นบีนุฮฺ ศาสนทูตของอัลลอฮฺคนหนึ่ง ที่พระองค์ได้ทรงส่งมาเพื่อตักเตือนผู้คนในบรรพกาล ในขณะที่โลกนี้มีมนุษย์อาศัยอยู่ไม่มากมายนัก
นบีนุฮฺน้ำท่วมโลก ซากเรือนบีนุฮฺ ที่อัลกุรอานกล่าวถึง
นบีนุฮฺ ศาสนทูตของอัลลอฮฺคนหนึ่ง ที่พระองค์ได้ทรงส่งมาเพื่อตักเตือนผู้คนในบรรพกาล ในขณะที่โลกนี้มีมนุษย์อาศัยอยู่ไม่มากมายนัก
นามของนบีนุฮฺ ปรากฏในอัลกุรอาน 43 ครั้ง แต่ละครั้งมีความแตกต่างกัน บางครั้งกล่าวถึงสภาพชีวิตของท่านเช่น ซูเราะฮฺอัชชุอะรออ์ ซูเราะฮฺอัลมุอ์มินูน ซูเราะฮฺอัลอะอฺรอฟ ซูเราะฮฺอัลก็อมัร และซูเราะฮฺฮูด
นอกจากนี้พระองค์ยังให้เกียรติท่านโดยตั้งชื่อซูเราะฮฺหนึ่งว่า ซูเราะฮฺนบีนุฮฺ อีกด้วย ในซูเราะฮฺนุฮฺและซูเราะฮฺฮูดนี้ได้กล่าวถึงประวัติของนบีนูหฺไว้อย่างละเอียด
นบีนุฮฺได้อยู่ร่วมกับหมู่ชนของท่านเพื่อประกาศเผยแผ่สาส์นแห่งอัลลอฮฺเป็นเวลานาน 950 ปี ({29:14}) ถึงกระนั้นก็ตาม ก็มีผู้ที่มีศรัทธาต่อท่านเพียงไม่ถึงหนึ่งร้อยคน แม้กระทั่งภรรยา ({66:10}) และบุตรชายของท่านเองคนหนึ่งก็ไม่ยอมศรัทธาต่อนบีนุฮฺ ในที่สุด เมื่อเห็นว่าพวกเขาทุกรุ่น ล้วนแต่ดื้อรั้น ท่านจึงได้วิงวอขอต่ออัลลอฮฺให้ทำลายล้างผู้คนเหล่านั้น อัลลอฮฺจึงได้ส่งอุทกภัย ท่านนำบรรดาผู้ที่มีศรัทธาลงเรือพร้อมกับสามคน แต่บุตรชายที่ไม่ศรัทธานั้น ไม่ยอมลงเรือกับท่าน ในที่สุดก็ต้องจมน้ำตาย ({11:42-43)}
คุณสมบัติของประชาชาตินุฮฺ
1. ประชาติของนูหฺตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺด้วยการสักการะบูชาเจว็ด อันได้แก่ วัดดฺ สุวาอฺ ยะฆูษ ยะอูก และนัสรฺ
{71:23} “และพวกเขาได้กล่าวว่า พวกเธออย่าได้ทอดทิ้งบรรดาสิ่งสักการะบูชาของพวกเธอเป็นอันขาด พวกเธออย่าได้ทอดทิ้งวัดดฺ และสุวาอฺ และยะฆูษ และยะอูก และนัสรฺ เป็นอันขาด”
2. เป็นกลุ่มชนที่หลงใหลในอำนาจและทรัพย์สิน จะเชื่อฟังเฉพาะผู้ที่มีอำนาจและคนที่ร่ำรวย
{71:21} นูหฺได้กล่าวว่า “พระเจ้าของข้าฯ! แท้จริงพวกเขาได้ฝ่าฝืนข้าฯและเชื่อฟังผู้ที่ทรัพย์สินของเขา และลูกหลานของเขาไม่ได้เพิ่มอันใดแก่พวกเขา นอกจากความสูญเสีย”
3. เป็นกลุ่มชนที่โง่เขลาและดื้อด้านไม่ยอมรับฟังสัจธรรม แม้นบีนูหฺจะพยายามทุกวิถีทางในการตักเตือน ไม่ว่าจะเป็นแบบลับ ๆ หรือเปิดเผย ด้วยเสียงค่อย หรือเสียงดัง ทั้งกลางวัน หรือกลางคืน พวกเขาก็ไม่ยอมมีศรัทธา
{71:5} เขากล่าวว่า “พระเจ้าของข้าฯ! แท้จริงข้าฯได้เรียกร้องเชิญชวนหมู่ชนของข้าฯทั้งยามราตรีและทิวา”
{71:6} “แต่การเรียกร้องเชิญชวนของข้าฯไม่ได้เพิ่มสิ่งใดแก่พวกเขา นอกจากการหลบหนี”
{71:7} “และแท้จริงทุกครั้งที่ข้าฯเรียกร้องเชิญชวนพวกเขา เพื่อที่พระองค์จะได้อภัยโทษให้แก่พวกเขา พวกเขาก็เอานิ้วอุดรูหูของพวกเขา และเอาเสื้อผ้าของพวกเขาคลุมโปง และพวกเขายังดื้อรั้น และหยิ่งยโสด้วยความจองหอง”
4. สังคมเต็มไปด้วยการกดขี่และความเสื่อมเสีย จนไม่อาจจะแก้ไขได้อีกต่อไป มีวิธีเดียวเท่านั้นก็คือการทำลายให้สิ้นซาก
{71:26} และนุฮฺได้กล่าวว่า “พระเจ้าของข้าฯ! โปรดอย่าได้ทรงปล่อยให้พวกปฏิเสธศรัทธาหลงเหลืออยู่ในแผ่นดินนี้เลย”
{71:27} “เพราะหากพระองค์ทรงปล่อยให้พวกเขาหลงเหลืออยู่ พวกเขาก็จะหลอกลวงให้ปวงบ่าวของพระองค์หลงผิด และพวกเขาจะให้กําเนิดแต่พวกเลวทราม พวกปฏิเสธศรัทธาเท่านั้น”
- นรกในคัมภีร์ของศาสนาอิสลาม
- ดุอาอฺนบียูนุสขณะอยู่ในท้องปลา
- ทะเลสาบเดดซี ในอิสลาม สมัยนบีลูฏ ข้อเตือนใจแก่คนปัจจุบัน
- “นบียูซุฟ” นบีที่หล่อที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ
ความประเสริฐของนบีนุฮฺ
นบีนูหฺมีคุณลักษณะดีเด่นกว่าบรรดาศาสนทูตอื่น ๆ เนื่องจากว่า
1. เป็นศาสนทูตคนแรกในเหล่า “อูลุลอัซมิ” ที่มีจำนวนทั้งหมด 5 คน คนต่อไปคืออิบรอฮีม มูซา อีซา และมุหัมมัด
{42:13} พระองค์ได้ทรงกำหนดศาสนาแก่พวกเธอ เช่นเดียวกับที่พระองค์ได้ทรงบัญชาแก่นูหฺ และที่เราได้วิวรณ์แก่เธอก็เช่นเดียวกับที่เราได้บัญชาแก่อิบรอฮีม และมูซา และอีซาว่า “พวกเธอจงดํารงศาสนาไว้ให้คงมั่น และอย่าแตกแยกกันในเรื่องศาสนา สิ่งที่เธอเรียกร้องเชิญชวนบรรดาผู้ตั้งภาคีให้ตามนั้น เป็นเรื่องใหญ่สำหรับพวกเขา อัลลอฮฺทรงเลือกสำหรับพระองค์ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และทรงนำทางผู้ที่ผินหน้าสู่พระองค์นั้นให้เข้าสู่พระองค์”
{33:7} และจงรำลึกเมื่อเราได้เอาคํามั่นสัญญาของพวกเขาจากบรรดานบี และจากเธอ และจากนูหฺ และอิบรอฮีม และมูซา และอีซา บุตรมัรยัม และเราได้เอาคํามั่นสัญญาอย่างหนักแน่นจากพวกเขา
2. เป็นบิดาคนที่สองแห่งมนุษยชาติ เพราะเผ่าพันธุ์มนุษย์สืบเชื้อสายมาจากท่าน เพราะหลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมโลก ไม่มีใครรอดชีวิตจากเหตุการณ์นี้เลยนอกจากนูฮ บรรดาลูก ๆ ของท่านและสาวกผู้ซื่อสัตย์บางคนเท่านั้น
{37:75} อันที่จริงนูหฺได้วิงวอนขอต่อเรา ดังนั้นผู้ตอบสนองช่างประเสริฐเสียนี่กระไร!
{37:76} และเราได้ช่วยเขาและชุมชนของเขาให้พ้นจากทุกข์ภัยอันมหันต์
{37:77} และเราได้ให้วงศ์วานของเขายังคงมีชีวิตอยู่
{37:78} และเราได้จรรโลงในกลุ่มชนรุ่นหลัง
{37:79} ความศานติจงมีแด่นูหฺในสากลโลก
{37:80} แท้จริง เช่นนั้นแหละเราจะตอบแทนผู้กระทำความดีทั้งหลาย
{37:81} แท้จริง เขาอยู่ในปวงบ่าวของเราผู้มีศรัทธา
{37:82} แล้วเราได้ให้พวกอื่นจมน้ำตาย
{11:40} จนกระทั่งเมื่อคําบัญชาของเราได้มา และน้ำได้พวยพุ่งออกจากเตา เรากล่าวว่า “จงบรรทุกไว้ในเรือจากทุกชนิดเป็นคู่ ๆ และครอบครัวของเธอด้วย -เว้นแต่ผู้ที่พระดํารัสได้กําหนดแก่เขาไว้ก่อน- และผู้มีศรัทธา” แต่ไม่มีผู้มีศรัทธาร่วมกับเขานอกจากจํานวนเล็กน้อย
3. นูหฺมีอายุยืนและใช้เวลาในการเผยแพร่ศาสนายาวนานที่สุด
{29:14} และโดยแน่นอนเราได้ส่งนูหฺไปยังหมู่ชนของเขา และเขาได้อยู่ร่วมกับพวกเขาหนึ่งพันปีเว้นห้าสิบปี
นักวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในประเด็นเกี่ยวกับอายุของท่านศาสดานูหฺว่าท่านมีอายุ 950 ปีหรือว่าท่านทำหน้าที่เป็นศาสดา 950 ปีกันแน่ รายงานจากก็อตาดะฮฺว่า กล่าวกันว่าอายุของนูหฺรวมแล้ว 950 ปี อยู่กับพวกเขาก่อนจะสั่งสอนพวกเขา 300 ปี สั่งสอนพวกเขา 300 ปี และมีชีวิตหลังจากน้ำท่วมโลก 350 ปี (ดู อิบนุกะษีร) คำว่า {เขาได้อยู่ร่วมกับพวกเขาหนึ่งพันปีเว้นห้าสิบปี} คือการใช้ชีวิตร่วมกับพวกเขา ซึ่งย่อมหมายถึงการใช้ชีวิตก่อนการเป็นศาสดา และหลังจากอุทกภัยอีกด้วย เพราะนูหฺยังอยู่กับลูก ๆ และสาวกของท่านหลังจากอุทกภัยอีกชั่วระยะเวลาหนึ่ง นอกจากนี้คัมภีร์เตารอฮฺ (คัมภีร์พระธรรมเดิม) ระบุว่าหลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมโลก ศาสดานูหฺยังมีชีวิตอยู่อีกถึง 350 ปีและเสียชีวิตตอนอายุ 950 ปี (พระธรรมปฐมกาล 9:28-29)
ประวัตินบีนุฮฺ อะลัยฮิสลาม
หลังการบูชารูปเจว็ด อัลลอฮฺทรงส่งท่านนบีนุฮฺ (ดังนั้น ท่านนบีนุฮฺจึงถือเป็นนะบีท่านที่สองในบรรดานบีและร่อซูล) เพื่อมาฟื้นฟูศาสนาของท่านนบีอาดัมและสอนลูกหลานของท่านนบีอาดัม ตั้งแต่ท่านนบีนุฮฺมาประกาศเทศนาสู่การศรัทธาให้เอกภาพแด่อัลลอฮฺ ก็มีกลุ่มต่อต้านออกมายืนหยัดในสิ่งที่เขาและบรรพบุรุษได้กระทำ ท่านนบีนุฮฺจึงต้องทำงานหนักมาก อายุของท่านมากกว่าพันปี ในอัลกุรอานบอกว่านบีนุฮฺใช้เวลาดะอฺวะฮฺ 950 ปี ทำทุกวิถีทาง ทั้งในเชิงลับและเปิดเผย ใช้เสียงเบาและเสียงดัง พูดกับคนทุกวัย
อิมามกุรฏุบียฺได้รายงานว่า ท่านนะบีนูหฺได้เทศนาเวลานานพอสมควร ถึงแม้กลุ่มต่อต้านจะยืนหยัดในเรื่องชิริก (การตั้งภาคีต่อพระผู้เป็นเจ้า) ให้ผู้ใหญ่สืบทอดเรื่องชิริกกับลูกหลานอย่างต่อเนื่อง มีผู้ใหญ่จูงมือลูกมาหานะบีนูหฺแล้วบอกว่า "คนนี้เป็นคนบ้า อย่าฟังมัน อย่าเชื่อมัน" บ้านเราก็มี ประเทศมหาอำนาจสอนว่า "ไอ้พวกมุญาฮิดีนอย่าไปฟังมัน มันคนบ้า ก่อการร้าย" และนักเผยแผ่ศาสนาอิสลามก็ถือว่าเป็นคนเร่ร่อน คนไม่มีความเจริญ อย่าไปฟังมัน อย่าไปยุ่งกับมัน
ในทุกยุคสมัยเราจะได้เห็นฝ่ายต่อต้านสัจธรรม(คือต่อต้านบรรดานะบีและร่อซูล) เมื่อกลับไปศึกษาอัลกุรอาน เรื่องนบีนุฮฺ นบีฮูด นบีซอลิหฺ หรือนบีต่าง ๆ ต้องมีฝ่ายต่อต้าน ทั้งๆที่เป็น(ผู้นำ)สัจธรรม(มาเผยแผ่) นั่นเป็นบทเรียนให้เห็นว่าคนที่ยึดในสัจธรรมต้องมีศัตรู เพราะฉะนั้นใครที่ยึดมั่นในความจริงต้องทำใจ เพราะนะบีและร่อซูลทุกท่านที่มาประกาศสัจธรรมก็ยังถูกต่อต้าน
" ท่านนบีมุฮัมมัด ได้รับวะฮียฺครั้งแรกท่านนบียังไม่รู้ว่าเป็นวะฮียฺ ก็ไปปรึกษาลุงของเขาชื่อ วะเราะเกาะฮฺ อิบน เนาฟัล ถามว่าที่เขาเห็นที่เขาได้ยินคืออะไร วะเราะเกาะฮฺซึ่งนับถือศาสนาคริสต์ที่ยังไม่บิดเบือน บอกว่า "ถ้าหากที่ท่านพูดจริง แสดงว่าที่ท่านเจอคือญิบรีล และที่ท่านได้ยินคือ วะฮียฺที่มาจากพระผู้เป็นเจ้า และถ้าฉันมีชีวิต ฉันจะช่วยท่านขณะที่ท่านถูกขับไล่จากมักกะฮฺ" ตอนนั้นนบียังอยู่ในมักกะฮฺและยังไม่มีปัญหากับเครือญาติแต่ประการใด นบีจึงบอกว่า "ญาติฉันจะไล่ฉันออกจากมักกะฮฺหรือ" วะเราะเกาะฮฺบอกว่า "หลานเอ๋ย ไม่มีใครนำสัจธรรมเหมือนสัจธรรมของท่าน เว้นแต่ต้องมีศัตรู" นี่คือบทเรียน เช่นเดียวกับในสมัยท่านนะบีนูหฺ ที่เริ่มมีศัตรูต่อต้านอะกีดะฮฺ ต่อต้านอีหม่าน "
สมัยท่านนบีนูฮฺมีเหตุการณ์ใหญ่เกิดขึ้นบนโลกใบ คือ น้ำท่วมโลก คนส่วนมากหรืออุละมาอฺบางท่านเข้าใจว่าเหตุการณ์น้ำท่วมนั้นท่วมทั่วโลก และมนุษย์ที่เหลือจากน้ำท่วมคือลูกของนะบีนูหฺไม่กี่คน เรื่องนี้มีน้ำหนักมากในหนังสือตำราประวัติศาสตร์ของนะบีและร่อซูล เช่น อิบนิกะซีร อิบนิญะรีร อัฏฏ็อบรอนี
" แต่มีทัศนะอุละมาอฺบางท่านบอกว่าเรื่องน้ำท่วมโลก มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนเล็กน้อย เพราะไม่มีหลักฐานชัดเจนที่บอกว่าน้ำท่วมทั่วโลก มีหลักฐานว่าอัลลอฮฺทรงลงโทษกลุ่มชนของท่านนะบีนูหฺเนื่องจากไม่ยอมรับสัจธรรมที่ท่านนะบีนูหฺนำมาสั่งสอน อัลลอฮฺทรงลงโทษให้จมน้ำ และน้ำท่วมทั่วบ้านทั่วเมืองจนไม่มีใครรอด แต่ไม่มีหลักฐานว่าน้ำท่วมทั่วโลกและมนุษย์ตายกันหมดเลย
" บางคนเอาข้อมูลมาจากการ์ตูน ส่วนหนึ่งเป็นความจริงมีระบุ เช่น นะบีนูหฺสร้างเรือจริง สัตว์ที่ท่านนะบีนูหฺนำมา ในอัลกุรอานอัลลอฮฺระบุว่าให้นำสัตว์ทุกชนิดเป็นคู่(ตัวผู้กับตัวเมีย)ขึ้นเรือ แต่ไม่ได้หมายถึงเอามนุษย์สองคน บางรายงานบอกว่ากลุ่มชนที่ศรัทธาต่อท่านนบีนูฮฺมีประมาณ 300 คน (จากการเทศนา 950 ปี) แต่กลุ่มชนกาเฟรมีเป็นพันหรืออาจเป็นหมื่นเป็นแสน ทำให้เราต้องตระหนักว่าปริมาณคนที่ตอบรับสัจธรรมไม่ถือว่าเป็นเครื่องหมายหรือเครื่องวัดผลงาน คนทำงานแล้วมีคนตามเยอะ ไม่ใช่ว่าเขาประสบสำเร็จ เพราะถ้าหากถือว่าคนที่มีคนตามเยอะประสบความสำเร็จ ก็แสดงว่านักร้องสมัยนี้เก่งกว่านะบี เพราะคนเลื่อมใสคนตามมาก "
" ท่านนบีนูฮฺได้สร้างเรือและนำมนุษย์และสัตว์ต่าง ๆ หนีน้ำท่วม เป็นสัญลักษณ์ที่อัลลอฮฺบอกไว้กับนบีนูฮฺว่าถ้าเห็นน้ำพุ่งจากเตาอบ(สมัยก่อนทำจากดิน ลักษณะเหมือนอุโมงค์หรือถ้ำ แล้วใส่ฟืนเข้าไป) แสดงว่าน้ำจะท่วมแล้ว ท่านนบีนูฮฺก็เรียกศรัทธาชนให้ขึ้นบนเรือ และให้บรรดาผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้พยายามรณรงค์เพื่อหนีพ้นจากน้ำ แต่ที่แปลกคือคนสำคัญมากสำหรับนบีนูฮฺไม่ยอมขึ้น ลูกชายนบีนูฮฺ (นะบีนูหฺมีลูกหลายคน คือ ซาน ฮาน ยาซิร และกันอาน) มีรายงานว่ากันอานหรืออีกคนหนึ่งที่ฝืนนบีนูฮฺ ไม่ขึ้นเรือ เพราะไม่ยอมศรัทธาในอะกีดะฮฺของนบีนูฮฺ นบีนูฮฺเรียกลูกขึ้นเรือ "
قَالَ سَآوِي إِلَىٰ جَبَلٍ يَعْصِمُنِي مِنَ الْمَاءِ ۚ قَالَ لَا عَاصِمَ الْيَوْمَ مِنْ أَمْرِ اللَّـهِ إِلَّا مَن رَّحِمَ ۚ وَحَالَ بَيْنَهُمَا الْمَوْجُ فَكَانَ مِنَ الْمُغْرَقِينَ ﴿٤٣
ความว่า : "เขา (ลูกชาย) กล่าวว่า ฉันจะไปอาศัยภูเขาลูกหนึ่ง มันจะคุ้มครองฉันจากน้ำนี้ได้ เขา (นูฮฺ) กล่าวว่า ไม่มีผู้ใดคุ้มครองในวันนี้จากพระบัญชาของอัลลอฮฺ เว้นแต่ผู้ที่พระองค์ทรงเมตตา และคลื่นได้ซัดเข้ามาระหว่างเขาทั้งสอง และเขา (ลูกชาย) ได้อยู่ในหมู่ผู้จมน้ำ" [ฮูด 11:43]
" เป็นบทเรียนสำหรับคนที่อบรมลูกหลาน เมื่อทำหน้าที่แล้ว แต่ลูกเกเร ไม่เชื่อฟัง ไม่ทำความดีกับบิดามารดา ไม่ต้องเสียใจ เราไม่ขาดทุน ไม่บกพร่อง แต่ต้องรู้สึกเสียใจเมื่อเราบกพร่องในการเลี้ยงดูลูกหลานของเรา บางคนบอกว่าฉันสอนลูกอย่างดี ส่งไปโรงเรียนคริสต์ที่ดีที่สุด อะไรที่เป็นอุปกรณ์ให้ความรู้ซื้อให้หมด แม้แต่ซีดีเกม โรงหนังทั่วประเทศลูกฉันเข้าหมด แล้วทีหลังมาหาว่าลูกหนีไป นั่นไม่มีการอบรมที่ถูก ต้องอบรมอย่างบรรดานบีและร่อซูล สอนอัลกุรอาน หะฟัซกุรอานทั้งเล่มแล้วทีหลังไม่เอากุรอาน แบบนี้เรียกว่าอบรมอย่างดีแล้ว อันนี้เป็นบทเรียนที่เราต้องนำมาใช้ในชีวิต
ที่มา : เรียบเรียงจากการบรรยายของ เชคริฎอ อะหมัด สมะดี, 2547-01-02 ชีวประวัติท่านนบีมุฮัมมัด