ขณะที่ชาร์ลส ดาร์วินอธิบายไว้ในหนังสือ The Origin of Species ของเขาเมื่อประมาณสองร้อยปีก่อนว่ามนุษย์มี
ต้นกำเนิดศาสนา
โดย อาจารย์บรรจง บินกาซัน
ขณะที่ชาร์ลส ดาร์วิน อธิบายไว้ในหนังสือ The Origin of Species ของเขาเมื่อประมาณสองร้อยปีก่อนว่ามนุษย์มีวิวัฒนาการมาจากลิง และคาร์ล มาร์กซ พยายามจะเสนอความคิดว่าศาสนาเป็นสิ่งที่ผู้ปกครองสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ครอบงำผู้อยู่ใต้ปกครอง แต่คำสอนทางศาสนากลับนำเสนอการอธิบายที่ให้เกียรติมนุษย์และศาสนามากกว่านั้น
คัมภีร์กุรอานเล่าว่า มนุษย์คนแรกถูกสร้างมาจากดินและพระเจ้าได้เป่าวิญญาณที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นเข้าไปในดินนั้น ดินที่มีวิญญาณอยู่จึงเป็นมนุษย์คนแรกขึ้นมามีนามว่าอาดัม ตราบใดที่วิญญาณยังอยู่ในตัวของมนุษย์ ร่างกายของมนุษย์จะยังคงดำรงสภาพอย่างที่เป็นอยู่ แต่เมื่อวิญญาณออกจากร่างไป ในไม่ช้าร่างกายของมนุษย์ก็จะย่อยสลายกลายเป็นดินที่เป็นต้นกำเนิดมนุษย์ในที่สุด
พระเจ้าไม่ได้สร้างมนุษย์มาโดยไร้วัตถุประสงค์ คัมภีร์กุรอานบอกเล่าถึงมนุษย์อย่างให้เกียรติว่าพระเจ้าสร้างมนุษย์มาเพื่อเป็นตัวแทน(เคาะลีฟะฮฺ)ของพระองค์บนหน้าผืนแผ่นดิน การเป็นตัวแทนของพระเจ้าในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าพระองค์ต้องการให้มนุษย์มาเป็นพระเจ้าแทนพระองค์ แต่การเป็นตัวแทนนี้เปรียบเหมือนองค์มนตรีทำหน้าที่ตามคำสั่งของพระมหากษัตริย์เท่านั้น
แต่มนุษย์จะเป็นตัวแทนของพระเจ้าไม่ได้ถ้าไม่มีความรู้ความสามารถ ด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงสอนนามหรือชื่อต่างๆ ให้แก่อาดัม
นามที่พระเจ้าสอนอาดัมคือ นามต่างๆ ของพระเจ้าเพื่อให้มนุษย์รู้จักพระเจ้าที่แท้จริงและนามของสรรพสิ่งที่มนุษย์เรียกกันอยู่ในปัจจุบัน การสอนนามต่างๆ ก็คือการสอนความรู้ทั้งหลายให้แก่อาดัมที่เป็นบรรพบุรุษของมนุษย์นั่นเอง
ส่วนความสามารถนั้น พระองค์ได้ประทานให้มนุษย์จากคุณสมบัติของพระองค์บางส่วน เช่น การมองเห็น การได้ยิน ความปรีชาสามารถ ความเป็นผู้ทรงเมตตา ความเป็นผู้ทรงให้อภัย เป็นต้น
ความรู้ความสามารถที่พระองค์ประทานให้แก่อาดัมนี้เอง ทำให้อาดัมที่ถูกสร้างจากดินได้รับเกียรติอย่างสูงส่งจนพระเจ้าได้บัญชาให้ทุกสรรพสิ่งที่อยู่ในอาณาจักรของพระองค์กราบนบนอบต่ออาดัม คำบัญชานี้หมายความว่าถ้าอาดัมและลูกหลานของเขาบนโลกใบนี้ต้องการใช้สิ่งใดๆ ที่พระองค์ประทานให้บนโลกนี้ ทุกสิ่งต้องตอบสนองความต้องการของอาดัมจนสำเร็จ
เมื่อประทานความรู้ความสามารถให้แล้ว พระเจ้าต้องการจะทดสอบว่าอาดัมจะเชื่อฟังพระองค์หรือไม่ก่อนที่จะส่งอาดัมมายังโลกนี้ พระองค์จึงจำลองสถานการณ์ให้อาดัมเห็นโดยการที่ปล่อยให้ซาตานฝ่าฝืนคำบัญชาของพระองค์โดยไม่ยอมก้มกราบต่ออาดัม ดังนั้น มันจึงต้องถูกลงโทษ แต่ซาตานได้ขอให้พระเจ้าประวิงเวลาลงโทษมันไว้จนถึงวันสิ้นโลกและมันจะขอหลอกลวงอาดัมและลูกหลานของเขา เพื่อที่จะพิสูจน์ให้พระเจ้าเห็นว่าลูกหลานของอาดัมมีน้อยคนนักที่จะกตัญญูต่อพระองค์
พระเจ้าให้อนุญาตตามที่ซาตานขอ แต่ไม่ให้มันมีอำนาจบังคับมนุษย์ เพราะพระองค์ต้องการจะทดสอบว่าอาดัมและลูกหลานของเขาจะเชื่อฟังพระองค์หรือเชื่อฟังซาตาน
อาดัมมีความรู้ความสามารถ แต่เขากลับหลงกลลวงของซาตานจนฝ่าฝืนคำสั่งของพระเจ้าที่ห้ามเข้าใกล้ต้นไม้ที่พระองค์ทรงห้ามไว้ อาดัมสำนึกตัวได้ว่าเขาผิดที่ไปเชื่อฟังซาตาน ตรงจุดนี้เอง คือเวลาที่พระเจ้าจะส่งอาดัมและคู่ครองของเขาจากอาณาจักรของพระองค์มายังโลกใบนี้
แต่ก่อนจะส่งออกมา พระองค์ได้บอกอาดัมว่าเขาจะมีชีวิตชั่วคราวบนโลกใบนี้ ขณะมีชีวิต ซาตานจะตามมาอยู่ในโลกใบนี้ด้วยและมันจะเป็นศัตรูต่อเขาและลูกหลานของเขาจนถึงวันสิ้นโลก ถ้าหากเขาต้องการจะกลับไปมีความสุขในอาณาจักรของพระเจ้าที่มีความอุดมสมบูรณ์อย่างที่เขาเคยสัมผัสมาแล้ว เขาต้องเดินตามคำสั่งสอนของพระองค์ที่ถูกประทานมาแก่เขาและลูกหลานของเขา
ศาสนาจึงเป็นคำสอนที่มาจากพระเจ้านับตั้งแต่มีมนุษย์คนแรกบนโลกใบนี้ มิใช่สิ่งที่มนุษย์คิดขึ้นแต่ประการใด