มุสลิมะห์ที่ใส่นิกอบ (ผ้าปิดหน้า แต่เปิดตาทั้งสอง) แต่ลงรูปในโลกโซเซียลบาปไหมคะ?
คำถาม : มุสลิมะห์ที่ใส่นิกอบ (ผ้าปิดหน้า แต่เปิดตาทั้งสอง) แต่ลงรูปในโลกโซเซียลบาปไหมคะ?
ตอบโดย อ.มุรีด ทิมะเสน
เหนืออื่นใดต้องทำความเข้าใจกับมุสลิมะฮฺก่อนว่า ที่ศาสนาอิสลามลงบัญญัติเกี่ยวกับการคลุมฮิญาบ หรือการปิดหน้านั้น เพื่อไม่ต้องการให้มุสลิมะฮฺอวดโฉมของนาง การแสดงออกซึ่งความสวยงามของมุสลิมะฮฺถือว่าเป็นปัจจัยหลักในการปกปิดร่างกายนั่นเอง
พระองค์อัลลอฮฺทรงตรัสไว้ว่า :
وَقَرْنَ فِي بُيُوتِكُنَّ وَلَا تَبَرَّجْنَ تَبَرُّجَ الْجَاهِلِيَّةِ الْأُولَى
“และจงอยู่ในบ้านเรือนของพวกนางเถิด และอย่าได้โอ้อวดความงาม (ของพวกนาง) เช่นการอวดความงาม (ของสตรี) แห่งสมัยงมงายในยุคก่อน”
ดังนั้น การอวดโฉมความสวยงามของมุสลิมะฮฺจึงเป็นที่ต้องห้ามด้วยเหตุผลจากอายะฮฺกุรฺอ่านข้างต้น
ประเด็นถัดมา สตรีที่คลุมหิญาบ หรือสวมใส่นิกอบ หรือถ้านางปิดหน้านั้น นางได้กระทำตามบทบัญญัติที่ศาสนาที่ได้วางไว้ นั่นถือว่าผ่านแล้วในลำดับหนึ่ง ส่วนถ้านางคลุมหิญาบ หรือสวมใส่นิกอบเปิดตาทั้งสอง ซึ่งผู้ถามเน้นว่าใส่นิกอบปิดหน้า แล้วถ่ายรูป จากนั้นนำมาโพสลงเฟส ลงโซเซี่ยล ขอตั้งคำถามก่อนว่า โพสลงโซเซียล....เพื่อ? เพื่อเป้าหมายอะไร? ไม่มีคำตอบอื่นไม่ได้นอกจากเพื่อต้องการอวดความสวย หรืออวดว่าปิดหน้าแล้วยังแลดูสวยงาม อะไรประมาณนี้ ซึ่งในเมื่อหลักการระบุว่า มุสลิมะฮฺให้ปกปิดความสวย ฉะนั้นไม่มีเหตุอันใดที่จะมีข้อยกเว้นให้มุสลิมะฮฺลงรูปในโซเซียล แม้ว่านางจะปิดใบหน้าของนางก็ตาม เพราะมุสลิมะฮฺบางคนปิดหน้า เห็นตาทั้งสองก็ยังแลดูสวยงามอยู่ดี
ท่านรสูลุลลอฮฺกล่าวว่า :
«المَرْأَةُ عَوْرَةٌ، فَإِذَا خَرَجَتْ اسْتَشْرَفَهَا الشَّيْطَانُ»
“สตรีคือ สิ่งปกปิด (เอาเราะฮฺ) เมื่อนางออก (มายังนอกบ้านของนาง) ชัยฏอนจะทำให้นางเป็นจุดสนใจ (แลดูสวยงามเป็นที่ปรารถนาของเหล่าบุรุษ)”
เห็นไหมว่า ขนาดมุสลิมะฮฺเดินออกนอกบ้าน ชัยฏอนยังทำให้นางรู้สึกว่านางสวย นางเป็นจุดสนใจของเหล่าบุรุษ สำมะหาอะไรกับการลงรูปของตัวเองลงเฟสที่แผ่ขจายไปทั่วทุกสารทิศ มีหรือชัยฏอนจะไม่ทำหน้าที่ของมันอย่างเต็มที่?
สรุปคือ ไม่อนุญาตให้มุสลิมะฮฺลงรูปตัวเองในเฟสบุ๊ค ไม่ว่านางจะคลุมหิญาบ หรือใส่นิกอบ (ปิดหน้า แต่เปิดตาทั้งสอง) ก็ตาม อย่างน้อยที่สุดของหุก่ม (ข้อชี้ขาด) ในเรื่องนี้คือ ฟิตนะฮฺ (สิ่งไม่ดี) อันจะเกิดขึ้นในสังคมนั่นเอง
ท่านรสูลุลลอฮฺกล่าวว่า :
«مَا تَرَكْتُ بَعْدِي فِتْنَةً هِيَ أَضَرُّ عَلَى الرِّجَالِ مِنَ النِّسَاءِ»
“สิ่งซึ่งเป็นฟิตนะฮฺ (ความวุ่วาย) ที่ฉันทิ้งไว้ภายหลังฉันเสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งสร้างความเสียหายยิ่งให้แก่บุรุษ ก็คือ สตรี” (วัลลอฮุอะอฺลัม)