เหตุใด น้ำกระท่อม จึงเป็นสิ่งต้องห้ามในอิสลาม : islamhouses


140,484 ผู้ชม

เหตุใด น้ำกระท่อม จึงเป็นสิ่งต้องห้ามในอิสลาม...ลองอ่านแล้วคิดดู


น้ำกระท่อมเป็นสิ่งมึนเมาเป็นที่ต้องห้ามในอิสลาม

ปัจจุบัน วัยรุ่นมุสลิมบ้านเรา ต่างเข้าหายาเสพติดเป็นที่พึ่ง โดยเฉพาะน้ำกระท่อม หรือ ที่เรียกติดปากว่า 4x100 อันเนื่องจากมีการผสมสารต่างๆ เข้าไปกับน้ำกระท่อม ได้แก่ ยาไอซ์ หรือ ที่เรียกว่า น้ำแข็ง , ยากันยุง , ยาแก้ไอ , โค้ก , สีสะท้อนแสงที่ใช้ทาพื้นถนน , ผงเรืองแสงในหลอดฟูลออเรสเซนน์ เป็นต้น ทั้งที่เด็กวัยรุ่นเหล่านั้นไม่ได้มีปัญหาทางครอบแต่อย่างใด ที่ประสบคือ มีการต้มดื่มกินกันในบ้าน วัยรุ่นเจ้าของบ้านก็ได้ชักชวนเพื่อนมาตั้งวงต้มน้ำกระท่อม และดื่มกินกัน พร้อมดีดเล่นกีตาร์ขับร้องเพลงอย่างสนุกสนาน โดยที่พ่อแม่ นั่งอยูบริเวณนั้น หรือไม่ ก็ออกมาสังเกตการณ์อยู่เนื่องๆบริเวณที่ลูกและเพื่อนๆของลูกกำลังสนุกคลื่นเคลงในอาการที่มึนเมาซึ่งสารในน้ำกระท่อมกำลังออกฤทธิ์ เพียงเพื่อไม่ให้ลูกๆออกไปเที่ยวเตร่ หรือให้อยู่ในสายตาของตน จึงต้องแลกเปลี่ยนกับการที่ลูกชักชวนเพื่อนๆมาตั้งวงที่บ้านเพื่อต้มน้ำกระท่อมดื่มกินกัน โดยไม่สนใจว่ามันคือสิ่งที่ต้องห้ามในอิสลาม ผิดต่อกฏหมายบ้านเมือง หรือปัญหาทางสัมคมตามมาหรือไม่

และเมื่อทางเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเข้ามาตรวจค้นหรือจับลูกๆของตนตรวจฉี่ ก็แก้ต่างให้ลูกของตนต่างๆนานา อ้างว่าลูกของตนกินแค่น้ำโค้กบ้าง ลูกของตนไม่ได้ไปมั่วสุมกับสิ่งเหล่านั้นบ้าง และเมื่อเจ้าหน้าที่จะนำตัวลูกของตนไปบำบัดฟื้นฟู ก็กีดกันไม่ยอมให้ส่งตัวไปบำบัด กลัวจะเสียชื่อเสียงของวงตระกูล กลัวถูกชาวบ้านประนาม เพราะตัวเองเป็นถึงผู้นำชุมชน ผู้นำศาสนา แต่ลูกของตนเองกลับเป็นเสียเอง และนำลูกของตนเองกลับมาวนเวียนกับยาเสพติดนั้นเหมือนเดิม

ปัญหาวัยรุ่นติดน้ำกระท่อมยังวนเวียนอยู่ในสังคมมุสลิมบ้านเรา หากพ่อแม่ผู้ปกครอง หรือผู้นำชุมชน ผู้นำศาสนา ยังเห็นดีเห็นงาม และไม่ยอมแก้ปัญหา แต่กลับปล่อยให้วัยรุ่นมั่วสุ่มกับน้ำกระท่อมนี้ต่อไป

เคยเห็นลูกของโต๊ะครูสอนศาสนา กับลูกของผู้เคร่งคลัดออกดะวะฮ์ ตับลีฆ ทุกๆ 40 วัน ทุกๆสี่เดือนมาให้สลามกับผู้เขียน ซึ่งทั้งสองอยู่ในอาการมึนเมาอย่างรุนแรง ผู้เขียนหนักอกหนักใจเป็นอย่างมากถึงการกระทำของพวกเขาทั้งสอง จึงไปปรึกษาเพื่อนคนหนึ่งถึงเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งเราเคยเรียนหนังสือศาสนา ไปมัสยิดด้วยกัน แต่เราได้แยกทางกันเพราะเขาไปเรียนต่อที่ปอเนาะแห่งหนึ่ง มาพบเขาอีกทีตอนเรียนปริญญาตรี แต่คำตอบที่ได้รับจากเขาก็คือ : สิ่งเหล่านั้น ไม่ว่าน้ำกระท่อม ยาบ้า ยาไอซ์ กันชา เราสัมผัสมาหมดแล้ว แต่ตอนนี้เลิกแล้ว : ได้ยินคำตอบจากนั้นผู้เขียนไม่เอ่ยปากกล่าวถามต่อไปอีกเลย พร้อมกับก้มหัวสายตามองลงต่ำ ด้วยอาการที่ผิดหวังและตกตะลึง ผู้เขียนไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าจะได้รับคำตอบเช่นนี้จากเพื่อนคนนี้ และคิดว่าเขาคงห่างไกลกับสิ่งเหล่านั้น เพราะสถานที่เปาะเนาะเป็นที่พร่ำสอนศาสนา เป็นสถานที่เกาะกำบังให้เขาปลอดจากสิ่งเหล่านั้นได้ แต่ทำไมถึงกลับตาละปัดเช่นนี้

น้ำกระท่อมเป็นสิ่งมึนเมา
มุสลิมบางคนเข้าใจว่าน้ำกระท่อมถึงแม้จะมึนเมา แต่มันไม่ใช่สุรา จึงรับประทานได้ แต่ตามหลักบทบัญญัติศาสนาแล้ว อิสลามมิได้ห้ามดื่มเฉพาะสุรา แต่ได้ห้ามสิ่งใดก็ตามที่เสพ ดื่ม หรือรับประทานเข้าไปในร่างกายแล้ว ก่อให้เกิดมึนเมา สิ่งมึนเมาทุกชนิดจึงเป็นสิ่งหะรอมต้องห้ามตามหลักศาสนา
عن عائشة رضي الله عنها قالت: سئل رسول الله ﷺ عن البِتْعِ -وهو شـراب العسـل- فقال رسول الله ﷺ: «كُلُّ شَرَابٍ أَسْكَرَ فَهُوَ حَرَامٌ». متفق عليه
รายงานจากท่านหญิงอาอิชะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺอันฮา กล่าวว่า ท่านรอสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม ถูกถามถึงเรื่องอัลบิตอิ – เครื่องดื่มจากน้ำผึ้ง - ท่านรอสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
“ทุกสิ่งที่ดื่มแล้วมึนเมา สิ่งนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องห้าม (หะรอม)” 
(บันทึกโดยอัลบุคอรียฺ หมายเลขหะดีษ 5586 สำนวนหะดีษเป็นของท่าน และมุสลิม หมายเลขหะดีษ 2001)

ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
« كُلُّ مُسْكِرٍ حَرَامٌ ، إنَّ عَلى اللَّهِ عزّ وجلّ عَهْدًا لِمَنْ يَشْرَبُ الْمُسْكِرَ أَنْ يَسْقِيَهُ مِنْ طِيْنَةِ الْخَبَالِ »
ความว่า “ทุกสิ่งที่ทำให้มึนเมาเป็นสิ่งที่ต้องห้าม แท้จริงอัลลอฮฺทรงมีสัญญากับผู้ที่ดื่มสิ่งที่ทำให้มึนเมาว่าพระองค์จะให้เขาได้ดื่มฏีนะตุลเคาะบาล”
พวกเขากล่าวว่า "โอ้ ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ‘ฏีนะตุลเคาะบาล’ ที่ว่านี้คืออะไรหรือครับ?” ท่านตอบว่า
« عَرَقُ أَهْلِ النّارِ، أو عُصَارَةُ أَهْلِ النّارِ » [رواه البخاري برقم 2003] 
“คือน้ำเหงื่อของชาวนรก หรือสิ่งสกปรกที่มาจากชาวนรก” (บันทึกโดย อัล-บุคอรีย์ หมายเลขหะดีษ 2003)

เหตุใด น้ำกระท่อม จึงเป็นสิ่งต้องห้ามในอิสลาม

ซึ่งในใบกระท่อม มีแอลคาลอยด์หลายชนิด แต่ที่สำคัญคือ mitragynine และ 7-hydroxy mitragynine เมื่อนำใบกระท่อมจำนวน 20 ใบ จะสกัดแล้วให้สาร mitragynine ประมาณ 17 มิลลิกรัม การใช้ใบกระท่อมในขนาดต่ำๆ ให้ผลกระตุ้นระบบประสาท มีฤทธิ์กระตุ้นประสาทคล้ายยาบ้าอ่อน ๆ ส่วนขนาดสูงกดประสาท
เมื่อเสพเข้าไปจะมึน ๆ ง่วง ๆ เหมือนเมาเหล้า

ส่วนประกอบในน้ำใบกระท่อม
ปัจจุบันผู้ดื่มน้ำกระท่อมมีการคิดสูตร ผสมสารต่างๆลงไปในน้ำใบกระท่อมให้เกิดความมึนเมามากขึ้น อันได้แก่ ยาไอซ์ หรือที่เรียกว่าน้ำแข็ง , ยากันยุง , ยาแก้ไอ , โค้ก , สีสะท้อนแสงที่ใช้ทาพื้นถนน , ผงเรืองแสงในหลอดฟูลออเรสเซนน์ เป็นต้น ซึ่งสารประกอบเหล่านี้ ก่อให้เกิดการมึนเมา และมีผลอันตรายต่อร่งกายมากมาย สารต่างๆนี้ มีผลต่อประสาทและก่อให้เกิดอันตรายดังนี้
1. ยา ICE หรือ ไอซ์ เมทแอมเฟตามีน เป็นก้อนผลึกใสเหมือนน้ำแข็ง สังเคราะห์จากสารอีเฟดรีน (Ephedrine) เมื่อเสพเข้าแล้วจะทำให้มึนเมาถึงขนาดเห็นภาพหลอน อาการซึมเศร้ารุนแรง ลดความอยากอาหารและน้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว หวาดระแวง ย้ำคิดย้ำทำ มีความผิดปกติของปอดและไต ซึ่งอาจถึงตายได้ ประสาทหลอน มีปัญหาเกี่ยวกับฟัน มีโรคต่างๆ เกี่ยวกับหัวใจ
2. ยาแก้ไอ แบบน้ำที่ผสมสาร “โคเดอีน” โคเดอีนผลิตมาจากฝิ่น ซึ่งเป็นน้ำยาง (juice) ที่กรีดได้จากผลฝิ่น โคเดอีน ออกฤทธิ์ที่ระบบประสาทส่วนกลาง ยาแก้ไอเมื่อผสมกับน้ำโค้กหรือนำอัดลมจะก่อให้อาการมึนเมา
3. ยากันยุง มีสาร"ไพรีทรอยด์" ที่ผสมอยู่ในยาจุดกันยุงจะส่งผลกระทบต่อระบบประสาท หากได้รับสารพรีทรอยด์ในปริมาณมาก ได้แก่ มึนงง ปวดศีรษะ อาเจียน กล้ามเนื้อกระตุก อ่อนเพลีย การรับรู้ต่อสภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไป ชัก หมดสติ หรืออาจถึงขั้นเสียชีวิตฯลฯ
นี้เป็นเพียงยกตัวอย่างของสารบางชนิด ที่ผสมในน้ำกระท่อม ซึ่งนอกจากก่อให้เกิดความมึนเมาแล้ว มันยังส่งผลอันตรายต่อร่างกายของผู้เสพ รับประทาน หรือดื่มเข้าไปอีกด้วย

อัลลอฮฺ สุบหานะฮุ วะตะอาลา ตรัสว่า
﴿ وَلَا تَقۡتُلُوٓاْ أَنفُسَكُمۡۚ إِنَّ ٱللَّهَ كَانَ بِكُمۡ رَحِيمٗا ﴾ [النساء : 29]
ความว่า “และจงอย่าฆ่าตัวของพวกเจ้าเอง แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงเมตตาต่อพวกเจ้าเสมอ” (อัน-นิสาอ์ : 29)
เล่าจากอิบนุ อับบาส เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา จากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
«لَاضَرَرَ وَلَاضِرَارَ» [رواه احمد في مسنده 1/313]
ความว่า “อย่าทำร้ายตนเอง และอย่าทำร้ายผู้อื่น” (บันทึกโดยอะหฺมัด : 1/ 313)
والله أعلم بالصواب

เขียนโดย 

เรื่องที่น่าสนใจ