สถานที่ที่ควรไปเยี่ยม (ซิยาเราะห์) ในนครมะดีนะห์ ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ เช่น สุสานบะเกียะอ์ ภูเขาอุฮุด ภูเขารุมาห์ เป็นต้น
นครมะดีนะห์ หรือเรียกว่า เมดีนา (Medina) เป็นนครที่สำคัญทางศาสนาอิสลามอันดับที่สองรองจากมักกะฮ์ ตั้งอยู่ในประเทศซาอุดีอาระเบีย เป็นนครของศาสนทูตมุหัมมัด ซึ่งศพของท่านฝังอยู่ในมัสยิดนะบะวีย์
สถานที่ที่ควรไปเยี่ยม (ซิยาเราะห์) ในนครมะดีนะห์
1. สุสานบะเกียะอ์
สุสานบะเกียะอ์ หรือ กุโบร์บะเกียะอ์ เป็นสุสานของนครมะดีนะห์ ที่มาตั้งแต่สมัยท่านนบี (ซ.ล.) จนถึงปัจจุบัน ในสุสานนี้มีร่างของบรรดาซอฮาบะห์(ร.ด.) ฝังอยู่มากกว่า 10,000 ท่าน บุคคลสำคัญที่ถูกฝังในสุสานแห่งนี้ได้แก่ อะมีรุ้ลมุมินีน อุสมาน บิน อัฟฟาน(ร.ด.) ท่านสะอีด อัลคุดรีย์(ร.ด.) ท่านสะอัด บิน มุอาซ(ร.ด.) และบุตรของท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ (ซ.ล.) คืออิบรอฮีม และรุกอยยะห์
ขออัลลอฮ์ทรงพอพระทัยพวกเขาทุกท่าน ให้กล่าวสลามที่สุสานว่า:
السَّلامُ عَلَيكُمْ دَارَ قَومٍ مُؤْمِنِينَ، وَإنَّا إنْ شَاءَ الله بِكُمْ لاحِقُونَ
อ่านว่า อัสลามมุอะลัยก้า ดาร่อเกามิน มุมินีน ว่าอินนา อินชาอัลลอฮ์ บิกุ้ม ลาฮิกูน
ความว่า “ขอความสันติสุขจงมีแด่ครอบครัวชนชาวมุอ์มินีนผู้ศรัทธา และพวกเรา อินชาอัลลอฮฺ จะได้ตามพวกท่านไปในภายหลัง” บันทึกโดย มุสลิม
สุสานบะเกียะอ์
2. ภูเขาอุฮุด
อุฮุด เป็นเทือกเขาแห่งหนึ่งในนครมะดีนะห์ ห่างจากตัวเมืองราวสิบกิโลเมตร ท่านนบี (ซ.ล.) ได้กล่าวถึงภูเขาอุฮุดว่า “อุฮุดเป็นภูเขาที่รักพวกเราและพวดเราก็รักมัน” บริเวณภูเขาอุฮุดนี้ เคยเป็นสมรภูมิรบระหว่างฝ่ายมุสลิมกับฝ่ายกุรอยช์มักกะห์ ในปีฮิรเราะห์ศักราชที่ 3 ฝ่ายกุรอยช์มีกำลัง 3,000 คน ฝ่ายมุสลิมมีกำลัง 1,000 คน แต่อัลดุลเลาะห์ บิน อุบัยย์ หัวหน้ามานาฟิกีน ได้ถอนกำลังกลบไป 300 คน ฝ่ายมุสลิมจึงเหลือเพียง 700 คนเท่านั้น
ภูเขาอุฮุด
3. ภูเขารุมาห์
เมื่อถึงอุฮุด ท่านนบี (ซ.ล.) ได้สั่งการให้นักแม่นธนูจำนวน 50 คน ขึ้นไปประจำอยู่บนภูเขาที่อยู่ใกล้ๆ กันนั้น ต่อมาได้ชื่อว่า ภูเขารุมาห์ เพื่อยิงสกัดกำลังของศัตรูที่จู่โจมเข้ามา และได้กำชับพวกเขาให้รักษาที่มั่นไว้ อย่าทิ้งมันลงมาไม่ว่าฝ่ายมุสลิมจะชนะหรือเพลี่ยงพล้ำก็ตาม เมื่อเกิดการปะทะกัน ในครั้งแรกกำลังของฝ่ายกุรอยช์พบกับความพ่ายแพ้ และคงต้องพ่ายแพ้อย่างราบคาบ ถ้าหากพลธนูเหล่านั้นไม่ขัดขืนคำสั่ง และละทิ้งที่มั่นเพื่อเก็บทรัพย์สินติดตัวศัตรูที่ถูกสังหาร เพราะพวกเขาเข้าใจว่า ฝ่ายมุสลิมได้รัยชนะเด็ดขาดแล้ว
คอลิด บิน วะลีด ในสมรภูมิคราวนี้เขายังอยู่กับฝ่ายศัตรู เพราะยังไม่ได้เข้ารับอิสลาม เมื่อเห็นว่าไม่มีพลธนูอยู่บนภูเขา จึงนำกำลังส่วนหนึ่งเข้าตีโอบอย่างรวดเร็วและหนักหน่วง จนกำลังของฝ่ายมุสลิมรวมตัวกันไม่ติดและแตกกระเจิง
ในสมรภูมินี้ฝ่ายมุสลิมถูกสังหาร 70 คน ฝ่ายศัตรูถูกสังหาร 23 คน ฝ่ายศัตรูได้กระทำทารุณต่อศพของมุสลิมอย่างโหดเหี้ยม และฮัมซะห์ บินอัลดุลมุตตอลิบ ลุงของท่านนบี (ซ.ล.) ถูกลอบสังหารด้วยน้ำมือของชายคนหนึ่งชื่อ วะฮ์ชีย์ และมีหญิงคนหนึ่งใช้มีดผ่าท้องของฮัมซะห์ แล้วควักเอาตับออกมาเคี้ยวแล้วคายทิ้งไป ท่านนบี(ซ.ล.) โศกเศร้าเสียใจมากและมีคำสังให้ฝังนักรบมุสลิมที่ถูกสังหารทั้งหมดในชุดที่พวกเขาถูกสังหาร
4. สุสานนักรบที่อุฮุด
ในภาพคือสุสานของท่านฮัมซะห์ บิน อับดุลมุตตอลิบ และนักรบชะฮีดอีกสองท่าน ให้กล่าวสลามว่า:
اَلسَّلاَ مُ عَلَيْكَ يَا خَمْزَةُ عَمَّ رَسُوْلِ اللهِ اَلسَّلاَمُ عَلَيْكُمْ يَا شُهَدَاءَ أُحُدٍ
อ่านว่า อัสลามมุอะลัยก้า ยาคอมซะตุ อัมมะ รอซูลิลลาฮิ อัสลามมุอะลัยกุม ยาชุฮาดาอ้า อ้าฮุดิน
หลุมฝังศพของท่านฮัมซะห์ บิน อับดุลมุตตอลิบ