เรื่องอิสลามห้ามเลี้ยงแมวสีดำ ไม่พบหลักฐานที่อิสลามห้ามเลี้ยงแมวสีดำ โดยหลักการแล้วอิสลามมิได้ห้ามเลี้ยงแมวไม่ว่าสีอะไร
อิสลามห้ามเลี้ยงแมวสีดำ จริงหรือไม่ ช่วยอธิบายหน่อยคะ
เรื่องอิสลามห้ามเลี้ยงแมวสีดำ ไม่พบหลักฐานที่อิสลามห้ามเลี้ยงแมวสีดำ โดยหลักการแล้วอิสลามมิได้ห้ามเลี้ยงแมวไม่ว่าสีอะไร เพราะในสมัยท่านศาสดาก็มีการเลี้ยงแมวและท่านศาสดาก็บอกว่า “แมวคือสัตว์เลี้ยงที่วนเวียนอยู่กับมนุษย์”
ส่วนที่มีข้อกังขาเรื่อง “แมวสีดำ” นั้น เข้าใจว่า มีบางท่านอ้างว่า “ไซฏอน” อาจปลอมเป็นแมวสีดำ เมื่อเลี้ยงแมวสีดำก็เท่ากับเลี้ยงไซฏอนนั่นเอง ซึ่งข้ออ้างนี้ไม่มีหลักฐานทางศาสนายืนยัน (อัลเลาะห์ทรงรอบรู้ยิ่ง)
ขอขอบคุณ อ.ซารีฟ ศรีเจริญ
อิสลามกับการเลี้ยงแมว
อิสลามเป็นศาสนาที่สอนให้อ่อนโยนอยู่เสมอ ไม่ว่าจะกับคนด้วยกัน หรือแม้กระทั่งกับสัตว์เล็กๆก็ตาม ท่านนบี ( ท่านนบีหมายถึงท่านศาสดามุฮัมมัดฯ ) ของพวกเราชาวมุสลิมก็เป็นคนรักสัตว์โดยเฉพาะกับ "แมว"
ท่านนบีมีแมวตัวโปรดอยู่ตัวหนึ่ง ชื่อ "มุอัซซะอ์" เรื่องราวความรักของท่านนบีต่อมุอัซซะอ์ก็ไม่ธรรมดา เรื่องมีอยู่ว่า...
ครั้งหนึ่ง เมื่อมีเสียงอะซาน ( เสียงเรียกร้องเชิญชวนผู้คนให้ไปละหมาดที่มัสยิด ) ดังขึ้น ในขณะที่มุอัซซะอ์กำลังหลับอยู่บนผ้าชิ้นงามผืนหนึ่งของท่านนบีฯ ซึ่งท่านต้องการจะสวมใส่ผ้าผืนนั้นไปทำละหมาด
ท่านนบีฯ เกรงว่าหากท่านดึงผ้าออกจากมุอัซซะอ์อาจจะเป็นการรบกวนและทำให้มันตื่นขึ้นได้ ท่านก็เลยตัดผ้าส่วนที่เหลือที่ไม่ถูกทับแล้วปล่อยให้มุอัซซะอ์นอนหลับสบายต่อไป เป็นความเมตตาระดับที่คนรักแมวทั่วไปยังต้องอาย
ยังมีเรื่องของมุอัซซะอ์ในครั้งอื่นอีก เช่นว่าเวลาท่านนบีนั่งอยู่กับเศาะฮาบะฮฺ (ลูกศิษย์ลูกหาของท่านศาสดา) ท่านก็จะเอามุอัซซะฮฺนั่งบนตักด้วย ท่านยังเคยดื่มน้ำส่วนที่เหลือหลังจากที่ให้แมวของท่านดื่ม และท่านยังเคยอาบน้ำละหมาดจากน้ำเดียวกันกับที่ให้แมวดื่มด้วย (ก่อนจะละหมาดต้องทำการอาบน้ำละหมาดก่อน)
เป็นความรักความเมตตาและความอ่อนโยนในระดับที่ทำให้เข้าใจได้เลยว่า ทำไมเราจึงรักนบีของเราเพราะคนที่สามารถอ่อนโยนขนาดนี้กับสัตว์ได้หากกับคน คงไม่ต้องพูดว่าจะอ่อนโยนขนาดไหน
นอกจากท่านนบีจะแสดงให้เห็นถึงการรักแมวแล้ว ท่านก็ยังกำชับด้วยว่า "การซื้อขายแมว" ก็ห้ามกระทำ
มีรายงานจากท่านญาบิรว่า "ท่านรสูลุลลอฮฺห้ามจากราคาของสุนัขและแมว" (บันทึกโดยมุสลิม,ติรฺมิซีย์ และนะสาอีย์)
นอกจากการห้ามซื้อขายแล้ว หะดีษที่บอกถึงความรุนแรงของผู้ที่ทำร้ายแมวก็มีอยู่เช่นกัน (หะดิษหมายถึงคำกล่าวของท่านศาสดา)
เรื่องของแมวนั้นมีหะดิษระบุว่า
عن نافع عن عبد الله أن رسول الله صلى الله عليه وسلم قال عذبت امرأة في هرة سجنتها حتى ماتت فدخلت فيها النار لا هي أطعمتها وسقتها إذ حبستها ولا هي تركتها تأكل من خشاش الأرض
รายงานจากนาฟิอฺ จากอับดุลลอฮ ว่า รซูลุลลอฮ (หมายถึงท่านศาสดามุฮัมมัด) กล่าวว่า
"ผู้หญิงคนหนึ่งถูกลงโทษ เพราะแมว นางได้กักขังมันจนกระทั่งมันตาย แล้วนางถูกให้เข้านรกเพราะมัน โดยนางไม่ให้อาหารและน้ำแก่มัน ขณะที่นางกักขังมัน และนางไม่ปล่อยให้มันกินสัตว์ต่างๆบนหน้าแผ่นดิน" - รายงานโดยมุสลิม
อิหม่ามนะวาวีย์ เราะหิมะฮุลลอฮฺ กล่าวว่า
وفي الحديث دليل لتحريم قتل الهرة ، وتحريم حبسها بغير طعام أو شراب . وأما دخولها النار بسببها فظاهر الحديث أنها كانت مسلمة ، وإنما دخلت النار بسبب الهرة
และในหะดิษ เป็นหลักฐานแสดงบอกว่า การฆ่าแมวเป็นสิ่งต้องห้าม(หะรอม) และการกักขังมัน โดยไม่ให้กิน ไม่ให้ดื่มนั้น เป็นต้องห้าม เพราะความหมายที่ปรากฏของหะดิษ แท้จริงนางเป็นมุสลิมะฮ และความจริงนางเข้านรก เนื่องจาก(ทารุณกรรม)แมว
(- ดู ชัรหุมุสลิม กิตาบุสสลาม เรื่อง การฆ่าแมวเป็นสิ่งต้องห้าม หะดิษหมายเลข 2242)
คนรักแมวที่เลี้ยงแมว ต้องระวัง ดูแลมันให้ดีและคนที่ไม่ได้เลี้ยงแมว อาจจะเนื่องจากไม่ได้รักชอบ หรือเหตุผลใดๆก็ตาม หากเดินไปพบแมวเข้า เมตตามันได้ ให้อาหารมันได้ ก็ทำเถอะแต่หากไม่ทำ ก็อย่าทำร้ายมันเลย
อ่อนโยนทั้งต่อคนและสัตว์ให้มากๆเถอะ ความอ่อนโยนจะนำมาซึ่งความรัก
- ความมหัศจรรย์ทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับน้ำลายของแมว
- นายิส คืออะไร พร้อมวิธีอาบน้ำนายิส ที่ถูกต้อง
- โดนน้ำลายสุนัข ไม่ต้องล้างน้ำดิน จริงหรือไม่?
- การซื้อขายแมว หุก่มว่าอย่างไร ?? ชี้ขาดโดย สถาบันชี้ขาดปัญหาศานา
- เรื่องราวความรักของท่านนบีต่อมุอัซซะอ์ (แมวตัวโปรด) ที่ไม่ธรรมดา
- มารยาทในการดื่มกิน การดื่มน้ำแบบนบี ฮาดิษเกี่ยวกับมารยาท
- ริสกีของผู้เป็นสามี มาจากภรรยา
- การฝังกระดูกสัตว์กุรบาน