ความฝัน-ลางสังหรณ์ในอิสลาม


36,394 ผู้ชม

ลางสังหรณ์มีความรู้สึกว่า จะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ดีขึ้นฝันดี ฝันไม่ดี ฝันถึงเหตุการณ์ใดแล้วอีกไม่นานฝันนั้นก็เกิดขึ้นจริงแล้วถ้าเกิดเหตุการณ์อย่างนี้กับพี่น้องมุสลิม เราจะควรจะทำอย่างไร???


 ความฝัน-ลางสังหรณ์ในอิสลาม

ลางสังหรณ์มีความรู้สึกว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ดีขึ้นฝันดี ฝันไม่ดี ฝันถึงเหตุการณ์ใดแล้วอีกไม่นานฝันนั้นก็เกิดขึ้นจริงแล้วถ้าเกิดเหตุการณ์อย่างนี้กับพี่น้องมุสลิม เราจะควรจะทำอย่างไร???

หลายคนคงเคยมีอาการแปลกๆ เช่น ตาซ้ายกระตุก ตาขวาเขม่น หรือที่เราคิดว่ามันเป็นลางสังหรณ์มีความรู้สึกว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ดีขึ้น ฝันดี ฝันไม่ดี ฝันถึงเหตุการณ์ใดแล้วอีกไม่นานฝันนั้นก็เกิดขึ้นจริง เดจาวูที่เหมือนกับเคยเกิดเหตุการณ์หรือคำพูดแบบนี้ เราเคยพบ เคยเห็น เคยเกิดขึ้นมาก่อน เอ..แล้วถ้าเกิดเหตุการณ์อย่างนี้กับพี่น้องมุสลิม เราจะควรจะทำอย่างไร? จะเชื่อได้หรือไม่! 

ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ อาจารย์อับดุลวาเฮด หวังประโยชน์ อาจารย์สอนศาสนา ร.ร.ศาสนูปถัมภ์ และวิทยากรประจำสถานีโทรทัศน์ TMTV ถึงประเด็นดังกล่าว เรามาหาคำตอบไปพร้อมๆ กัน 

ลางสังหรณ์

“เรื่องของ คำว่า ลางสังหรณ์ มันเป็นเหมือนความรู้สึกของคน ที่คิดว่ามันน่าจะเกิดขึ้น หรือความรู้สึกของคนที่บอกว่า มันน่าจะเป็นแบบนี้ น่าจะเป็นแบบนั้น นั่นคือความรู้สึกของคนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หรือลางบอกเหตุ คือ ถ้ามีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น มันจะนำไปสู่สิ่งนี้ สิ่งนั้น จากที่กล่าวแล้วมันมีความเป็นไปได้ เพราะในเรื่องของหลักการอิสลามก็พูดถึงเรื่องนี้อยู่ แต่ก่อนจะกล่าวถึงตรงนี้ ต้องทราบก่อนว่า ชีวิตของอิสลามที่เป็นไป มันเป็นไปตามกำหนดการณ์ของอัลลอฮฺ(ซบ.) เรียกว่า “กอดฎอกอฎัร” 

 ความฝัน-ลางสังหรณ์ในอิสลาม

กอดฎอกอฎัร

คำว่า “กอฎอ” คือ สิ่งที่มันเกิดขึ้น “กอฎัร” ก็คือ สิ่งที่พระองค์ทรงกำหนดเอาไว้ เช่น ก่อนที่โลกนี้จะเกิดขึ้น ประมาณ 50,000 ปี อัลลอฮฺ(ซบ.) ก็เป็นผู้กำหนดว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง ก่อนที่จะสร้างโลกนี้ทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น เพราะอัลลอฮฺ(ซบ.) สร้างโลกนี้มามันก็จะเป็นไปตามกำหนดการณ์ของอัลลอฮฺ(ซบ.) ดังนั้นที่เราใช้ชีวิตอยู่ทุกวันนี้อัลลอฮฺ(ซบ.) ก็กำหนดไว้อยู่แล้ว และมันต้องเป็นไปตามนั้น

กำหนดการณ์เหล่านี้ มันสามารถมีการปรับเปลี่ยนได้ตามที่พระองค์บอกไว้ว่า ให้เราขอดุอาอฺ ทุกคนสามารถรับรู้ด้วยตนเองอยู่แล้ว เช่น ถ้าเราจะข้ามถนน แต่เราหลับตาข้ามก็จะต้องโดนชน ถ้าเราเลือกอย่างนี้มันก็เป็นไปตามกำหนดที่อัลลอฮฺ(ซบ.) บอกเพราะเราหลับตาข้ามถนนเราก็ถูกรถชน แต่ถ้าเกิดคุณเลือกที่จะมองขวา มองซ้าย ก่อนการข้ามถนน อย่างนี้แสดงว่าเราเชื่อมั่น หมายความว่าชีวิตเราไม่ได้มีทางเลือกเดียว นี่คือเรื่องของกอฎอกอฎัรในส่วนของทางโลก

ในเรื่องของทางธรรม ด้านศาสนา เช่น อัลลอฮฺ(ซบ.) กำหนดไว้มุสลิมจะต้องละหมาด ถามว่าเมื่อได้เวลาละหมาด 5 เวลา ทุกคนเดินเข้าเสื่อละหมาดเลยไหมนั่นก็อยู่ที่เราตัดสินใจ สิ่งที่ศาสนากำหนดเอาไว้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องทำ แต่เราไม่ทำแสดงว่าก็ไม่มีใครมาบังคับเราได้ มันอยู่ที่จิตใต้สำนึกของเรา เพราะฉะนั้นเราจะเข้าใจเรื่องกอฎอกอฎัร การเป็นไปตามกำหนดสภาวะนั้น อยู่ที่วิธีการเลือกตัดสินใจของเราเช่นกัน”

ความฝัน 

“โดยพื้นฐานอิสลาม ดังที่ท่านรอซูล(ซ.ล.) กล่าวไว้ความว่า "การฝันดีมาจากพระองค์อัลลอฮฺ ส่วนการฝัน (ที่ไม่ดี) มาจากชัยฏอน" (บันทึกโดยบุคอรีย์และมุสลิม) ฝันที่มากจากอัลลอฮฺ(ซบ.) หลักการอิสลามบอกไว้ว่า “ฝันดีเป็นหนึ่งในสี่สิบส่วนของความดีที่ท่านนบีได้รับ” ท่านนบีมูฮัมหมัด(ซ.ล.) ได้รับความดี 40 ส่วน ขณะที่ท่านนบี(ซ.ล.) ได้รับวะฮีย์ อัลลอฮฺ(ซบ.) ลงวะฮีย์มาให้นบี(ซ.ล.) พูดไปตามคำบัญชาของพระองค์ ดังที่จะเห็นได้จากหลักการที่มาจากอัลกุรอาน ซึ่งเป็นคำพูดของอัลลอฮฺ(ซบ.) ให้ท่านนบี(ซ.ล.) มาบอก หรือหะดิษที่ท่านนบี(ซ.ล.) พูด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแพทย์ เรื่องสังคม ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสิ่งเร้นลับที่เกิดขึ้น สิ่งที่ท่านนบี(ซ.ล.) พูดนั้นเป็นความดีที่ท่านนบีได้รับและนบีพูดออกไป มันเป็น 40 ส่วน และเราจะได้ 1 ใน 40 ส่วน จากความดีที่ท่านนบี(ซ.ล.) ได้

ซึ่งได้มาจากความฝันที่เป็นฝันดี การฝันดีเป็น 1 ใน 40 ความดีที่ท่านนบีได้ พูดง่ายๆ ว่า ท่านนบี(ซ.ล.) ฝันดี ได้ 40 เท่า แต่เราได้ 1 เท่า ฉะนั้นคนที่ฝันดีอยากจะได้อะไรก็ขอดุอาอฺแล้วเราก็จะได้สิ่งนั้น ส่วนอนาคตเราสามารถรู้ได้ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณขยันมาตั้งแต่เด็ก ทำมาหากินเรียนรู้เรียนทุกอย่าง และคุณก็รอบคอบในการทำมาหากินคุณก็จะประสบความสำเร็จ นี่เป็นลางบอกไว้อยู่แล้วว่าอนาคตคุณจะรวย จะสบาย เพราะคุณลำบากตั้งแต่วันนี้ อันนี้เป็นเรื่องธรรมชาติ ส่วนฝันร้ายที่มาจากชัยตอน เช่น การฝันว่าได้ร่วมหลับนอนกับเพศตรงข้าม ฝันอย่างนี้ไม่ได้เรียกว่าฝันดี คนหนุ่มสาวอาจจะบอกว่านี่คือฝันดี ที่จริงแล้วไม่ใช่เป็นฝันที่มาจากชัยตอน”

ฝันว่าคนตายมาหา

“การฝันว่าคนตายจะกลับมาเป็นฝันดีหรือไม่? อันนี้เป็นฝันไม่ดี เพราะมันขัดต่อหลักการของอัลกุรอานและหะดิษ ชีวิตของคนเป็นกับคนตาย มันมีบัรซัคมากั้นอยู่ บัรซัคคือ โลกที่มันปิดกั้นอยู่ระหว่างคนเป็นกับคนตาย ไม่มีทางที่คนตายจะกลับมา แต่เมื่อหลังจากตายไปแล้ววิญญาณไปอยู่ไหน? อัลลอฮฺ(ซบ.) ก็จะเอาวิญญาณไว้ในสถานที่ที่พระองค์ทรงเตรียมไว้ให้ คนดีก็อยู่ในสวรรค์อยู่สูงสุดอยู่กับบรรดาอัมบียะห์ อยู่ในหัวใจของนกสีเขียวที่บินอยู่ในสรวงสวรรค์ และคนชั่วจะอยาในที่ต่ำๆ ไม่สามารถขึ้นไปบนสวรรค์ได้ เพราะฉะนั้นถ้าถามว่าคนตาย ตายไปแล้วมาเข้าฝันอยากกินข้าวเหนียวทุเรียน ข้าวเหนียวถั่วดำ ไก่ย่าง เมื่อเราตื่นมาก็ทำให้เพราะคนตายมาเข้าฝันบอกว่าอยากกิน

กรณีนี้ในอิสลามไม่มีบทบัญญัติให้เราปฏิบัติ ทั้งอัลกุรอาน หะดิษ และประวัติศาสตร์ เพียงแต่เรากลัวเพราะมันเป็นการชี้นำของชัยตอนให้เราฝัน ถ้าหากเป็นความฝันเช่นนี้ให้เราลองนึกย้อนไปขณะที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่ ปกติก็ทานอาหารเหล่านี้อยู่แล้ว มันเป็นเพียงความรู้สึกภายใต้จิตใต้สำนึกของเราเองที่วนอยู่ หากเราทำเลี้ยงเขานั่นถือว่าเป็นการทำถวายชัยตอน เพราะชัยตอนมันมาเข้าฝันเรา เป็นชิริก (การตั้งภาคี) ชัยตอนต้องการให้เราทำชิริกเพราะมันถูกสาปแช่งอยู่ในนรกที่มันทำแบบนี้เพราะมันต้องการให้เราเป็นพวกของมันมัน”

ความเชื่อ

“มีอยู่ความเชื่อหนึ่ง เช่น พฤหัสบดีค่ำลง หรือคืนวันศุกร์ จะมีวิญญาณกลับมา ซึ่งอันนี้ไม่มีหลักฐานปรากฎ ถ้าบอกว่าคนตายจะกลับมา ผมให้แง่คิดไว้อย่างหนึ่งกับคนที่คิดอย่างนั้น แง่คิดแรก คือ สมมติว่าถ้าภรรยาเสียชีวิต และสามียังอยู่บ้าน ต่อมาคืนวันศุกร์ วิญญาณภรรยากลับมาบ้าน เห็นสามีนอนกับเมียใหม่ เตียงเดิมที่นอนเดิมชุดเดิม ถามว่าวิญญาณจะเครียดไหม ขนาดอยู่บนดุนยายังเครียดเลย 

แง่คิดที่สอง คือ ที่ท่านนบี(ซ.ล.) บอกว่าคนชั่วที่ตายไปแล้วจะอยู่ต่ำๆ แต่คนดีจะอยู่สูง ฉะนั้นวิญญาณที่กลับมาจะเป็นคนชั่วหรือคนดีล่ะให้เราคิด ถ้าเราบอกว่าวิญญาณพ่อเรากลับมาแสดงว่าพ่อเราชั่ว เพราะนั้นถ้าคิดแบบนี้หลักการนั้นก็ไม่เกิด”

ฉะนั้น ฝันดี ให้เราขอบคุณอัลลอฮฺ(ซบ.) ดังที่ท่านรอซูล(ซ.ล.) กล่าวไว้ความว่า "การฝันดีมาจากพระองค์อัลลอฮฺ ส่วนการฝัน (ที่ไม่ดี) มาจากชัยตอน ดังนั้นบุคคลใดที่ฝันเห็นสิ่งที่เขารังเกียจ เขาจงเป่าทางด้านซ้ายของเขา 3 ครั้ง และเขาจงขอความคุ้มครอง (ต่อพระองค์อัลลอฮฺ) ให้พ้นจากชัยตอน (ซึ่งการกระทำเช่นนั้น) ชัยฏอนไม่สามารถทำอันตรายเขาได้" (บันทึกโดยบุคอรีย์ หะดิษที่ 6480 และมุสลิม หะดิษที่ 4195) หะดิษข้างต้นชี้ให้รู้ว่า หากเราฝันดีนั่นมาจากอัลลอฮฺและศาสนาอนุญาตให้เราเล่าเรื่องราวความฝันให้ผู้อื่นฟังได้

ส่วนกรณีที่เราฝันไม่ดี นั่นมาจากชัยฏอน หากตกใจตื่นขึ้นมา ศาสนาก็สั่งใช้ให้เราถ่ม หรือเป่าไปทางด้านซ้าย 3 ครั้ง แล้วกล่าวว่า “อะอูซุบิ้ลลาฮิมินัชชัยตอนิรร่อญีม” ความว่า "ฉันขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺให้พ้นจากชัยตอนที่ถูกสาปแช่ง" เปลี่ยนอิริยาบทท่านอน และมีซุนนะห์ไม่ต้องเล่าความฝันที่ไม่ดีนั้นให้แก่ผู้อื่นฟัง ข้อแนะนำ ก่อนนอนท่านอาบน้ำละหมาด อ่านดุอาอฺ ตามด้วยกุลอะอูซุบิร็อบบิ้ลนาซ 3 ครั้ง เป่าและลูบตัวของเรา แล้วอ่านอายะห์กุรซีย์ อินชาอัลลอฮฺท่านจะได้รับความคุ้มครองจนกระทั้งเช้า”

ลางร้ายในอิสลาม

“ในอิสลามไม่มีลางร้าย แต่หลายคนคงเคยเกิดเหตุการณ์ “เดจาวู” เป็นประสบการณ์ทางจิต ที่เกิดได้กับทุกคน และทุกเวลา อยู่ๆ ก็มีเหตุการณ์แวบเข้ามาว่าเหมือนเคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้มาแล้ว แต่จำไม่ได้ว่าในฝันหรือในอดีต เป็นภาพหนึ่ง หรือมิติหนึ่งของชีวิตที่หลายๆ คนเคยเกิด ผมเองก็เคยเกิดในหลายๆ ครั้ง เช่น เรารู้สึกว่า เราเคยเดินมาตรงนี้แล้ว พอเดินไปแล้วเรารรู้สึกว่ามันต้องเจอเหตุการณ์อะไรสักอย่าง เหตุการณ์อย่างนี้ก็มีอยู่ในหะดิษ เหมือนเราเคยนึกถึงอะไรแล้วเดินไป เหมือนมันจะใช่ แล้วพอไปถึงมันก็ใช่จริงๆ เหมือนลางบอกเหตุ จิตสำนึกของเรามันพาไป ฉะนั้นอยู่ที่เราตะวักกั้ลต่ออัลลอฮฺ(ซบ.) ว่าเราจะตะวักกั้ลเดินไปแล้วจะเจออะไร หรือเราจะเชื่อในสิ่งที่เร้นลับ มันเป็นจิตสำนึกที่อัลลอฺฮ(ซบ.) ให้ไว้ นี่ก็เป็นลางบอกเหตุเหมือนกันประการหนึ่ง บางทีถ้าเรารู้ว่ามันไม่ดีแล้วเราเปลี่ยนใจ แล้วเราก็ตะวักกั้ลกับอัลลอฮฺ(ซบ.) นี่คือทางออก 

อย่างไรก็ตามในหลักการอิสลามมีอยู่ แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างในชีวิตเราต้องเลือกแบบนั้นทั้งหมด และให้รู้ว่าชีวิตของเราจะไปได้ดีหรือไม่ได้ดีนั้น ท่านนบี(ซ.ล.) บอกว่า ให้ดูว่าเราเกิดมาเราทำอะไรง่ายสำหรับชีวิต เช่น ถึงเวลาละหมาดเราลุกขึ้นละหมาดง่าย บริจาคง่าย ช่วยเหลือคนอื่นง่าย ให้อภัยง่าย เรื่องศาสนาเราทำง่ายทั้งหมด เหมือนกับเราเกิดมาเพื่อที่จะทำสิ่งนี้ อย่างนี้แสดงว่าอนาคตเราเหมือนเราจะไปสวรรค์ เพราะเราทำงานของชาวสวรรค์ แต่ถ้าเป็นชาวนรก ถึงเวลาละหมาดยาก แต่ทำชั่วเนี่ยง่าย ทะเลาะกันก็ง่าย ทำลายสิ่งของง่าย อะไรที่เป็นความชั่วเราทำง่าย แสดงว่าเราถูกสร้างมาเพื่อสิ่งนั้น เพราะฉะนั้นเราต้องฝืนฝึกปฏิบัติตัวเอง”

ฝากถึงพี่น้องมุสลิม

“คำว่า โชคลางของมุสลิม หรือดวงของเรา เราเอาไปผูกกับสิ่งหนึ่งสิ่งใดไม่ได้ ชีวิตของเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวเลข เช่น วันที่ 12 เดือน 12 ปี 2012 บางคนคิดว่าเลขสวยแล้วจะดี หลายคนใช้วันนี้เป็นวันแต่งงาน จดทะเบียสมรส สิ่งที่สำคัญไม่ใช่ตัวเลข เราฝากดวงของเราจะดีหรือไม่ดีเราผูกไว้กับอัลลอฮฺ (ซ.บ.) ทุกวันดีหมดเพราะเป็นวันเวลาของอัลลอฮฺ (ซ.บ.) เพราะฉะนั้นโชคของเราที่อัลลอฮฺ (ซ.บ.) กำหนดให้ที่เป็นเรื่องดีเราก็ต้องขอบคุณ ถ้าเป็นเรื่องไม่ดีเราก็ต้องอดทนและผ่านอุปสรรคตรงนั้น นำแนวทางอิสลามมาแก้ไข เราจะทุกข์ ป่วย หรืออะไรก็ตาม ทั้งหมดจะดีหรือไม่ดีอยู่ที่เรายึดมั่นในหลักการศาสนาอิสลามแค่ไหน ชีวิตจะตกอับหรือไม่ ไม่ได้ขึ้นขึ้นอยู่กับการโคจรของดวงดาว แต่อยู่ที่อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ทดสอบเราและเราจะผ่านหรือไม่? ยิ่งเราอยู่ในภาวะวิกฤตเราต้องยึดอิสลาม จะบ่นหรือคิดว่าเราอีหม่านเยอะแต่ทำไมต้องถูกทดสอบนั้นไม่ได้ เมื่อเราย่ำแย่ยากจนทำไมทดสอบมาก ก็เพราะอัลลอฮฺ (ซ.บ.) รัก เพราะเรามีความดีมาก เราอีหม่านมากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทดสอบหนัก ก็ฝากให้ทุกคนรู้ว่าชีวิตของคนเราทุกวันนี้ต้องอดทนอย่างเดียว” อ.อับดุลวาเฮด กล่าวทิ้งท้าย

https://islamhouse.muslimthaipost.com/article/21296

อัพเดทล่าสุด