การถือศีลอด สิ่งดีๆ ที่มีมานานแล้ว
ในช่วงเดือนมีนาคมปีนี้ (พ.ศ. 2568) หากใครได้ดูฟุตบอลพรีเมียร์ลีกของอังกฤษ หรือในประเทศอื่นของยุโรป จะมีโอกาสเห็นภาพกรรมการเป่านกหวีด หยุดเล่นสักครู่ เพื่อให้นักฟุตบอลบางคนจากทั้งสองฝ่ายกินน้ำและผลไม้ ประมาณห้านาที กรรมการก็จะเป่านกหวีด ให้ทั้งสองฝ่ายเล่นต่อ
แฟนฟุตบอลหลายคนอาจแปลกใจทั้งๆ ที่ในตอนนั้นไม่ใช่เวลาพักครึ่งแรก หรือเลยเวลาพักครึ่งแรกมาแล้ว การหยุดพักพิเศษระหว่างเกมนั้น เป็นการให้เวลาแก่นักฟุตบอลมุสลิม ได้ละศีลอดเมื่อดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า นี่คือ การให้เกียรติแก่นักฟุตบอลมุสลิม ที่มีอยู่ในแทบทุกสโมสรฟุตบอลของยุโรป
การถือศีลอดในเดือนรอมฎอน เป็นศาสนบัญญัติหนึ่งในห้าประการ ที่มุสลิมผู้บรรลุวัยผู้ใหญ่ทั้งชายและหญิงต้องปฏิบัติ การจงใจไม่ถือศีลอดในเดือนรอมฎอนถือเป็นบาปใหญ่
การถือศีลอด คือการงดเว้นจากการกินและดื่ม ตั้งแต่แสงอาทิตย์แรกปรากฏบนท้องฟ้าจนกระทั่งดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าในตอนค่ำ แม้มุสลิมในยุโรปต้องถือศีลอดในเวลากลางวันที่อาจยาวถึง 17 ชั่วโมง แต่ภาพการละศีลอดในสนามฟุตบอลแสดงให้เห็นว่าการถือศีลอดไม่เป็นอุปสรรคต่ออาชีพการเล่นฟุตบอลที่ต้องใช้พลังและเสียเหงื่อมาก
การถือศีลอด ไม่ใช่การทรมานตน เพราะถ้าเป็นการทรมาน นักฟุตบอลมุสลิมก็คงไม่ถือศีลอดในขณะเล่นฟุตบอล และการถือศีลอดไม่เคยเป็นสาเหตุให้เสียชีวิต ไม่เคยมีข่าวว่ามีคนตายเพราะถือศีลอด ทั้งนี้เนื่องจาก หลักการอิสลามมีข้อยกเว้นให้ผู้ป่วยไม่ต้องถือศีลอด
ความจริงแล้ว การงดเว้นจากการกินและดื่ม ในช่วงเวลาสิบกว่าชั่วโมงขึ้นไปเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพ ปัจจุบัน มีคนนิยมอดอาหารด้วยการทำสิ่งที่เรียกว่า IF 18/6 กล่าวคือ อดอาหาร 18 ชั่วโมงและกินหกชั่วโมง เพื่อวัตถุประสงค์ในการลดน้ำหนัก รักษาสุขภาพและทรวดทรง
แม้จะอดอาหารเหมือนกัน แต่การอดอาหารสองแบบที่กล่าวมานั้น มีความแตกต่างกัน การถือศีลอดในเดือนรอมฏอนมีวัตถุประสงค์สำคัญคือการแสดงความเคารพสักการะพระเจ้าและควบคุมวิญญาณให้เกิดความยำเกรงพระองค์ สุขภาพเป็นผลพลอยได้ ส่วนการอดอาหารแบบ IF นั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อสุขภาพล้วนๆ ไม่มีเรื่องของจิตวิญญาณเข้ามาเกี่ยวข้องแต่ประการใด
การถือศีลอดด้วยการงดเว้นจากการกินและดื่ม มีอยู่ในทุกอารยธรรมโบราณก่อนหน้านี้ คัมภีร์กุรอานกล่าวว่า “โอ้บรรดาผู้ศรัทธา การถือศีลอดได้ถูกกำหนดแก่สูเจ้าเช่นเดียวกับที่ได้ถูกกำหนดแก่ผู้ที่มาก่อนหน้าสูเจ้า ทั้งนี้เพื่อที่สูเจ้าจะได้เกิดความยำเกรง” (กุรอาน 2:183 )
ประวัติศาสตร์บอกให้เรารู้ว่า ชาวอียิปต์โบราณถือว่า การถือศีลอด เป็นการปฏิบัติศาสนกิจอย่างหนึ่ง
โยคีในอินเดียถือศีลอดต่อเนื่องกันเป็นเวลา 40 วัน เช่นเดียวกับศาสนาเชน
พราหมณ์ในศาสนาฮินดูถือศีลอดทุกวันที่ 11 -12 ของทุกเดือน
โมเสสและพระเยซูก็ถือศีลอดเป็นเวลา 40 วัน
นักบวชในศาสนาโซโรแอสเตอร์ก็มีการถือศีลอด
เจ้าชายสิทธัตถะ ก็ใช้วิธีการอดอาหารและน้ำ เพื่อเป็นหนทางในการแสวงหาสัจธรรม และพระสงฆ์ จะงดอาหารหลังฉันเพล แล้วไปจนถึงอีกวันหนึ่ง
การถือศีลอด เป็นการฝึกควบคุมวิญญาณที่เป็นตัวบงการเนื้อหนังสังขาร การถือศีลอดในอิสลามต้องการให้บทเรียน แก่ผู้ถือศีลอดว่า เมื่อสิ่งจำเป็น เช่น ข้าวและน้ำยังสามารถละเว้นได้ ทำไม อบายมุขไม่จำเป็น จะงดเว้นไม่ได้?
บทความที่น่าสนใจ