท่า ไม่ว่าจะทางข้างหน้าหรือทางข้างหลัง ตราบใดที่ไม่มีการใช้ประตูหลังเพราะนั่นเป็นสิ่งหะรอม ตัวอย่างสำหรับผู้หญิงในกุรอานนั้นเป็นเสมือนไร่นา ซึ่งสามารถเข้าไปได้ทุกทิศทางยกเว้นว่าเมล็ดพันธ์ของมันจะถูกหว่านลงใส่ทุ่งนาเท่านั้นไม่ใช่ที่อื่นๆในทำนองเดียวกันวิธีการที่จะเข้าถึงทุ่งนานั้นได้รับอนุญาตไม่ว่าจะเป็นสามีหรือภรรยา ในทางกลับกันไม่ว่าจะนอนตะแคงหรือนอนคว่ำ จะนอนราบหรือนั่งก็ได้ตราบใดที่ "เมล็ดพันธุ์"ถูกหว่านลงใน "ทุ่งนา" ไม่ใช่ที่อื่นๆ
มีความคิดผิดๆ เกิดขึ้นในเรื่องการสอดใส่ เป็นเรื่องของไสยศาสตร์ที่ขาดหลักฐาน ว่าได้มีชาวยิวของนครมะดีนะฮ์ ที่หาความสำราญด้วยการสอดใส่ทางข้างหลัง ตามความคิดของพวกเขาการกระทำเช่นนั้น เด็กที่เกิดมาจากการรวมตัวจะตาเหล่ มุสลิมบางคนถูกนำทางผิดๆ ด้วยเรื่องเช่นนี้ของชาวยิว เมื่อโองการจากอัลกุรอานดังกล่าวได้ถูกประทานลงมาความคิดผิดๆ เช่นนั้นก็หมดสิ้นและถูกทำลายไปตลอดกาล
ที่มา: muslimchiangmai.net
http://islamhouse.muslimthaipost.com