อะไรที่ทำให้บวชแตก สิ่งที่ทำให้เสียศีลอด มีการกระทำมากมายสมควรที่ผู้ถือศีลอดจะต้องปลีกตัวให้ห่างไกล
อะไรที่ทำให้บวชแตก สิ่งที่ทำให้เสียศีลอด
สิ่งที่ทำให้เสียศีลอด
มีการกระทำมากมายสมควรที่ผู้ถือศีลอดจะต้องปลีกตัวให้ห่างไกล เพราะเมื่อเขาได้กระทำในเวลากลางวันของเดือนรอมฎอนจะทำให้การถือศีลอดของเขาใช้ไม่ได้ และจะเกิดโทษแก่เขาด้วย
1. การกินการดื่มโดยเจตนา
อัลลอฮฺได้ตรัสไว้ว่า
ความว่า “และพวกเจ้าจงกินจงดื่มจนกระทั่งเส้นด้ายขาว (แสงเงิน) เป็นที่ประจักษ์แก่พวกเจ้าจากเส้นด้ายดำ (แสงทอง) เมื่อยามรุ่งอรุณ แล้วจงถือศีลอดให้ครบสมบูรณ์จนถึงพลบค่ำ …” (2/187)
คือการถือศีลอดจากการกินการดื่ม ดังนั้นเมื่อผู้ถือศีลอดกินและดื่มในเวลากลางวันของเดือนรอมฎอน แน่นอน การถือศีลอดของเขาก็จะใช้ไม่ได้และเจาะจงการกระทำเช่นนั้นด้วยการมีเจตนา เพราะผู้ถือศีลอดนั้น เมื่อการกระทำโดยการหลงลืมหรือโดยทำผิดหรือโดยการถูกบังคับก็ไม่เป็นอะไรแก่เขา ดังมีหลักฐานต่อไปนี้
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
ความว่า “เมื่อเขาลืมแล้วเขาได้กินและดื่มก็จงให้การถือศีลอดของเขาดำเนินต่อไป เพราะแน่แท้อัลลอฮฺได้ให้อาหารแก่เขาและให้น้ำดื่มแก่เขา” บันทึกโดย : อัลบุคอรียฺ และมุสลิม
และท่านนบีได้กล่าวอีกว่า
ความว่า “แท้จริงอัลลอฮฺจะไม่เอาโทษจากประชาชาติของฉันในความผิดพลาด การหลงลืมและการถูกบังคับ” บันทึกโดย : อัฎฎ่อฮาวีย์ อัลฮากิม และอัดดารุกุฎนีย์และเป็นสายสืบที่ศอเฮี๊ยะ
2. การอาเจียนโดยตั้งใจ
เพราะผู้ที่อาเจียนออกมาเองไม่เป็นอะไรแก่เขา ท่านนบีกล่าวว่า
ความว่า “ผู้ใดที่อาเจียนออกมาเองไม่จำเป็นต้องถือศีลอดใช้ และผู้ใดที่ตั้งใจให้อาเจียนออกมาจะต้องถือศีลอดใช้” บันทึกโดย : อะบูดาวู๊ด อัตติรมีซีย์ และอะหมัด และว่าเป็นสายสืบที่ศ่อฮี้ฮฺ
3. การมีประจำเดือนและการมีเลือดหลังคลอดบุตร
เมื่อสตรีมีประจำเดือนหรือมีเลือดหลังคลอดบุตรในส่วนหนึ่งของเวลากลางวัน ถึงแม้ว่าจะปรากฎขึ้นในช่วงต้นหรือช่วงสุดท้ายของเวลากลางวัน เธอจะต้องแก้ศีลอดและถือศีลอดใช้ในวันอื่น หากเธอถือศีลอดในวันนั้นก็จะใช้ไม่ได้
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวไว้ว่า
ความว่า “เมื่อพวกเธอมีประจำเดือนพวกเธอมิได้ละหมาดและมิได้ถือศีลอดมิใช่หรือ ? พวกเธอตอบว่าถูกต้องค่ะ ท่านนะบีกล่าวต่อไปว่า นั่นแหละการมีศาสนาของพวกเธอลดน้อยลง” และอีกรายงานหนึ่งกล่าวว่า “พวกเธอรอคอยอยู่หลายคืนไม่ทำละหมาดและไม่ถือศีลอดในเดือนรอมฎอน และนี่คือการมีศาสนาของพวกเธอลดน้อยลง” บันทึกโดย : มุสลิม จากรายงานของอิบนอุมัร และอะบีฮุรอยเราะฮฺ
มีคำสั่งให้ชดใช้การถือศีลอดในรายงานหะดีษจากมุอาซะฮฺ กล่าวว่า “ฉันได้ถามท่านหญิงอาอิชะฮฺ ว่า ทำไมหญิงที่มีประจำเดือนจึงถือศีลอดใช้และไม่ละหมาดใช้ ? ท่านหญิงย้อนถามว่า เธอเป็นชาวฮะรูรียะฮฺหรือ ? เธอตอบว่า ฉันมิได้เป็นชาวฮะรูรียะฮฺ แต่ฉันขอถามเช่นนั้น ท่านหญิงตอบว่า เราเคยประสบมาเช่นนั้น และเราถูกใช้ให้ถือศีลอดใช้ แต่เราไม่ถูกใช้ให้ละหมาดใช้” บันทึกโดย : อัลบุคอรียฺและมุสลิม
4. การฉีดยาบำรุงกำลัง
คือ การนำส่วนประกอบของอาหารบางประเภทเข้าไปในกระเพาะอาหาร โดยมีความมุ่งหมายเพื่อบำรุงกำลังคนป่วย บางคนการกระทำชนิดนี้ทำให้เสียการถือศีลอดเพราะเป็นการนำอาหารเข้าไปในร่างกาย ส่วนเมื่อมีการฉีดยาบำรุงกำลังเข้าไปในเส้นเลือด โดยมิได้ฉีดเข้าไปในกระเพาะอาหารก็เสียศีลอดเช่นเดียวกัน เพราะมันได้ทำหน้าที่แทนอาหารและเครื่องดื่ม ส่วนมากของผู้ป่วยที่ไม่รู้สึกตัวเป็นเวลานานจะมีการให้อาหารโดยการฉีดคลูโคสและน้ำเกลือ
5. การร่วมประเวณี
อัชเชากานีย์ได้กล่าวไว้ในหนังสือ “อัดดะรอรีย์ อัลมุฎีย์ยะฮฺ” (2/22) ว่า การร่วมประเวณีนั้นได้มีความเห็นพ้องต้องกันว่าทำให้เสียศีลอด ถ้าหากเกิดขึ้นโดยเจตนา แต่ถ้าเกิดขึ้นโดยการหลงลืม นักวิชาการบางคนเห็นว่าควรจัดอยู่ในจำพวกที่กินและดื่มโดยการหลงลืม
อิบนุลก็อยยิม ได้กล่าวไว้ในหนังสือ “ซาดุลมะอ๊าด” (2/60) ว่า อัลกุรอานได้ชี้แนวไว้ว่า การร่วมประเวณีทำให้เสียศีลอดเหมือนกับการกินการดื่ม ซึ่งเป็นที่ยอมรับและเห็นพ้องต้องกัน
หลักฐานในการนี้ปรากฎในอัลกุรอานในอายะฮฺที่ว่า
ความว่า “บัดนี้จงสมสู่นางได้แล้วและจงแสวงหาสิ่งที่อัลลอฮฺได้ทรงบัญญัติแก่พวกเจ้า”
คือได้ทรงอนุญาตให้มีการสมสู่กัน ดังนั้นจึงเป็นที่เข้าใจจากหลักฐานนี้ว่าเป็นการถือศีลอดจากการร่วมประเวณีและการกินและการดื่ม ด้วยเหตุนี้ผู้ใดที่ทำให้การถือศีลอดของเขาเสียด้วยการร่วมประเวณี เขาจะต้องถือศีลอดใช้และเสียค่าไถ่บาป (กั้ฟฟาเร๊าะฮฺ)
หลักฐานดังกล่าวก็คือ มีรายงานของอะบูฮุรอยเราะฮฺ จากท่านนะบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ว่า
“มีชายคนหนึ่งได้มาหาท่านนบี และกล่าวว่า โอ้ท่านร่อซูลุลลอฮฺ ฉันเสียหายหมดแล้ว ท่านนะบีถามว่า อะไรที่ทำให้ท่านเสียหาย ? เขาตอบว่า ฉันได้ร่วมประเวณีกับภริยาของฉันในเดือนรอมฎอน ท่านนะบีได้ถามเขาต่อไปว่า ท่านมีความสามารถที่จะปล่อยทาสไหม ? เขาตอบว่า ไม่ครับ ! ท่านนะบีถามอีกว่าท่านมีความสามารถที่จะให้อาหารแก่คนมิสกีน 60 คนไหม ? เขาตอบว่า ไม่ครับ ! ท่านนะบีจึงบอกแก่เขาว่าจงนั่งอยู่ที่นี่แล้วเขาก็นั่งลง แล้วท่านนะบี ได้เข้าไปเอาถุงหนึ่ง มีอินทผลัมเต็มถุง แล้วพูดขึ้นว่า เอาไปทำศ่อดะเกาะฮฺ เขาจึงพูดว่าระหว่างภูเขาสองลูกสีดำนี้มีใครยากจนมากกว่าฉันหรือ ? ท่านนะบีจึงหัวเราะจนกระทั่งมองเห็นเขี้ยวของท่าน ท่านนะบีได้กล่าวว่าเอาไปเถอะ แล้วเอาไปให้ครอบครัวของท่านกินกัน“
- กัฟฟาเราะฮฺ ถือศีลอด การมีเพศสัมพันธ์ตอนกลางวัน ต้องจ่ายอย่างไร?
- ประโยชน์ของละหมาดตะรอเวียะห์ ผลดีที่หลายคนอาจยังรู้!
- 6 สิ่งที่ผู้ถือศีลอดบางคนมักจะละเมิด
- ระวังตกม้าตาย ในเดือนรอมฎอน
- ถือศีลอดในขณะมียูนุบอยู่ ได้หรือไม่?
สิ่งที่อนุญาตให้ผู้ถือศีลอดปฏิบัติได้
บ่าวที่จงรักภักดีมีความเข้าใจในกิตาบุลลอฮฺและซุนนะฮฺจะไม่สงสัยเลยว่า แท้จริงอัลลอฮฺ ทรงประสงค์ที่จะให้ปวงบ่าวของพระองค์มีความสะดวกสบาย และไม่ทรงประสงค์ที่จะให้พวกเขาได้รับความยากลำบากในการถือศีลอด พระองค์ทรงอนุญาตให้ผู้ถือศีลอดกระทำได้ในเรื่องต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
1. ผู้ถือศีลอดเมื่อเกิดมีหะดัษใหญ่
ปรากฎว่าท่านนะบีเกิดมีหะดัษใหญ่กับภรรยาของท่านจนกระทั่งถึงเวลาฟัจร หลังจากนั้นท่านได้อาบน้ำญะนาบะฮฺและถือศีลอด
2. การแปรงฟันสำหรับผู้ถือศีลอด
ท่านร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
ความว่า “หากไม่เป็นการยากลำบากแก่ประชาชาติของฉันแล้ว ฉันจะใช้ให้พวกเขาแปรงฟันในเวลาอาบน้ำละหมาดทุกครั้ง” บันทึกโดย : อัลบุคอรีย์และมุสลิม
ท่านร่อซูลมิได้เจาะจงให้แปรงฟันเฉพาะผู้ถือศีลอดเท่านั้น ในการนี้เป็นการบ่งชี้ให้แปรงฟันสำหรับผู้ถือศีลอด และผู้ที่ไม่ได้ถือศีลอดด้วยในขณะเวลาอาบน้ำละหมาดทุกครั้งและทุกเวลาละหมาด
และเช่นเดียวกัน เป็นการบ่งชี้โดยรวมในทุกเวลาทั้งก่อนและหลังตะวันคล้อย อัลลอฮฺทรงรอบรู้ดียิ่ง
3. การใช้น้ำกลั้วปาก
เพราะท่านนะบีเคยใช้น้ำกลั้วปากแล้วบ้วนทิ้งและสูดน้ำเข้าจมูกแล้วสั่งออกด้วยมือซ้ายในขณะที่ท่านถือศีลอด แต่ท่านห้ามมิให้ผู้ถือศีลอดกระทำมากเกินไป
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า “…….จงสูดน้ำเข้าจมูกมาก เว้นแต่ท่านจะถือศีลอด”
4. การหยอกล้อและการจูบขณะถือศีลอด
มีรายงานจากท่านหญิงอาอิชะฮฺแจ้งว่า “ท่านร่อซูลุลลอฮฺจูบขณะที่ท่านถือศีลอด และท่านหยอกล้อขณะที่ท่านถือศีลอด แต่ปรากฎว่าท่านเป็นผู้ที่ควบคุมอารมณ์ได้ดียิ่งกว่าพวกท่าน”
การกระทำดังกล่าวนี้ไม่ชอบที่จะให้สามีภริยาที่อยู่ในวัยหนุ่มกระทำกัน
มีรายงานจากอับดุลลอฮฺอิบนฺอมัร อิบนุลอ๊าศ แจ้งว่า พวกเรานั่งอยู่ร่วมกับท่านนะบี มีชายหนุ่มคนหนึ่งเข้ามาหาท่านนะบี เขากล่าวถามขึ้นว่า โอ้ท่านร่อซูลุลลอฮฺ ฉันจะจูบขณะถือศีลอดได้ไหม ? ท่านนบีตอบว่า “ไม่ได้” ต่อมาได้มีชายแก่คนหนึ่งเข้ามาหา และกล่าวขึ้นว่า ฉันจะจูบขณะถือศีลอดได้ไหม ? ท่านนบีตอบว่า “ได้” พวกเราก็มองตาซึ่งกันและกันในเชิงสงสัย ท่านร่อซูลุลลอฮฺได้ตอบข้อสงสัยของพวกเราว่า
“แท้จริงชายคนแก่นั้นสามารถควบคุมอารมณ์ของเขาได้”
5. การตรวจเลือดและฉีดยาที่มิใช่บำรุงกำลัง
การกระทำดังกล่าวนี้ไม่ทำให้ต้องเสียศีลอด
6. การกรอกเลือด
ปรากฏว่าการกรอกเลือดอยู่ในประเภทที่ทำให้เสียศีลอด ต่อมาได้ถูกยกเลิก มีรายงานจากท่านนะบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ว่าท่านได้กรอกเลือดขณะถือศีลอด ทั้งนี้ตามรายงานของอิบนฺ อับบาส แจ้งว่า“แท้จริงท่านนะบีได้กรอกเลือดขณะที่ท่านถือศีลอด” บันทึกโดย : อัลบุคอรีย์
7. ชิมอาหาร
ทั้งนี้โดยมีขอบเขตมิให้อาหารเข้าสู่ลำคอ โดยมีรายงานจากอิบนฺอับบาส กล่าวว่า “ไม่เป็นความผิดหรือไม่เป็นไรที่จะชิมรสชาติของน้ำส้มหรืออาหาร ตราบใดที่ไม่เข้าสู่ลำคอในขณะถือศีลอด”บันทึกโดย : อิบนฺอะบีชัยยะฮฺ และอันบัยฮะกีย์
8. ผงทาตาและยาหยอดตาและอื่น ๆ
การใช้สิ่งเหล่านี้ทาและหยอดตาไม่เป็นการเสียศีลอดถึงแม้จะมีรสชาดของมันในลำคอหรือไม่มีก็ตาม นี่คือแนวคามคิดที่ชัยคุลอิสลามให้น้ำหนักมากกว่าในบทความเรื่อง “ข้อเท็จจริงของการถือศีลอด” และลูกศิษย์ของเขาคืออิบนุก็อยยิม ในหนังสือของเขา “ซาดุลมะอ๊าด” และอิหม่ามอัลบุคอรีย์ในหนังสือ “ศ่อยิ้มะฮฺ” ของเขา ได้กล่าวว่าอะนัส อิบนมาลิก และอัลหะซัน อัลบัศรีย์ และอิบรอฮีมอันนัคอีย์ มีความเห็นว่าการใช้สิ่งเหล่านี้ทาและหยอดตาสำหรับผู้ถือศีลอดไม่เป็นไร คือไม่เป็นการเสียศีลอด
9. รดน้ำเย็นบนศีรษะและการอาบน้ำ
อับบุคอรีย์กล่าวไว้ในหนังสือ “ศ่อยิ้มะฮฺ” ของเขาในบทว่าด้วย “การอาบน้ำของผู้ถือศีลอด” โดยกล่าวว่าอิบนอุมัรได้นำเอาผ้ามาชุบน้ำให้เปียกแล้วห่มตัวในขณะที่ถือศีลอด และอัลชะอฺบีย์ได้อาบน้ำรดหัวเมื่อเขาถือศีลอด และอัลหะซันกล่าวว่า ไม่เป็นการเสียศีลอดสำหรับผู้ที่เอาน้ำกลั้วปากหรือเอาน้ำราดเพื่อให้เกิดความเย็น
ในบันทึกของอะบูดาวู๊ดและอะหมัดระบุว่า ท่านนะบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้เอาน้ำราดบนศีรษะของท่านขณะที่ท่านถือศีลอด เพราะความกระหายหรือเพราะความร้อน