หลังการบูชารูปเจว็ด อัลลอฮฺทรงส่งท่านนะบีนูห์ อะลัยฮิสสลาม ดังนั้น ท่านนะบีนูห์ อะลัยฮิสสลาม
หลังการบูชารูปเจว็ด อัลลอฮฺทรงส่งท่านนะบีนูห์ อะลัยฮิสสลาม (ดังนั้น ท่านนะบีนูห์ อะลัยฮิสสลาม จึงถือเป็นนะบีท่านที่สองในบรรดานะบีและร่อซูล) เพื่อมาฟื้นฟูศาสนาของท่านนะบีอาดัมและสอนลูกหลานของท่านนะบีอาดัม ตั้งแต่ท่านนะบีนูห์ อะลัยฮิสสลาม มาประกาศเทศนาสู่การศรัทธาให้เอกภาพแด่อัลลอฮฺ ก็มีกลุ่มต่อต้านออกมายืนหยัดในสิ่งที่เขาและบรรพบุรุษได้กระทำ ท่านนะบีนูห์ อะลัยฮิสสลาม จึงต้องทำงานหนักมาก อายุของท่านมากกว่าพันปี ในอัลกุรอานบอกว่านะบีนูห์ อะลัยฮิสสลาม ใช้เวลาดะอฺวะฮฺ 950 ปี ทำทุกวิถีทาง ทั้งในเชิงลับและเปิดเผย ใช้เสียงเบาและเสียงดัง พูดกับคนทุกวัย
อิมามกุรฏุบียฺได้รายงานว่า ท่านนะบีนูห์ อะลัยฮิสสลาม ได้เทศนาเวลานานพอสมควร ถึงแม้กลุ่มต่อต้านจะยืนหยัดในเรื่องชิริก(การตั้งภาคีต่อพระผู้เป็นเจ้า) ให้ผู้ใหญ่สืบทอดเรื่องชิริกกับลูกหลานอย่างต่อเนื่อง มีผู้ใหญ่จูงมือลูกมาหานะบีนูห์ อะลัยฮิสสลาม แล้วบอกว่า “คนนี้เป็นคนบ้า อย่าฟังมัน อย่าเชื่อมัน” บ้านเราก็มี ประเทศมหาอำนาจสอนว่า “ไอ้พวกมุญาฮิดีนอย่าไปฟังมัน มันคนบ้า ก่อการร้าย” และนักเผยแผ่ศาสนาอิสลามก็ถือว่าเป็นคนเร่ร่อน คนไม่มีความเจริญ อย่าไปฟังมัน อย่าไปยุ่งกับมัน
ในทุกยุคสมัยเราจะได้เห็นฝ่ายต่อต้านสัจธรรม(คือต่อต้านบรรดานะบีและร่อซูล) เมื่อกลับไปศึกษาอัลกุรอาน เรื่องนะบีนูห์ อะลัยฮิสสลาม นะบีฮูด นะบีซอลิหฺ หรือนะบีต่าง ๆ ต้องมีฝ่ายต่อต้าน ทั้งๆที่เป็น(ผู้นำ)สัจธรรม(มาเผยแผ่) นั่นเป็นบทเรียนให้เห็นว่าค นที่ยึดในสัจธรรมต้องมีศัตรู เพราะฉะนั้นใครที่ยึดมั่นในความจริงต้องทำใจ เพราะนะบีและร่อซูลทุกท่านที่มาประกาศสัจธรรมก็ยังถูกต่อต้าน
” ท่านนะบีมุฮัมมัด ได้รับวะฮียฺครั้งแรกท่านนะบียังไม่รู้ว่าเป็นวะฮียฺ ก็ไปปรึกษาลุงของเขาชื่อ วะเราะเกาะฮฺ อิบน เนาฟัล ถามว่าที่เขาเห็นที่เขาได้ยินคืออะไร วะเราะเกาะฮฺซึ่งนับถือศาสนาคริสต์ที่ยังไม่บิดเบือน บอกว่า “ถ้าหากที่ท่านพูดจริง แสดงว่าที่ท่านเจอคือญิบรีล และที่ท่านได้ยินคือวะฮียฺที่มาจากพระผู้เป็นเจ้า และถ้าฉันมีชีวิต ฉันจะช่วยท่านขณะที่ท่านถูกขับไล่จากมักกะฮฺ” ตอนนั้นนะบียังอยู่ในมักกะฮฺและยังไม่มีปัญหากับเครือญาติแต่ประการใด นะบีจึงบอกว่า “ญาติฉันจะไล่ฉันออกจากมักกะฮฺหรือ” วะเราะเกาะฮฺบอกว่า “หลานเอ๋ย ไม่มีใครนำสัจธรรมเหมือนสัจธรรมของท่าน เว้นแต่ต้องมีศัตรู” นี่คือบทเรียน เช่นเดียวกับในสมัยท่านนะบีนูห์ อะลัยฮิสสลาม ที่เริ่มมีศัตรูต่อต้านอะกีดะฮฺ ต่อต้านอีหม่าน ”
สมัยท่านนะบีนูฮฺมีเหตุการณ์ใหญ่เกิดขึ้นบนโลกใบ คือ น้ำท่วมโลก คนส่วนมากหรืออุละมาอฺบางท่านเข้าใจว่าเหตุการณ์น้ำท่วมนั้นท่วมทั่วโลก และมนุษย์ที่เหลือจากน้ำท่วมคือลูกของนะบีนูห์ อะลัยฮิสสลาม ไม่กี่คน เรื่องนี้มีน้ำหนักมากในหนังสือตำราประวัติศาสตร์ของนะบีและร่อซูล เช่น อิบนิกะซีร อิบนิญะรีร อัฏฏ็อบรอนี
” แต่มีทัศนะอุละมาอฺบางท่านบอกว่าเรื่องน้ำท่วมโลก มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนเล็กน้อย เพราะไม่มีหลักฐานชัดเจนที่บอกว่าน้ำท่วมทั่วโลก มีหลักฐานว่าอัลลอฮฺทรงลงโทษกลุ่มชนของท่านนะบีนูห์ อะลัยฮิสสลาม เนื่องจากไม่ยอมรับสัจธรรมที่ท่านนะบีนูห์ อะลัยฮิสสลาม นำมาสั่งสอน อัลลอฮฺทรงลงโทษให้จมน้ำ และน้ำท่วมทั่วบ้านทั่วเมืองจนไม่มีใครรอด แต่ไม่มีหลักฐานว่าน้ำท่วมทั่วโลกและมนุษย์ตายกันหมดเลย
” บางคนเอาข้อมูลมาจากการ์ตูน ส่วนหนึ่งเป็นความจริงมีระบุ เช่น นะบีนูห์ อะลัยฮิสสลาม สร้างเรือจริง สัตว์ที่ท่านนะบีนูห์ อะลัยฮิสสลาม นำมา ในอัลกุรอานอัลลอฮฺระบุว่าให้นำสัตว์ทุกชนิดเป็นคู่(ตัวผู้กับตัวเมีย)ขึ้นเรือ แต่ไม่ได้หมายถึงเอามนุษย์สองคน บางรายงานบอกว่ากลุ่มชนที่ศรัทธาต่อท่านนะบีนูห์ อะลัยฮิสสลาม มีประมาณ 300 คน(จากการเทศนา 950 ปี) แต่กลุ่มชนกาเฟรมีเป็นพันหรืออาจเป็นหมื่นเป็นแสน ทำให้เราต้องตระหนักว่าปริมาณคนที่ตอบรับสัจธรรมไม่ถือว่าเป็นเครื่องหมายหรือเครื่องวัดผลงาน คนทำงานแล้วมีคนตามเยอะ ไม่ใช่ว่าเขาประสบสำเร็จ เพราะถ้าหากถือว่าคนที่มีคนตามเยอะประสบความสำเร็จ ก็แสดงว่านักร้องสมัยนี้เก่งกว่านะบี เพราะคนเลื่อมใสคนตามมาก ”
” ท่านนะบีนูห์ อะลัยฮิสสลาม ได้สร้างเรือและนำมนุษย์และสัตว์ต่าง ๆ หนีน้ำท่วม เป็นสัญลักษณ์ที่อัลลอฮฺบอกไว้กับนะบีนูห์ อะลัยฮิสสลาม ว่าถ้าเห็นน้ำพุ่งจากเตาอบ(สมัยก่อนทำจากดิน ลักษณะเหมือนอุโมงค์หรือถ้ำ แล้วใส่ฟืนเข้าไป) แสดงว่าน้ำจะท่วมแล้ว ท่านนะบีนูห์ อะลัยฮิสสลาม ก็เรียกศรัทธาชนให้ขึ้นบนเรือ และให้บรรดาผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้พยายามรณรงค์เพื่อหนีพ้นจากน้ำ แต่ที่แปลกคือคนสำคัญมากสำหรับนะบีนูห์ อะลัยฮิสสลาม ไม่ยอมขึ้น ลูกชายนะบีนูห์ อะลัยฮิสสลาม (นะบีนูห์ อะลัยฮิสสลาม มีลูกหลายคน คือ ซาน ฮาน ยาซิร และกันอาน) มีรายงานว่ากันอานหรืออีกคนหนึ่งที่ฝืนนะบีนูห์ อะลัยฮิสสลาม ไม่ขึ้นเรือ เพราะไม่ยอมศรัทธาในอะกีดะฮฺของนะบีนูห์ อะลัยฮิสสลาม นะบีนูห์ อะลัยฮิสสลาม เรียกลูกขึ้นเรือ ”
قَالَ سَآوِي إِلَىٰ جَبَلٍ يَعْصِمُنِي مِنَ الْمَاءِ ۚ قَالَ لَا عَاصِمَ الْيَوْمَ مِنْ أَمْرِ اللَّـهِ إِلَّا مَن رَّحِمَ ۚ وَحَالَ بَيْنَهُمَا الْمَوْجُ فَكَانَ مِنَ الْمُغْرَقِينَ ﴿٤٣﴾
ความว่า “เขา (ลูกชาย) กล่าวว่า ฉันจะไปอาศัยภูเขาลูกหนึ่ง มันจะคุ้มครองฉันจากน้ำนี้ได้ เขา (นูห์ อะลัยฮิสสลาม ) กล่าวว่า ไม่มีผู้ใดคุ้มครองในวันนี้จากพระบัญชาของอัลลอฮฺ เว้นแต่ผู้ที่พระองค์ทรงเมตตา และคลื่นได้ซัดเข้ามาระหว่างเขาทั้งสอง และเขา (ลูกชาย) ได้อยู่ในหมู่ผู้จมน้ำ” [ฮูด 11:43]
” เป็นบทเรียนสำหรับคนที่อบรมลูกหลาน เมื่อทำหน้าที่แล้ว แต่ลูกเกเร ไม่เชื่อฟัง ไม่ทำความดีกับบิดามารดา ไม่ต้องเสียใจ เราไม่ขาดทุน ไม่บกพร่อง แต่ต้องรู้สึกเสียใจเมื่อเราบกพร่องในการเลี้ยงดูลูกหลานของเรา บางคนบอกว่าฉันสอนลูกอย่างดี ส่งไปโรงเรียนคริสต์ที่ดีที่สุด อะไรที่เป็นอุปกรณ์ให้ความรู้ซื้อให้หมด แม้แต่ซีดีเกม โรงหนังทั่วประเทศลูกฉันเข้าหมด แล้วทีหลังมาหาว่าลูกหนีไป นั่นไม่มีการอบรมที่ถูก ต้องอบรมอย่างบรรดานะบีและร่อซูล สอนอัลกุรอาน หะฟัซกุรอานทั้งเล่มแล้วทีหลังไม่เอากุรอาน แบบนี้เรียกว่าอบรมอย่างดีแล้ว อันนี้เป็นบทเรียนที่เราต้องนำมาใช้ในชีวิต
ที่มา : เรียบเรียงจากการบรรยายของ เชคริฎอ อะหมัด สมะดี, 2547-01-02 ชีวประวัติท่านนบีมุฮัมมัด 01 (ทับช้าง)
บทความที่น่าสนใจ: