ทำไมอิสลามไม่สนับสนุน ‘เคาท์ดาวน์ปีใหม่’ ทั้งที่ใครๆ ก็ทำ?

ทำไมอิสลามไม่สนับสนุน ‘เคาท์ดาวน์ปีใหม่’ ทั้งที่ใครๆ ก็ทำ?
ทำไมอิสลามไม่สนับสนุน ‘เคาท์ดาวน์ปีใหม่’ ทั้งที่ใครๆ ก็ทำ?

ทำไมอิสลามไม่สนับสนุน ‘เคาท์ดาวน์ปีใหม่’ ทั้งที่ใครๆ ก็ทำ?

ทุกปลายปี เมื่อเสียงนับถอยหลังดังขึ้นในหลายพื้นที่ คำถามหนึ่งที่ถูกพูดถึงในสังคมมุสลิมมาโดยตลอดคือ

“เคาท์ดาวน์ปีใหม่…ใช่สิ่งที่มุสลิมควรมีส่วนร่วมหรือไม่?”

กิจกรรมเคาท์ดาวน์ (Countdown) เป็นธรรมเนียมสากลของผู้คนต่างศาสนา ที่นับถอยหลังเข้าสู่เวลา 00.00 น. ของวันที่ 1 มกราคม เพื่อเฉลิมฉลองการเริ่มต้นปีใหม่ตามปฏิทินสากล หลายคนมองว่านี่คือช่วงเวลาแห่งความสนุก ความสุข และการเฉลิมฉลอง

อย่างไรก็ตาม ในมุมมองของหลักการอิสลาม นักวิชาการจำนวนมากอธิบายว่า
การเฉลิมฉลองวันปีใหม่แบบสากล ไม่ได้มีรากฐานในบทบัญญัติอิสลาม

ในศาสนาอิสลาม วันอีดที่ถูกกำหนดไว้อย่างชัดเจนมีเพียง

  • อีดิ้ลฟิฏริ
  • อีดิ้ลอัฎฮา
  • และหากนับวันญุมอะฮ์ด้วย ก็ถือเป็นวันสำคัญของมุสลิม

ด้วยเหตุนี้ การเข้าร่วมพิธีหรือการเฉลิมฉลองที่เป็นเอกลักษณ์ของศาสนาอื่น จึงถูกมองว่าเข้าข่าย การเลียนแบบ (ตะชับบุฮ์) ซึ่งมีคำเตือนในหะดีษของท่านนบีมุฮัมมัด (ซ.ล.)ว่ า

“บุคคลใดประพฤติตนเลียนแบบกลุ่มหนึ่ง เขาก็เป็นส่วนหนึ่งจากกลุ่มนั้น” (บันทึกโดยอบูดาวูด: 4031)

นอกจากมิติทางศาสนาแล้ว ยังมี มุมมองทางประวัติศาสตร์ ที่ถูกหยิบยกมาพูดถึงในโลกมุสลิม โดยเฉพาะเหตุการณ์การล่มสลายของอาณาจักรอิสลามในแคว้นอัลอันดะลุส (สเปน) ช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 15 ซึ่งตรงกับช่วงต้นเดือนมกราคม

วันที่ 1 มกราคม มีความเชื่อมโยงกับช่วงเวลาการล่มสลายของอาณาจักรมุสลิมอัลอันดะลุส โดยเฉพาะการสูญเสียเมืองฆอรนาเฏาะฮ์ (Granada) ซึ่งถือเป็นจุดจบของการปกครองของมุสลิมในสเปน หลังยืนหยัดมานานเกือบ 800 ปี

หลังจากนั้น ชาวมุสลิมในดินแดนดังกล่าว ถูกกดขี่ บังคับเปลี่ยนศาสนา ปิดมัสยิด เผาคัมภีร์ และทำลายอัตลักษณ์อิสลามอย่างเป็นระบบ

ด้วยเหตุนี้ นักวิชาการบางส่วนจึงมองว่า การเฉลิมฉลองปีใหม่ในรูปแบบดังกล่าว ไม่เพียงไม่สอดคล้องกับหลักอิสลาม แต่ยังสะท้อนความเจ็บปวดทางประวัติศาสตร์ของประชาชาติมุสลิมอีกด้วย

แม้ในโลกปัจจุบัน การเฉลิมฉลองปีใหม่จะถูกทำให้เป็นกิจกรรมสากลที่แยกออกจากบริบททางศาสนาไปมากแล้ว

แต่สำหรับมุสลิม คำถามสำคัญไม่ใช่แค่ “คนอื่นทำได้ไหม”

แต่อยู่ที่ว่า “สิ่งนี้สอดคล้องกับอัตลักษณ์และอีมานของเราหรือไม่”

บทเรียนจากเรื่องนี้จึงไม่ใช่การตำหนิใคร

แต่คือการ ชวนมุสลิม โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ให้รู้ที่มา รู้หลักการ และตัดสินใจด้วยความรู้

เพราะบางครั้ง…การรักษาอัตลักษณ์ทางศาสนา อาจเริ่มต้นจากการ “ไม่ทำตามกระแส” แม้กระแสนั้นจะดังแค่ไหนก็ตาม

والله أعلم بالصواب

อัลลอฮ์ทรงรอบรู้ยิ่งในสิ่งที่ถูกต้อง

https://islamhouse.muslimthaipost.com/article/23960

บทความที่น่าสนใจ