หน้าที่ของผู้ที่เป็นพ่อที่เป็นมุสลิม คือ เขาต้องเป็นผู้ที่ดำรงไว้ซึ่งคุณลักษณะของความเป็นพ่อ เริ่มตั้งแต่ก่อนการมีลูกเขาต้องเลือกเฟ้นคนที่มาเป็นคุณแม่ของลูก เมื่อเขารับริสกีที่เรียกว่าลูก
หน้าที่ของผู้ที่เป็น “พ่อ”
اَلْحَمْدُ لِلَّهِ بَدِيْعُ اْلاَرْضِ وَالسَّمَاوَاتِ . يَعِزُّ مَنْ تَمَسَّكَ بِإِشْرَافِ الْعَادَاتِ . وَيُكْرِمُ مَنْ تَعَلَّقَ باِكْرَامِ الصِّفَاتِ . وَأَشْهَدُ أَنْ لاَ إِلَهَ إِلاَّ اللهُ نَهَىْ عَنِ التَّشَبُّهِ بِأَهْلِ الْكِتَابِ . وَ أَشْهَدُ أَنَّ مُحَمَّدًا رَسُوْلُ اللهِ آتَاهُ اللهُ الْحِكْمَةَ وَفَضْلَ الْخِطَابِ . اَللَّهُمَّ صَلِّ وَسَلِّمْ عَلَى مُحَمَّدٍ وَعَلَى آلِهِ وَصَحْبِهِ اُوْلِي اْلأَلْبَاِب . اَلَّذِيْنَ تَخَلَّقُوْا بِأَخْلاَقِ نَبِيِّهِمْ . وَتَمَسَّكُوْا بِعَادَات دِيْنِهِمْ . وَلَمْ يَسْلُكُوْا سَبِيْلاً غَيْرَسَبِيْلِ الْمُؤْمِنِيْنَ . فَرَضِيَ اللهُ عَنْهُمْ أَجْمَعِيْنَ .
أَمَّا بَعْدُ فَيَا عِبَادَ اللهِ . اُوْصِيْكُمْ وَنَفْسِيْ أَوَّلاً بِتَقْوَى اللهِ تَعَالَى وَطَاعَتِهِ . فَقَدْ قَالَ اللهُ تَعَالَى فِي الْقُرْآنِ الْكَرِيْمِ : وَالْعَصْرِ إِنَّ اْلإِنْسَانَ لَفِيْ خُسْرٍ إِلاَّ الَّذِيْنَ آمَنُوْا وَعَمِلُوا الصَّالِحَاتِ وَتَوَاصَوْا بِالْحَقِّ وَتَوَاصَوْا بِالصَّبْرِ .
พี่น้องร่วมศรัทธาที่รัก
หน้าที่ของผู้ที่เป็นพ่อที่เป็นมุสลิม คือ เขาต้องเป็นผู้ที่ดำรงไว้ซึ่งคุณลักษณะของความเป็นพ่อ เริ่มตั้งแต่ก่อนการมีลูกเขาต้องเลือกเฟ้นคนที่มาเป็นคุณแม่ของลูก เมื่อเขารับริสกีที่เรียกว่าลูก เขาต้องดำเนินการดังต่อไปนี้ ตั้งชื่อของลูกด้วยนามชื่อที่เป็นศิริมงคล เชือดสัตว์ทำอากีเกาะห์ในวันที่ 7 นับจากคลอดออกจากครรภ์มารดา ทำการเข้าสุนัต(คิตาน) ให้ความสงสารเมตตาอาทร เลี้ยงดูด้วยความเต็มใจ อบรมบ่มนิสัยด้วยวัฒนธรรมของอิสลาม รู้และเข้าใจศาสนา ฝึกฝนให้ปฏิบัติของที่เป็นฟัรดูและสุนัตจนเกิดความเคยชิน พร้อมให้ได้รับมารยาทที่ดีงาม เมื่อถึงวัยอันสมควรที่จะมีครอบครัวก็ต้องจัดการให้ หลังจากนั้นถ้าลูกปรารถนาจะคงอยู่ใต้การดูแลของพ่อหรือเอกเทศ ก็ขึ้นอยู่กับความสมัครใจ และเขาจะดำเนินชีวิตด้วยลำแข้งของเขาเอง
อัลลอฮ์ตรัสว่า
يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا قُوا أَنفُسَكُمْ وَأَهْلِيكُمْ نَارًا وَقُودُهَا النَّاسُ وَالْحِجَارَةُ عَلَيْهَا مَلائِكَةٌ غِلاظٌ شِدَادٌ لا يَعْصُونَ اللَّهَ مَا أَمَرَهُمْ وَيَفْعَلُونَ مَا يُؤْمَرُونَ :سورة التحريم : الآية 6
ความว่า “โอ้บรรดาผู้ศรัทธา เจ้าทั้งหลายจงคุ้มครองตัวของพวกเจ้าและครอบครัวของพวกเจ้าให้พ้นจากไฟนรก เพราะเชื้อเพลิงของมันนั้นคือมนุษย์และหิน มีมาลาอิกะห์ผู้กล้าหาญคอยเฝ้ารักษามันอยู่ พวกเขาจะไม่ฝ่าฝืนต่ออัลลอฮ์ในสิ่งที่อัลลอฮ์ทรงห้ามแก่พวกเขา และพวกเขาจะปฏิบัติตามในสิ่งที่ถูกใช้”
ในอายะห์โองการนี้ ได้ชี้ชัดให้ผู้ที่เป็นพ่อรักษาครอบครัวที่ประกอบด้วยลูกให้รอดพ้นจากไฟนรก ดังกล่าวนี้ด้วยการตออัตต่ออัลลอฮ์และการตออัตต่ออัลลอฮ์จะเกิดขึ้นได้ด้วยการรู้ว่าสิ่งไหนคือความดีและความชั่ว ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นด้วยการเรียนรู้หน้าที่ต่าง ๆ ระหว่างบ่าวและพระเจ้า และสิ่งที่พึงควรมีต่อมนุษย์ด้วยกัน เพื่อความสุขในอาคิเราะห์และ ในโลกดุนยา
ท่านร่อซู้ลซอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าว
أَكْرِمُوْا أَوْلاَدَكُمْ وَأَحْسِنُوْا أَدَبَهُمْ فَإِنَّ أَوْلاَدَكُمْ هَدِيَّةٌ إِلَيْكُمْ :
رواه ابن ماجه
ความว่า “ท่านทั้งหลายจงทำให้มีเกียรติกับบรรดาลูกของพวกท่าน และทำให้พวกเขาทั้งหลายมีมารยาทที่ดีงาม เพราะแท้จริงบรรดาลูกของพวกท่านเป็นของขวัญแก่พวกท่าน”
มนุษย์ที่เกิดมาในโลกดุนยาใบนี้ อัลลอฮ์ได้ทรงกำหนดริสกีให้แก่เขาแล้ว จะยากจะดีจะมีหรือจะจน ไม่ใช่เหตุที่มนุษย์คิดขึ้นเองโดยการริดรอนสิทธิ์ของลูกที่จะลืมตาดูโลก โดยการทำแท้งบ้าง ฆ่าบ้าง ประดุจการกระทำของยุคยาฮิลียะห์ที่ฆ่าลูกและฝังลูกสาวทั้งเป็น
อัลลอฮ์ตรัสว่า
وَلاَ تَقْتُلُواْ أَوْلادَكُمْ خَشْيَةَ إِمْلاقٍ نَّحْنُ نَرْزُقُهُمْ وَإِيَّاكُم إِنَّ قَتْلَهُمْ كَانَ خِطْءًا كَبِيرًا : سورة الاسراء : الآية 31
ความว่า “และพวกเจ้าอย่าฆ่าลูก ๆ ของพวกเจ้า เพราะกลัวความยากจน เราให้ปัจจัยยังชีพแก่พวกเขา และแก่พวกเจ้าโดยเฉพาะ แท้จริงการฆ่าพวกเขานั้นเป็นความผิดอันใหญ่หลวง”
บรรดานักปราชญ์ได้กล่าวว่า ปัจจัยยังชีพของลูก ๆ และของพวกท่านนั้นเป็นหน้าที่ของอัลเลาะห์ ท่านอย่ากลัวความยากจน เพราะมีลูกมาก การกระทำอย่างนั้นก็ไม่ต่างกับพวกญาฮิลียะห์ ที่ฝังลูกผู้หญิงเพราะกลัวความยากจนและความอับอาย
ท่านนบีมูฮำหมัด(ศ็อลฯ) ถูกถามเกี่ยวกับบาปใหญ่นั้นคืออะไร
ท่านนบีมูฮำหมัด(ศ็อลฯ) ตอบว่า
أَنْ تَجْعَلَ لِلَّهِ نِدًّا وَهُوَخَلَقَكَ. وَأَنْ تَقْتُلَ وَلَدَكَ خَشْيَةً أَنْ يَطْعَمَ مَعَكَ . وَأَنْ تُزَانِيَ بِحَلِيْلِ جَارِكَ . : رواه البخاري ومسلم والنسائي
ความว่า “การที่ท่านสร้างภาคีต่ออัลลอฮ์ในสภาพที่อัลลอฮ์เป็นผู้สร้างท่าน และในการที่ท่านฆ่าลูกของท่านเพราะกลัวจะมาแย่งอาหารท่าน และการที่ท่านผิดประเวณี (ซินา) กับภรรยาเพื่อนบ้านของท่าน”
เป็นการแสดงออกจากคำกล่าวของท่านนบีมุฮำหมัด (ศ็อลฯ) แก่ผู้เป็นพ่อให้มีความรักเอื้ออาทรต่อผู้เป็นลูก มิให้ทำร้ายลูกๆ ด้วยทางตรงหรือทางอ้อม ส่วนหนึ่งจากการทำร้ายและทำลายลูกโดยทางอ้อมนั้นคือ ไม่ได้สอนลูกให้ละหมาดได้ และไม่สอนลูกให้ได้ละหมาด อาจอ้างว่าสงสารลูกต้องตื่นดึก ๆ เพื่อละหมาดซุบฮิ เดี๋ยวไปเรียนหนังสือหลับในห้องเรียน เป็นการกระทำที่ฝืนบัญญัติอิสลาม และให้อันตรายแก่ลูกในอาคีเราะห์ พ่อที่ดีต้องรักลูกทั้งโลกดุนยาและอาคีเราะห์ อย่าให้ความรักแก่ลูกเฉพาะดุนยาอย่างเดียว ท่านนบีมุฮำหมัด (ศ็อลฯ) ได้กำชับเรื่องดังกล่าวว่า
مُرُوْ أَوْلاَدَكُمْ بِالصَّلاَةِ وَهُمْ أَبْنَاءُ سَبْعِ سِنِيْنٍ . وَاضْرِبُوْهُمْ عَلَيْهَا وَهُمْ أَبْنَاءُ عَشْرِ سِنِيْنٍ …… رواه الحاكم والترمذي
ความว่า “ท่านทั้งหลายจงใช้ลูก ๆ ของพวกท่านให้ละหมาดขณะพวกเขามีอายุได้ 7 ขวบ และจงลงโทษพวกเขา(เมื่อพวกเขาละทิ้งละหมาด) เมื่อพวกเขามีอายุได้ 10 ขวบ…”
การลงโทษเพื่อให้ได้มาซึ่งความดีนั้นเรียกว่าความรัก คนโบราณบอกว่ารักวัวให้ผูกรักลูกให้ตีส่วนหนึ่งจากการแสดงออกซึ่งความรักต่อลูกคือต้องเสมอภาคต่อบรรดาลูก ๆ อย่าเหลื่อมล้ำ หรือไม่เท่าเทียมในความรักและการให้ ซึ่งจะนำพาไปสู่ความไม่ปรองดองระหว่างลูก ๆ
ท่านนบีกล่าวว่า
سَاوُوْا بَيْنَ أَوْلاَدِكُمْ فِي الْعَطِيَّةِ فَلَوْكُنْتُ مُفَضِّلاً أَحَدًا لَفَضَّلْتُ النِّسَاءَ : رواه البيهقي والطبراني
ความว่า “ท่านทั้งหลายจงให้มีความเท่าเทียมต่อบรรดาลูก ๆ ในปัจจัยที่ให้ ( عَطِيَّةٌ) ถ้าแม้ข้าพเจ้าเป็นผู้สามารถให้ความเหลื่อมล้ำต่อผู้หนึ่งผู้ใดได้ แน่นอนข้าพเจ้าก็จะให้แก่บรรดาหญิง”
ขอฝากในท้ายคุตบะห์แก่บรรดาคุณพ่อทั้งหลายด้วยคำพูดของท่านอุมัรบุตรคอตต๊อบ ที่ชี้แจงคำว่ารักและหวังดีจากพ่อในยุคของท่านให้รู้ถึงคุณค่าการเรียนรู้และการยิงธนู เพื่อจักได้เผชิญโลก และรักษาตัวเองจากไฟนรกด้วยการสร้างเลือดเนื้อด้วยของฮาล้าลว่า
مِنْ حَقِّ الْوَلَدِ عَلَى الْوَالِدِ أَنْ يُعَلِّمَهُ الْكِتَابَةَ وَالرِّمَايَةَ وَ أَلاَّ يَرْزُقَهُ إِلاَّحَلاَلاً طَيِّبًا
ความว่า “สิทธิของลูกที่พึงได้รับจากพ่อให้พ่อสอนลูกเรื่องการเขียนและยิงธนูและอย่าให้ลูกบริโภคริสกีนอกจากของที่ฮาล้าล”
أَقُوْلُ قَوْلِيْ هَذَا وَأَسْتَغْفِرُ اللهَ اْلعَظِيْمَ ِليْ وَلَكُمْ وَلِسَائِرِ الْمُسْلِمِيْنَ وَالْمُسْلِمَاتِ فَاسْتَغْفِرُوْهُ إِنَّهُ هُوَ اْلغَفُوْرُ الرَّحِيْمُ
ที่มา: www.islamicbangkok.or.th